ก้าวเดิน...บนเส้นทางของชีวิต
ก้าวเดินบนเส้นทางของชีวิต
...มีหลายสิ่งเป็นวาระที่ต้องทำและเรียนรู้มากมายตั้งแต่ลืมตาดูโลก จวบจนวันอำลากลับบ้านเก่า...คนมีความสุขไม่ใช่คนที่ทำได้ทุกสิ่ง แต่รู้จักที่จะทำบางสิ่งที่สำคัญดีงามให้ถูกตามสมควร และปล่อยเรื่องไร้สาระผ่านไปอย่างไม่แยแส...
1.สำนึกได้ว่าพ่อ-แม่มีแค่หนึ่งเดียว...พ่อ-แม่ คือผู้มีพระคุณที่สุดหาใดเหมือน หากในวันที่ท่านยังอยู่กับเรา อย่าปล่อยให้พลาดโอกาสที่จะได้ทำความดีกตัญญูกตเวทิตาตอบแทน.
2.คู่รักที่ดีพอกันและกัน=คู่ชีวิตยั่งยืน...
ดังนั้นรักแท้ ไม่จำเป็นต้องดีสมบูรณ์แบบเหนือใคร ไม่ต้องยิ่งใหญ่เพื่อใคร...ขอแค่ดีพอแด่กันและกัน...คู่รักธรรมดาก็กลายเป็น...คู่ชีวิตที่จับมือเดินทางยาวนานงดงามจนบั้นปลายได้.
3.เลี้ยงลูกให้จับปลากินได้เอง...
พ่อแม่หลายคน คิดแต่หาเงินให้เยอะ เพื่อลูกจะได้ไม่ลำบาก โดยลืมไปว่า หากลูกไม่รู้วิธีปกป้องทรัพย์นั้น วันหนึ่งข้างหน้าอาจหมดไปและไม่อาจดูแลตัวเองได้...
ดังนั้นการสอนลูกให้สามารถเอาตัวรอดเลี้ยงชีพ และอยู่ในสังคมได้ต่างหากเป็นภารกิจหลักของพ่อแม่ที่พึงมีต่อลูก...
สอนลูกตั้งแต่รู้ความให้รู้จักความรักของพ่อแม่ มารยาท กาลเทศะ กฎระเบียบที่ใช้อยู่ร่วมในสังคม เด็กวัยนี้จดจำฝังใจได้ดี หากสอนได้ถูกต้อง เขาจะแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ด้วยตนเอง...
เมื่อเข้าสู่วัยเรียน บอกเขาว่า นี่คือสิ่งที่เขาต้องมุ่งมั่นเพื่อใช้เลี้ยงชีพหรือดูแลทรัพย์สินมรดกในวันหน้า...
ในวัยเริ่มหนุ่มสาว ช่วยแนะนำให้รู้จักธรรมะพื้นฐานที่จะพัฒนาความคิด ให้มีความสุขอย่างแท้จริงในการใช้ชีวิต...
เมื่อทำได้ดังนี้ ลูกจะเป็นคนที่สามารถเอาตัวรอดได้ จากสภาวะสังคมแข่งขันได้เป็นอย่างดี และยังส่งต่อหลักการที่ดีสู่รุ่นต่อๆไปได้อย่างงดงาม.
4.ปฏิสัมพันธ์โอบอุ้มเพื่อนฝูงและสังคม ด้วยพรหมวิหารธรรม...
เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ที่รวมเรียกว่า"พรหมวิหาร" คือธรรมที่ใช้กับทุกความสัมพันธ์ได้ดีที่สุด.
5."สมชีวิตา" คือความสมดุลความสุขทางด้านการเงิน...
แม้ความสามารถในการหารายได้แตกต่างกัน แต่หลักการใช้ชีวิตที่ถูกกลับทำให้ชีวิตมีความสุขได้เท่าเทียม...
ธรรมข้อ"สมชีวิตา" ไม่ได้สอนให้ตระหนี่ถี่เหนียว แต่บอกว่า เราควรใช้ชีวิตให้มีความเหมาะสมกับรายได้ต่างหาก...
6.เราทุกคนมาพบกันเพื่อจากลา...
ต่อให้รักกัน ห่วงกัน เกลียดชังกันแค่ไหน สุดท้ายเราล้วนต้องร่ำลาจากกัน...ต่างกันแค่ จากเป็น จากตาย จากร้าย จากดี...และไม่มีใครรู้แน่ว่า วันนั้นถูกกำหนดไว้เมื่อใด...
7.หลังลมหายใจสุดท้ายคือความเสมอภาคของมนุษย์...
พระพุทธองค์ทรงสอนเรื่องมรณานุสติให้เราระลึกทุกลมหายใจ ก็เพืี่อลดความเห็นแก่ตัวสะสม...
เพราะที่ด่านตรวจสัมภาระหลังหมดลมหายใจ...ทุกสิ่งที่ได้ตกทอดเก็บเกี่ยวกอบโกยมาทั้งชีวิต ถูกริบเหลือเพียงตัวเปลือยเปล่าล้อนจ้อนเท่าเทียมทุกชนชั้นฐานันดร...
ปล่อยผ่านนามธรรมที่กำไว้ด้วยสองมือ คือกรรมดีและกรรมชั่ว...ตัดสินภพภูมิต่อไป...เพียงเท่านั้นจริงๆ.
ขอบคุณบทความดีๆจากคุณเสก เพจ มดงาน บ้านรอยยิ้ม