5 สายพันธุ์น้องหมาตัวใหญ่ แต่เฝ้าบ้านไม่ได้
เพื่อน ๆ คนไหนชอบน้องหมาพันธุ์ใหญ่ อยากเลี้ยงเอาไว้เพื่อเป็นเพื่อนสี่ขาคู่ใจ หรือเลี้ยงไว้เพื่อทำหน้าที่เฝ้าบ้านกันบ้านคะ? มีน้องหมาพันธุ์ใหญ่หลายสายพันธุ์เลยค่ะที่มีความสามารถในการเฝ้าบ้าน หวงอาณาเขต เจอคนแปลกหน้าก็สามารถเห่าและจัดการไล่ผู้บุกรุกในเขตบ้านได้ แต่ก็ยังมีน้องหมาพันธุ์ใหญ่อีกหลายสายพันธุ์ค่ะ ที่มีนิสัยเป็นมิตร ใจดี เข้ากับคนได้ดี ขัดกับรูปร่างและบุคลิกภายนอก
วันนี้ปังปอนด์ก็เลยจะพาเพื่อน ๆ มาดูสายพันธุ์น้องหมาที่ตัวใหญ่ แต่ไม่เหมาะเฝ้าบ้านกันค่ะ ไปดูกันดีกว่าค่ะว่ามีสายพันธุ์อะไรบ้าง
1. เกรทเดน
เกรทเดน สุนัขสายพันธุ์นี้ถูกพัฒนาขึ้นในประเทศ เยอรมนี สุนัขพันธุ์เกรทเดนเป็นสุนัขที่มีขนาดใหญ่ แข็งแรง มีความสามารถเฉพาะตัวสูง ชาวเยอรมันได้พัฒนาสุนัขพันธุ์นี้ขึ้นมาเพื่อล่าหมูป่า แต่ในปัจจุบันเกรทเดนได้รับการพัฒนาสายพันธุ์ให้ดีขึ้น
เกรทเดนเป็นสุนัขที่ขี้ประจบ เป็นมิตร เงียบๆ และสุภาพกับเด็กๆที่ปฏิบัติต่อมันอย่างนิ่มนวล หากมีคนมาหาจะส่งเสียงเห่าดังๆ บอกเจ้าของให้รู้ แต่ไม่ก้าวร้าวหรือกัด
น้องหมาเกรทเดนเติบโตอย่างรวดเร็วมาก ดังนั้นไม่ควรให้สุนัขออกกำลังกายมากเกินไปก่อนอายุ 12 เดือนต้องแน่ใจว่าบริเวณที่เลี้ยงควรมีรั้วรอบขอบชิด และเมื่อผู้เลี้ยงไม่อยู่บ้านต้องผูกสุนัขไว้ด้วยเพราะ เกรทเดน สามารถกระโดดข้ามรั้วได้สบายๆ ที่สำคัญผู้เลี้ยงจะต้องคอยให้ความรักความเอ็นดูสุนัขด้วยนะ
2.อลาสกัน มาลามิวท์
อลาสกัน มาลามิวท์ เป็นสุนัขที่มีอุปนิสัยขี้อ้อน เป็นมิตร ซื่อสัตย์ จงรักภักดี รักสันโดษและอาจดื้อบ้างในบางครั้ง โดยพวกเขามีความเป็นตัวของตัวเองสูง จึงอาจไม่ฟังคำสั่งได้ตามแต่กาลโอกาส เว้นเสียแต่ได้รับของรางวัล หรือสิ่งตอบแทนมาล่อใจ พวกเขาเป็นมิตรและมักอารมณ์ดี เมื่อได้อยู่ร่วมกับมนุษย์ ซึ่งเจ้าของจำเป็นต้องฝึกให้เข้าสังคมมากพอ เพื่อทำให้พวกเขาสามารถอยู่ร่วมกับสุนัขตัวอื่นโดยปกติสุขค่ะ
สำหรับคนที่คิดว่า น้องหมาอลาสกัน มาลามิวท์ ตัวใหญ่จะต้องดุร้าย ก้าวร้าว เหมาะกับเป็นน้องหมาอารักขา เลี้ยงไว้สำหรับเฝ้าบ้าน ป้องกันขโมย อาจจะต้องคิดใหม่ค่ะ เพราะเห็นพวกเขาตัวใหญ่อย่างนี้ กลับเป็นน้องหมาที่ต้องการความรัก การดูแลเอาใจใส่สูง เป็นมิตรแม้แต่คนแปลกหน้า ไม่ค่อยเห่าพร่ำเพรื่อ ออกจะเคลื่อนไหวเชื่องช้า ชอบนอนอยู่กับเจ้าของ เอาอกเอาใจเจ้าของ แม้จะมีความเป็นตัวของตัวเองสูงเช่นเดียวกับไซบีเรียน ฮัสกี้ก็ตาม แต่ทว่าพวกเขาไม่ไฮเปอร์ ทำลายบ้านเรือน ทะลึ่งตึงตัง แสบสันเท่ากับไซบีเรียนฮัสกี้
3. ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์
น้องหมาพันธุ์ ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่ฉลาดหลักแหลม กระตือรือร้น รักสนุก ช่างเอาอกเอาใจเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็ก ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ได้ง่าย นิสัยเป็นมิตร ใจดี เข้ากับคนแปลกหน้าได้ง่าย
สำหรับสุนัขพันธุ์นี้ ต้องมีคอกที่ใหญ่และมีรั้วสูงล้อมรอบ มีพื้นที่ให้น้องหมาวิ่งเล่นก็จะดี ควรให้เขาออกกำลังกายวันละ 30 นาที จะทำให้พวกเขาแข็งแรง มีความมั่นคงทางอารมณ์ เนื่องจากสุนัขพันธุ์นี้จะอ้วนง่ายเวลาที่มีอายุมากขึ้นซึ่งสามารถก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ ดังนั้นจึงควรดูแลอาหารการกินที่มีปริมาณและคุณค่าทางอาหารเหมาะสมตามวัยของสุนัข ทำความสะอาดเดือนละ 2 ครั้ง
4. โกลเด้น รีทรีฟเวอร์
โกลเด้นฯเป็นสุนัขที่มีขนาดปานกลาง ไม่เทอะทะเก้งก้างจนดูเกะกะ เป็นสุนัขที่มีนิสัยค่อนข้างจะเป็นมิตรกับทุกๆ และสุนัขที่มีความปราดเปรียวและอดทน ลีลาในการย่างก้าวหรือไหวเป็นไปด้วยความนิ่มนวล
นิสัยสุภาพ น่ารัก มีเสน่ห์ ขี้เล่น ช่างประจบเอาใจ และเสียสละรักเจ้าของได้เท่ากับสุนัขพันธุ์ โกลเด้นฯนี้ ลักษณะนิสัยสุนัขพันธุ์นี้ใจดี ชอบอยู่กับคนและสัตว์อื่น มีมนุษย์สัมพันธ์ดี ค่อนข้างติดคนหรืออยากให้เจ้าของสนใจ โกลเด้นฯ เป็นสุนัขที่ฝึกง่าย มันชอบเห่าเมื่อมีคนอยู่หน้าประตูบ้าน แต่มีบ่อยครั้งที่การเห่านั้นเป็นการแสดงการทักทายมิใช่การขู่
สำหรับโกลเด้นฯ เป็นสุนัขที่ชอบสังคมและไม่ชอบถูกทิ้งให้อยู่ลำพังตัว อย่าปล่อยให้สุนัขออกไปนอกบ้านโดยไม่มีคนไปด้วย ผู้เลี้ยงควรพาสุนัขไปเดินเล่นไกลๆ ทุกวันหรือหาสนามโล่งๆ ให้ได้วิ่งเล่นเก็บลูกบอลหรือว่ายน้ำกับสุนัขตัวอื่น เพื่อผ่อนคลายความเครียดและเพื่อสุขภาพที่ดีนะคะ
5. ไซบีเรียน ฮัสกี้
ไซบีเรียนเป็นสุนัขที่ฉลาด ไฮเปอร์ตื่นตัว พลังงานสูง สมาธิค่อนข้างสั้น รักอิสระ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง เข้าขั้นเรียก่า ดื้อ ขี้บ่น ขี้เถียง ฝึกยาก เป็นนักทำลายข้าวของตัวยง แต่ไซบีเรียนเป็นน้องหมาที่เป็นมิตรกับทุกคน ไม่ว่าจะคุ้นหน้า หรือแปลกหน้า ไหวพริบดี ฉลาดแกมโกง ซึ่งไหวพริบกับความฉลาดที่มีของพวกเขานั้นไม่ค่อยได้เอาไปใช้ประโยชน์สักเท่าไหร่ โดยส่วนมากจะเป็นเล่ห์เหลี่ยมเพื่อหาทางซุกซนเสียมากกว่า ไซบีเรียนฮัสกี้ชอบหอนมากกว่าเห่า จนกลายเป็นปัญหาสร้างความเดือดร้อนให้แก่ครอบครัวและเพื่อนบ้าน
พวกเขาค่อนข้างฝึกยาก จึงควรได้รับการฝึกอย่างสม่ำเสมอ เป็นประจำทุกวัน วันละ 10 - 15 นาที แต่ควรได้รับการออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันมากกว่า 15 นาที โดยการวิ่ง เพื่อให้พวกเขาได้เผาผลาญพลังงาน ไม่ซุกซนจนเกินควร