"ลูกแม่เป็นเด็กดี ปล่อยลูกแม่เถอะค่ะคุณตำรวจ" เรื่องเล่าจากเดนนรกสู่นักธุรกิจเฟอร์นิเจอร์
กว่าสิบปีมาแล้วที่ผมเคยถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษเมืองพัทยาด้วยข้อหามีสิ่งเสพติดประเภทที่ 1 ชนิดร้ายแรง(เฮโรอีน)ปริมาณ 50 กิโลกรัมไว้ครอบครอง และเพื่อจำหน่าย
สำหรับผมแล้วในตอนนั้น มันไม่มีทางหรือวิธีใดที่จะหาเงินให้ได้มาอย่างง่ายและรวดเร็วนอกการเป็นคนคอยปล่อยของเหล่านี้ให้แก่นักเรียนระดับมัธยมต้นและปลายที่อยู่ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกของประเทศไทย
ในวันนั้น เพียงแค่ภายใน 1 เดือน ผมสามารถหารายได้จากการจำหน่ายสิ่งเสพติดมากถึง 12.8 ล้านบาท แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าชีวิตของผมจะมีรอยยิ้มและความสุขเหมือนคนอื่นเขา
มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่ต้องจบอนาคตที่ดีของเขาลงเพียงเพราะสิ่งเหล่านี้ที่ผมขายให้กับพวกเขา พ่อแม่ และวงศ์ตระกูลเสื่อมเสียชื่อเสียง บางคนก็เปลี่ยนจากนักเรียนไปเป็นหัวขโมยบ้าง หรือเป็นคนคอยส่งของบ้าง
ผมถูกจับกุมและต้องชดใช้กรรมที่ผมก่ออยู่ในเรือนจำเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 20 ปี ผมได้แต่นั่งทบทวนและคิดถึงวันที่แม่ของผมตะโกนฟูมฟายและร้องไห้ขอโอกาสจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แม่ไล่กราบเท้าตั้งแต่คนสวน แม่บ้าน เจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่เดินผ่านไปมาในขณะที่รอฝากขังในเย็นวันนั้น
แม่เหมือนคนที่เสียสติ แม่พูดคำเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า ผมเป็นเด็กดีและน่ารัก
มีพี่เจ้าหน้าที่ตำรวจท่านหนึ่งเรียกผมเข้าไปและบอกให้ผมดูสิ่งที่แม่แสดงออกต่อทุกๆคนในคืนนั้น คุณตำรวจบอกกับผมว่า คิดเอานะสิ่งที่ผมทำต่อคนเป็นแม่แบบนี้เขาเรียกว่า เดนนรก
เพียงเพราะเหตุการณ์ในวันนั้นมันทำให้ผมรู้สึกผิดมาตลอดระยะเวลาเกือบสิบปีที่ต้องอยู่ในนั้น ทุกๆวันแม่จะมาเยี่ยมผม พร้อมกับสีหน้าที่ยิ้มแย้ม แม่บอกกับผมเสมอว่าแม่รู้ว่าผมเป็นคนดี และแม่ก็เชื่อว่าผมจะเป็นคนที่ดีได้ในสังคม
ผมพยายามทำตัวให้เป็นประโยชน์ และพยายามตั้งใจเรียนในสิ่งที่ผู้คุมสอนผมในแต่ละวันที่ผมอยู่ในนั้น
จนถึงวันหนึ่งผมได้รับแจ้งว่าทางเจ้าหน้าที่ได้มีการส่งชื่อของผมไปเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายขอฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษ
จากวันนั้นเมื่อเพื่อนๆรู้ข่าวว่าผมได้ออกมา ต่างก็รีบพากันเข้ามาชวนผมกลับเข้าไปสู่วงจรเดิมๆอีกครั้ง
แต่เพราะภาพในคืนนั้น ภาพที่แม่ของผมไล่กราบเท้าทุกๆคนในสถานีตำรวจอย่างคนเสียสติมันยังคงย้ำเตือนอยู่ในใจ ผมจึงยอมให้เพื่อนๆล้อผม และรุมแจกเท้ากว่าสิบเท้าเพื่อเป็นการอำลา
วันนี้ผมมีร้านเฟอร์นิเจอร์เล็กๆของผมเอง ร้านที่ได้มาจากการตั้งใจเรียนในทัณฑสถาน ร้านที่มีแม่เป็นผู้ให้กำลังใจ และร้านที่มาจากการกลับใจเป็นคนดี ของสังคม
สุดท้ายผมอยากฝากเรื่องราวชีวิตของผมไว้ให้แก่น้องๆรุ่นหลังว่า ชีวิตของพวกเรานั้นมีค่ามากที่สุดในสายตาของพ่อกับแม่ ไม่ว่าเราจะเป็นเด็กดื้อมากแค่ไหน หรือจะมีนิสัยที่มันแย่ที่สุดขนาดไหน แต่สำหรับพ่อกับแม่แล้ว เราคือคนที่มีค่ามากและพวกเขาก็รักเรามากที่สุด
ขอบคุณครับ