สองพ่อลูกขับรถมอไซค์ ชนท้ายรถไถลากเครื่องอัดฟาง ลูกชายเสียชีวิตพ่อเจ็บสาหัส
บุรีรัมย์เกิดเหตุสลด สองพ่อลูกขี่มอไซค์กลับจากเอาจ้่วเปลือกไปให้ย่าที่อีกหมู่บ้าน ระหว่างทาง ชนท้ายรถไถลากเครื่องอัดฟางอย่างจัง ลูกชายดับคาที่ ส่วนพ่อสาหัสเรางนำส่งโรงพยาบาล
23/11/62 กลางดึกที่ผ่านมา ร.ต.อ.ขัตติยะ เพชรกล้า รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ รับแจ้ง มีเหตุรถชนกันเสียชีวิต ที่บริเวณ ต.หลักเขต จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อม กู้ชีพอ.บ.ต.หลักเขต และ แพทย์เวร โรงพยาบาลบุรีรัมย์
ที่เกิดเหตุ เป็นถนน สองเลนระหว่าง บ้าน ปริงเปน ถึง บ้านตาแผ้ว ต.หลักเขต อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เป็นเส้นทางที่มืด แสงสว่างน้อย พบชาวบ้านกำลังมุงดูที่เกิดเหตุจำนวนมาก พบรถไถนายี่ห้อคูโบต้าลากเครื่องอัดฟางจอดอยู่ข้างถนน มีสภาพ รอยชนยุบบริเวณ เครื่องอัดฟาง ห่างกันเล็กน้อยพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ ป้ายทะเบียน 1กฉ บุรีรัมย์ 4419 สีน้ำเงิน-ขาว สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ชิ้นส่วนแตกกระจาย ใกล้กันพบศพเป็นชาย1ราย ทราบชื่อต่อมา ชื่อนาย นาย มินทดา กะการัมย์ อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 บ้านโคกเมือง ม.5 ต.หลักเขต อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ สภาพศพ สวมเสื้อยืดแขนยาวสีดำ กางเกงยาวสีดำ มีแผลแตกลึกเปิดกว้าง ที่บริเวณศรีษะ มีเลือดไหลนองที่พื้นจำนวนมาก ซึ่งมีนาง บังอร ตะไล อายุ 39 ปี ผู้เป็นแม่นั่งจับมือลูกชายด้วยความโศกเศร้า ซึ่งระหว่างนั้นมีญาติผู้เสียชีวิต ต่อว่ารถไถนาลากจูงแบบนี้ไม่น่ามาขับรถในเวลากลางคืน ซึ่งเสี่ยงเกิดอันตรายอีกด้วย
สอบถาม นายมนตรี จันทร์รัตร อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 ม.6 ต.หลักเขต คนขับรถไถนาลากเครื่องอักฟาง เล่าว่า ตนไปอัดฟาง ห่างจากจึดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร กำลังจะกลับบ้าน มาถึงที่เกิดเหตุ ตนเองนึกว่ายางรถไถนาระเบิด จึงจอดรถและลงมาดูบริเวณท้ายรถก็ไม่เห็นมีอะไร ยางก็ไม่ระเบิด พอมองไปข้างหลังเห็นรถมอไซค์ล้มอยู่มีผู้ยาดเจ็บ ตนเองตกใจมาก ไม่คิดว่าจะมาชนกับรถตนเอง ซึ่งตนเองก็ไม่ได้ขับเร็ว ซึ่งเปิดไฟส่องสว่างติดด้านหลังรถไถนา และรถมอไซด์ชนไฟท้ายตนเองจนแตก ซึ่งตนยืนยันว่าติดไฟสัญลักษณ์ ให้เห็นว่ามีรถลากเครื่องอักฟาง ซึ่งช่วงนี้ทำนามีรถการเกษตรต้องแสดงสัญลักษณ์ชัดเจนอยู่แล้ว
ด้านนาง บังอร ตะไล (แม่ผู้เสียชีวิต) อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 67 ม.5 ต.หลักเขต อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ลูกชายคนนี้เป็นคนขยัน ช่วงหยุดเรียนเสาร์-อาทิตย์ ก็จะมาช่วยพ่อแม่ทำนาเกี่ยวข้าว ซึ่งวันเกิดเหตุ ลูกชายขับรถไปเอาข้าวเปลือกที่เกี่ยวเสร็จ นำไปให้ย่ากับพ่อ ที่บ้านปริงเปน และกำลังจะกลับบ้าน
มาเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวจนลูกเสียชีวิต ส่วนสามีก็บาดเจ็บสาหัส กู้ชีพนำส่งโรงพยาบาลอยู่ยังไม่รู้จะเป็นยังไง
นางบังอร กล่าวอีกว่า อยากฝากกับคนที่มีรถการเกษตรลักษณะนี้ ติดไฟสัณลักษณ์ ไฟส่องสว่างให้ชัดเจน ให้รู้ว่ามีรถข้างหน้า จะได้หลบทัน จะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุแบบนี้ ซึ่งมีการสูญเสียเกิดขึ้น
ด้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตุ เบื้องต้น ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่นำศพผู้เสียชีวิต ไปตรวจชันสูตรที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง และได้นำตัวคนขับรถไถไปสอบสวนเพื่อสรุปสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ต่อไป
ข่าว-ภาพ วาทิตย์ แสนธุปี จ.บุรีรัมย์