สไตล์การทำงานที่ต่างกันระหว่างภาครัฐและเอกชน
Written by: Sasicha Isarasriroj – Start Thailand
การเลือกงานให้ตรงกับความสามารถเป็นหนทางที่จะทำให้เราอยู่กับงานนั้นได้นานกว่าคนที่คิดว่าทำงานอะไรก็ได้ เพราะฉะนั้นการค้นหาตัวเองให้พบ ว่าเราอยากทำงานอะไร จะสามารถอยู่กับงานนั้นได้ดีแค่ไหน และเป็นไปตามที่คาดหวัง อย่างเช่นรายได้ มากเท่าไร เหล่านี้เป็นสิ่งที่คุณควรตอบคำถามตัวเองให้ชัดเจน
งานเอกชนกับงานรัฐบาลมีความแตกต่างกันหากคุณได้ทำการศึกษาข้อมูลมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความมั่นคง โบนัส ท่องเที่ยวประจำปี เงินบำนาญ และสวัสดิการ ที่รัฐบาลจะมีความมั่นคงให้มากกว่าภาคเอกชน โดยมีความต่างกันในเรื่องอื่นๆ อยู่ดังนี้
ความมั่นคง
งานราชการจะมีความมั่นคงกว่างานเอกชน แม้งานราชการจะเริ่มจากตำแหน่งที่น้อยๆ ก่อนแต่โอกาสในการได้เลื่อนตำแหน่งก็มีอยู่สูงมากกว่าภาคเอกชน แต่การทำงานกับบริษัทเอกชนเมื่อเลื่อนขั้นสูงเท่าไร เงินเดือนสูงมากเท่าไร ก็มีโอกาสเสี่ยงตกงานได้เพิ่มขึ้น เพราะบริษัทเอกชนจะมีการประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างคน ซึ่งยินดีจะรับเด็กจบใหม่ที่ไม่ต้องจ่ายเงินเดือนให้มากกว่าคนเก่า ส่วนใหญ่บริษัทเอกชนจะมีการจ้างงานเช่นนี้อยู่เสมอ ต่างจากงานราชการที่สามารถเลื่อนขั้นสูงขึ้นและสามารถทำงานในตำแหน่งนี้ไปจนถึงเกษียณอายุราชการ
โบนัส
โบนัสในส่วนภาคเอกชนจะมีโอกาสได้มากกว่าภาครัฐ ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ผลประกอบการของบริษัท รวมถึงประสบการณ์และอายุงานในการทำงานเป็นหลัก โดยส่วนใหญ่แล้วงานเอกชนจะโบนัสให้ต่อปีมากกว่าราชการ ซึ่งหากงานราชการติดช่วงปัญหาทางการเมืองการได้รับโบนัสก็อาจชะลอออกไป ต่างจากเอกชนที่ไม่มีการชะลอโบนัส แต่จะจ่ายให้ต่อปี
การท่องเที่ยว
บริษัทเอกชนจะจัดให้มีการท่องเที่ยวประจำปี ส่วนหน่วยงานราชการไม่มีการจัดท่องเที่ยวให้แต่จะเป็นในเรื่องของงานสัมนา การไปดูงานตามที่ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งสามารถท่องเที่ยวไปในตัวได้เช่นกัน เพียงแต่สสถานที่อาจไม่สวยหรูเหมือนการท่องเที่ยวของภาคเอกชนเท่าไรนัก
เวลาทำงาน
เวลาทำงานระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนค่อนข้างคล้ายกัน โดยจะมีเวลาในการทำงานต่อวันอยู่ที่ 8-9 ชั่วโมง ซึ่งหน่วยงานเอกชนอาจจะเข้าสายได้เมื่อเทียบกับรัฐบาลที่เริ่มทำงานตั้งแต่ 8 โมงครึ่ง ส่วนเอกชนส่วนใหญ่เริ่มงานตอน 9 โมง และ 10 โมง แต่เมื่อเทียบกับระยะเวลาการทำงานแล้ว ภาคเอกชนอาจจะเลิกล่าช้ากว่าหากมีการติดงาน ที่ต้องแก้ไข หรืองานเพิ่มพูนมาในช่วงตอนเย็น ซึ่งอาจจะต้องมีการทำโอที และยังพ่วงทำงานวันเสาร์ไปด้วยอีก ซึ่งต่างจากรัฐบาลที่เลิกงานเป็นเวลา และทำงานแค่เพียง 5 วันต่อสัปดาห์
เงินบำนาญ
เมื่อถึงวัยเกษียณแล้วไม่ต้องทำงาน โดยสำหรับงานภาครัฐจะมีเงินเดือนกินทุกเดือน โดยเงินบำนาญจะมีแค่ในระบบราชการเท่านั้น ส่วนภาคเอกชนอาจจะต้องเก็บเงินเอาเอง อย่างกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่มีอยู่ในบริษัทเอกชน หากมองถึงในอนาคตข้างหน้าเป็นส่วนใหญ่ การทำงานราชการดูจะมีความมั่นคงมากกว่างานเอกชน แม้ว่างานราชการจะเติบโตช้ากว่าก็ตาม
สวัสดิการ
สวัสดิการของงานราชการจะดีกว่างานเอกชน โดยจะมีทั้งค่ารักษาในเวลาเจ็บป่วยทั้งตนเองและคนในครอบครัว อีกทั้งยังมีค่าเล่าเรียนบุตรที่สามารถเบิกได้ รวมถึงสามารถกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเงินกู้ทั่วไปอยู่มาก ส่วนเอกชนโดยส่วนมากจะมีก็แต่เพียงประกันสังคม หรือหากต้องการสวัสดิการที่ดีกว่าก็ต้องหาเลือกทำเอาเอง
ไม่ว่าจะเป็นงานราชการหรืองานเอกชนก็ควรเลือกให้ตรงกับความชอบหรือความถนัดของตนเอง เพราะต้องอย่าลืมว่า เราต้องใข้ชีวิตอยู่ในออฟฟิศมากกว่าที่บ้าน การเลือกงานที่รู้สึกสบายใจจะทำให้เราอยากไปทำงานทุกวันและลดอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น
สำหรับการหางานใหม่คุณสามารถพบได้ผ่านทางเว็บไซต์สตาร์ท เว็บที่มีตำแหน่งงานว่างกว่า 4,000 ตำแหน่งให้คุณเลือกงานที่ใช่ ในรายได้ที่ชอบ ตามความเหมาะสมแก่ตัวคุณได้แล้ววันนี้
ขอบคุณรูปภาพ: http://www.bookofjob.org

