น่าอ่าน!! ผมไม่รู้หรอกว่า ‘ชีวิตหลังความตาย’ มีจริงไหม แต่กับ ‘ชีวิตก่อนการเกิด’ ผมยืนยันได้ว่ามีอยู่จริง .
น่าอ่าน.!!หมอบรรยายดีมากๆผมไม่รู้หรอกว่า ‘ชีวิตหลังความตาย’ มีจริงหรือไม่ แต่กับ ‘ชีวิตก่อนการเกิด’ ผมยืนยันได้ว่ามันมีอยู่จริง
ห้องคลอดทุกห้องต้องมีนาฬิกาอย่างน้อยหนึ่งเรือน
ถ้ามีโอกาสเข้าไปสังเกตการณ์การคลอด คุณจะเห็นพยาบาลคนหนึ่งคอยเหลียวมองนาฬิกาเรือนนั้น ทันทีที่ทารกคลอดออกมา เธอจะขานเวลาบนหน้าปัด ตัวเลขชั่วโมง-นาทีจะไปปรากฏบนสูติบัตรในช่องว่างหลังคำว่าเวลาคลอด และวันที่บนปฏิทินวันนั้นก็จะไปปรากฏอยู่บนบัตรประจำตัวอีกหลายใบในฐานะวันเกิด
วันที่ชีวิตหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมา
ขณะพยาบาลขานเวลา แพทย์จะใช้ลูกยางสีแดงดูดน้ำคร่ำ-ที่อาจค้างอยู่-ออกจากปากและจมูกของทารก หลังแน่ใจว่าทารกหายใจเองได้ แพทย์จะใช้แคลมป์สองตัวหนีบสายสะดือไว้ รับกรรไกรที่พยาบาลยื่นส่งให้ จากนั้นจึงใช้มันตัดลงไประหว่างแคลมป์ทั้งสองตัว
ฉับ! เลือด 2-3 หยดกระเซ็นอาบคมกรรไกร
เลือดไม่กี่หยดนั้นเองคือหลักฐานที่ช่วยยืนยันว่า ‘ชีวิตก่อนการเกิด’ ของพวกเรามีอยู่จริง
คนทั่วไปมักสับสนระหว่าง รก และ สายสะดือ
ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น จนกระทั่งมาเป็นแพทย์ ผมจึงได้รู้-และได้เห็น-ว่ารกและสายสะดือนั้นมีรูปร่างและหน้าที่ไม่เหมือนกันเลยสักนิด: รกเป็นก้อนกลมๆ นุ่มๆ แบนๆ ดูคล้ายแผ่นพิซซ่า ขณะที่สายสะดือมีลักษณะเป็นเส้นยาวๆ คล้ายสปาเก๊ตตี้
รกแปะอยู่ที่ด้านในผนังมดลูกของแม่ โดยมีสายสะดือทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างรกและทารก ถ้ายังไม่เห็นภาพ ลองนึกถึงสารคดีวิทยาศาสตร์สักเรื่องที่นักบินอวกาศต้องลอยเคว้งคว้างอยู่ในสภาพไร้น้ำหนัก สภาพนั้นไม่ต่างกันนักกับสภาพของทารกในครรภ์มารดา
ขณะทารกน้อยลอยคว้างท่ามกลางน้ำคร่ำในโพรงมดลูก สายสะดือคือสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวเขาไว้กับยาน ‘แม่’
ภายในสายสะดือคือเส้นเลือดหลายเส้น ทารกจะได้รับสารอาหารจากแม่ผ่านเลือดที่ไหลเวียนในเส้นเลือดเหล่านี้ ขณะเดียวกัน ของเสียที่ทารกมีก็จะถูกส่งผ่านเส้นเลือดเหล่านี้กลับไปยังแม่ของเขา และเข้าสู่ระบบกำจัดของเสียของแม่ต่อไป
อาจพูดได้ว่า ช่วงหนึ่งในชีวิต เราทุกคนเคยดื่ม กิน ขับถ่าย และหายใจผ่านร่างกายแม่ของเรา
คนทั่วไปอาจเรียกมันว่าสายสะดือ แต่สำหรับผมมันคือ ‘สายสัมพันธ์’
สายสะดือคือสิ่งยืนยันว่าชีวิตได้เริ่มต้นขึ้นแล้วก่อนหน้าวันเกิดของเรา
เป็นชีวิตที่แตกต่างจากที่เราเคยเข้าใจ
เป็นชีวิตที่ประกอบด้วยสองหัวใจ, กับหนึ่งสายสัมพันธ์
ในห้องคลอด ผมคือชายที่ถือกรรไกร
คุณอาจรู้สึกว่าผมคิดมากเกินไป แต่คุณรู้อะไรมั้ย กรรไกรในมือของผมกำลังจะเปลี่ยนชีวิตที่ปลายทั้งสองของสายสะดือ
วินาทีที่ผมกดคมกรรไกร นั่นคือวินาทีแรกที่สองชีวิตต้องแยกจากกัน
หลังจากนั้น ทารกน้อยจะค่อยๆ เรียนรู้ที่จะหายใจด้วยปอดของเขาเอง เรียนรู้ที่จะกินได้เองด้วยปากของเขา ขับถ่ายได้เองด้วยระบบขับถ่ายของเขา เขาจะค่อยๆ เติบใหญ่ มีความคิด มีการรับรู้ และมีการสร้างความเข้าใจโลกของตัวเองขึ้นมา เขาจะเริ่มงอแงเมื่อบางอย่างไม่ได้อย่างใจ เขาจะเริ่มหงุดหงิดเมื่อคิดว่าไม่มีใครเข้าใจเขา เขาจะเริ่มพูดว่า “แม่ไม่เคยเข้าใจผมหรอก” เขาจะเริ่มบอกว่า “แม่ไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหน” และวันหนึ่งเมื่อเติบโตจนถึงวัย เขาก็จะจากแม่ของเขาไป ด้วยเหตุผลที่ว่า “ผมอยากมีชีวิตของตัวเอง”
มาคิดๆ ดู ทั้งหมดนี้อาจเริ่มมาจากวินาทีที่คมกรรไกรถูกกดลงไปบนสายสะดือ
จากกรรไกร สองชีวิตจึงจากกันไกล
เมื่อชีวิตหนึ่งสามารถดำรงชีวิตด้วยตนเองได้ สายสัมพันธ์ก็ไม่ใช่สายสำคัญอีกต่อไป มันกลายเป็นสายที่ไร้ประโยชน์ กลายเป็นสายที่ไร้ความหมาย กลายเป็นสายที่เกินไป
กลายเป็นสายเกินไป...
สิ่งที่ผมทำไม่ใช่แค่การตัดสายสะดือ
คุณอาจรู้สึกว่าผมโทษตัวเองเกินไป แต่คุณรู้อะไรมั้ย หมออย่างผมนี่แหละที่เป็นคนทำลายหลักฐานว่าแม่และทารกเคยเป็นหนึ่งชีวิตเดียวกัน แน่นอน ผมไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น แต่โลกภายนอกไม่ได้ต้องการสายสะดือเหมือนโลกในครรภ์ และด้วยเหตุนั้น แพทย์อย่างผมจึงมีหน้าที่ต้องกำจัดมันไป
โดยทั่วไปผมจะตัดสายสะดือให้เหลือตอสั้นๆ ประมาณ 2 เซนติเมตรจากหน้าท้องของทารก ตอนี้จะค่อยๆ แห้งและหลุดไปไม่กี่วันหลังจากนั้น สายสะดือส่วนที่เหลือจะถูกส่งไปกำจัดพร้อมกับเศษเนื้อเยื่อและชิ้นเนื้ออื่นๆ ของโรงพยาบาล นับจากวันนั้น เรื่องราวของชีวิตก่อนการเกิดก็กลายเป็นเพียงอดีตที่สูญหาย เป็นเพียงตำนานที่ไม่มีใครรู้ว่าเคยมีอยู่จริง
สายสะดือก็เลยกลายเป็นเหมือนสาย‘ลับ’ สายลับที่คอยลักลอบส่งอากาศและอาหาร สายลับที่ทำงานโดยไม่เคยเรียกร้องต้องการอะไร สายลับที่ไม่เคยมีใครเห็นหน้าค่าตา
เป็นสาย ‘เลือด’ ที่น้อยคนนักจะตระหนักว่ามันเคยมีอยู่จริงๆ
การคิดว่าอยู่ๆ ชีวิตก็เกิดขึ้นมาในวันเกิด อาจทำให้คุณพลาดความหมายบางอย่างของชีวิต เพราะความจริงแล้ว ชีวิตที่ไม่เคยถูกนับเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต อาจเป็นช่วงชีวิตที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ
ไม่มีช่วงเวลานั้น ไหนเลยจะมีคุณมานั่งอ่านบทความนี้
ผมเขียนบทความนี้เพื่อไถ่โทษให้กับการกระทำของตัวเอง ผมคือชายถือกรรไกร ผมทำลายหลักฐานทุกอย่างของชีวิตก่อนการเกิดของใครหลายคน แน่นอน ผมไม่มีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอันที่จะพิสูจน์สิ่งที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้ อย่างไรก็ดี ผมอยากให้คุณได้เห็นอะไรบางอย่าง ผมหวังว่ามันคงช่วยยืนยันสิ่งที่ผมเขียนมาได้บ้าง ขอเพียงคุณเปิดใจมากพอ
เลิกชายเสื้อขึ้นดูสิครับ สิ่งที่ผมพูดถึงคือสิ่งที่อยู่กลางท้องของคุณ
มองผ่านคราบขี้ไคลลงไป ลองใช้มือสัมผัสมันดูก็ได้
รู้สึกมั้ย นั่นแหละชีวิตก่อนการเกิดของคุณ
ฉับ!
สำหรับคนทั่วไปเสียงกรรไกรครั้งนั้นเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่าง แต่สำหรับใครคนหนึ่ง เสียงนั้นไม่ทำให้เกิดความแตกต่างอะไรเลย เพราะหลังจากสายสัมพันธ์เส้นนั้นถูกตัดไป ใครคนนั้นก็ยังคงทำหน้าที่ส่งอาหาร จัดการเรื่องการขับถ่าย แม้กระทั่งดูแลเรื่องการหายใจให้กับใครอีกคนอย่างที่เธอเคยทำ
เพียงแต่ครั้งนี้ เธอทำมันผ่านสายสัมพันธ์ทางใจ และเท่าที่ผมเห็นมา สายสัมพันธ์นี้ กรรไกรคมแค่ไหนก็ไม่สามารถตัดมันให้ขาดจากกันได้เลย
........
นพ. คุณากร วรวรรณธนะ
เผยแพร่ครั้งแรกในคอลัมน์ โลกประจำตัว
นิตยสารอะเดย์ หลายปีมาแล้ว