ชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CEO ติดดิน
วันนี้เราจะพาไปดูบทสัมภาษณ์ของนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ซีอีโอใหม่ป้ายแดง บริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) ไปฟังบทสัมภาษณ์ของเขากันเลยครับ เขาเปิดอกคุยทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องของครอบครัวที่พ่อ “หอบเสื่อผืนหมอนใบ” นั่งเรือสำเภามาจากเมืองจีน มารับจ้างทำแหอวน ที่ ต.ท่าฉลอม จ.สมุทรสาคร ก่อนจะขยายกิจการมีเรือประมงขนาดเล็กและขนาดกลางตามลำดับ แต่ประสบการณ์การออกเรือที่ยากลำบากทำให้เขามีมานะเรียนหนังสือเพื่อหาสัมมาอาชีพอื่น เนื่องจากพ่อขู่ว่าหากเรียนหนังสือไม่เก่งก็จะต้องมาทำงานออกเรือประมงให้ทางบ้าน นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ยังกล่าวอีกว่า ผมเป็นผู้นำที่สัมผัสได้ เข้าถึงได้ และผมใช้วิธีการแบบเข้าถึง เข้าใจ และพัฒนา เพราะคิดว่าผมคุยภาษาชาวบ้านได้ ผมเข้าถึงได้ ท่านรู้ไหมว่าเวลาม็อบมาปิดผมเนี่ย ผมเปลี่ยนเสื้อจากเสื้อไออาร์พีซี (บมจ.ไออาร์พีซี) เป็นเสื้อหลากสี แล้วก็ไปโบกรถเหมือนเป็นยามโบกรถ อยู่ประตูหลัง เพราะรถมันออกไม่ได้ ผมเจรจากับม็อบ บอกว่าเราพวกเดียวกันให้รถเขาออกดีกว่า” ชาญศิลป์เท้าความถึงเหตุการณ์เมื่อปี 2557 ที่ ปตท. และกระทรวงพลังงานถูกปิดล้อมโดยกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง และเมื่อโลกขับเคลื่อนเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ทุกธุรกิจจึงจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อก้าวให้ทันความเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีดิจิทัลกลายเป็นสิ่งที่ทุกอุตสาหกรรมให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจพลังงาน ที่หลายคนคิดว่าคงได้รับผลกระทบน้อยกว่าอุตสาหกรรมอื่น แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป เพราะแนวโน้มของพลังงานหลักที่โลกจะใช้ในอนาคตอาจไม่ใช่น้ำมัน ซึ่งแม้ว่าสถานการณ์นี้น่าจะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 20 ปี กว่าที่บทบาทของน้ำมันจะลดลง แต่องค์กรอย่าง ปตท. ที่มีภารกิจสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ได้มีการวางแผนรับมือเรื่องนี้อย่างจริงจังแล้ว
ทั้งนี้นายชาญศิลป์ ตรีนุชกรเป็นผู้มีประสบการณ์สูงในการทำงานใน ปตท. มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ตอบสนองแผนกลยุทธ์ของ ปตท. ในเรื่อง Disruptive Technology เพื่อแสวงหาธุรกิจใหม่ของ ปตท. และสามารถขับเคลื่อนธุรกิจของ ปตท. ต่อไป โดยมีวิสัยทัศน์ที่จะนำนโยบาย CHANGE for Future of Thailand 4.0 เพื่อนำพาให้ ปตท. เป็นองค์กรแห่งความภาคภูมิใจ เน้นความโปร่งใส สู่ความยั่งยืน มีความก้าวหน้าและรุ่งเรืองในอนาคต ชาญศิลป์ ตรีนุชกร ซีอีโอ ปตท. แย้มว่าเขาจะมีการจัดพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ ปตท. ใหม่ ในแนวทางคล้าย ๆ กับที่เขาได้ดำเนินการไปในช่วงที่อยู่ไออาร์พีซีที่ได้มีการยุบ ควบรวมบริษัทในเครือจาก 36 บริษัท เหลือเพียง 6-7 บริษัท ซึ่งธุรกิจร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ก็เป็นหนึ่งในกิจการที่จะมีการทบทวน