พฤติกรรมการขับขี่กับประกันภัยรถจักรยานยนต์
รถจักรยานยนต์ เป็นหนึ่งในรถที่มีคนใช้มากที่สุดในประเทศไทยเลยทีเดียว
นอกจากจะสะดวกในการลัดเลาะตามตรอกซอกซอก เพื่อไปถึงจุดหมายปลายทางที่รถยนต์ไม่สามารถเข้าถึงได้ ไม่ว่าวัยรุ่น ผู้ใหญ่หรือวัยชราล้วนแล้วแต่พึ่งพารถจักรยานยนต์ทั้งสิ้น ซึ่งปัจจุบันตลาดรถจักรยานยนต์มีหลากหลายมากตามไลฟ์สไตล์ของผู้คน ตั้งแต่รถแม่บ้านขนาดเล็ก ไปจนถึงบิ๊กไบค์สูบโตเหมาะกับการเดินทางระยะไกลหลายพันกิโลเมตร หรือบิ๊กไบค์ทรวดทรงปะเปรียวเหมาะกับการทำความเร็วในช่วงเวลาเร่งด่วน
ความนิยมใช้รถจักรยานยนต์ที่หลากหลายนี้ ทำให้อุบัติเหตุและการโจรกรรมเกิดขึ้นกับรถจักรยานยนต์มากที่สุดในบรรดารถทุกประเภท ดังนั้นประกันภัยรถจักรยานยนต์ จึงเป็นเครื่องมือจัดการความเสี่ยงที่น่าหวาดหวั่นนี้เป็นอย่างดี
ประกันภัยรถจักรยานยนต์มีการแบ่งประเภทคล้ายคลึงกับรถยนต์ทั่วไป
นั่นคือ นอกจากประกันภัยภาคบังคับ อย่าง พรบ. แล้ว ยังมี ประกันสมัครใจ ซึ่งแบ่งได้ดังนี้
ประกันภัยรถจักรยานยนต์ชั้น 1 เป็นประกันรถมอเตอร์ไซค์ที่มีความคล้ายกับประกันรถยนต์เพราะมีความคุ้มครองเยอะมาก โดยส่วนใหญ่แล้วประกันภัยรถจักรยานยนต์ชั้น 1 จะเหมาะกับรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ เพราะมีเบี้ยประกันที่ราคาสูง มีความคุ้มครองที่ครอบคลุม
ประกันภัยรถจักรยานยนต์ชั้น 2 + มีความคุ้มครองคล้ายกับประกันชั้น 1 แต่มีความแตกกันที่ไม่คุ้มครองกรณีรถล้มเอง และไม่มีคู่กรณี จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้สำหรับรถคันเอาประกัน ราคาประหยัดกว่าประกันชั้น 1
ประกันภัยรถจักรยานยนต์ชั้น 3 + ถือว่าเป็นประกันที่มีความใกล้เคียงกับประกันชั้น 2 + มาก ทั้งด้านราคาและความคุ้มครองต่าง ๆ ซึ่งจุดที่ต่างกันมีไม่มาก คือ ไม่คุ้มครองกรณีไฟไหม้ ไม่คุ้มครองกรณีรถสูญหาย
ประกันภัยรถจักรยานยนต์ชั้น 3 เป็นประกันที่มีราคาประหยัดที่สุดในประเภทประกันภัยรถจักรยานยนต์มีความคุ้มครองที่แตกต่างจากประเภทอื่น ๆ คือ ให้ความคุ้มครองความเสียหายและทรัพย์สินแค่คู่กรณีเท่านั้น ไม่มีความคุ้มครองให้รถคันเอาประกัน
ประกันภัยรถจักรยานยนต์สูญหาย สำหรับประกันประเภทสุดท้ายนี้ ต้องบอกเลยว่าเป็นกรมธรรม์พิเศษเฉพาะรถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น! ให้ความคุ้มครองในกรณีที่รถมอเตอร์ไซค์ถูกโจรกรรม สูญหายทั้งคัน ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ และกรณีรถเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งมีเงื่อนไขการทำประกันที่คล้ายกับรถยนต์นั่นก็คือ
- รถป้ายแดง มีทุนประกันประมาณ 80% ของราคารถ
- รถที่มีอายุ 1-3 ปี จะมีทุนลดลงต่อปี (ทีละ 10%)
- รถที่มีอายุ 4-9 ปี จะมีทุนเหลือเพียง 10,000 บาทจนถึง 6,000 บาทเท่านั้น
จะเห็นได้ว่าประเภทของประกันมีความคุ้มครองต่างกัน หมายความว่า “เบี้ยประกัน” สูงหรือแพงก็ต่างกันเช่นเดียวกับรถยนต์ ดังนั้นการพิจารณาพฤติกรรมการขับขี่จึงสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เช่น หากขับรถในเมืองเป็นประจำไม่ว่าจะไปเรียนหรือไปทำงาน ต้องเจอกับการจราจรที่ติดขัดและแออัด พฤติกรรมการใช้รถมอเตอร์ไซค์แบบนี้เหมาะกับประกันประกันชั้นชั้น 1 หากเป็นรถใหม่ๆ หรือ 2 + เพราะคุ้มครองเยอะดูแลทั้งคู่กรณีและตัวผู้ขับขี่ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ทีมงานเราได้รวบรวมไว้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณาเลือกประกันภัยรถจักรยานยนต์ให้เหมาะสมกับเพื่อนๆ นั่นเองครับ