แม่นาคพระโขนง (๒๕๖๒)
cr.รูปภาพ ละครบุพเพสันนิวาส
นิยายแต่งใหม่ แม่นาคพระโขนง ๒๕๖๒
ปฐมบท
นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการ โดยมีแรงบันดาลใจแม่จากสตรีผู้ยึดมั่นในรัก
ด้วยใจรักและเคารพในแม่นาค
อ่านด้วยจินตนาการนะครับ
...มือใหม่หัดเล่า...
..........................................
"ฉันรอเธอทุกเวลา...ต่อให้ฟ้าและดินสลาย"
"ฉันจะยังหวังต่อไป...ต่อให้เสียงหัวใจอ่อนล้า"
"เพราะมีเธอคนเดียว...ที่อยู่ในดวงใจ...นานแค่ไหนจะรอเธอมา"
"แม้ไม่รู้...ว่า..."พรุ่งนี้"...กับ..."ชาติหน้า"..."
"อะไรที่จะมาถึงก่อนกัน"
ขอบคุณเนื้อเพลง...พรุ่งนี้กับชาติหน้า คุณเจนนิเฟอร์คิ้ม ละคร เพรงลับแล
..............
"อ้ายมาก...อ้ายมากกกก...ข้าเจ็บ เจ็บเหลือเกินอ้ายมาก เอ็งอยู่ที่ใด ข้าจะขาดใจแล้ว อ้ายมาก โอ๊ยยยยย"
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องไปทั่วคุ้งน้ำบางพระโขนง บ่งบอกถึงความเจ็บปวดทรมานของเจ้าของเสียงได้เป็นอย่างดี เสียงนั้นดังแว่วผสานฝ่าเสียงลมพายุที่พัดโหมกระหน่ำ สลับกับเสียงท้องฟ้าที่คำรามผ่าลงมาเป็นระยะ
"นาคเอ้ย สูดลมหายใจลึกๆ แล้วเอ็งเบ่งให้เต็มแรงนะนาค พ่อคุณเอ๊ย...ทำไมจึงออกยากออกเย็นเยี่ยงนี้"
ยายปรุงหมอตำแยบอกนางผู้กำลังจะให้เกิดเนิดทารกที่ร้องด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับมือลูบเคล้นไปตามท้องของหญิงสาวอย่างสาละวน
"ตายห่าละหว่า...เด็กไม่กลับหัว แย่แน่แล้วนางนาคเอ๊ย"
ยายปรุงมีท่าทางตระหนก เมื่อพบว่าเด็กในท้องของนางนาคหาได้กลับหัวลงอย่างที่ควรเป็นไม่
"โอ๊ยยยย...ยายจ๋า...ข้าไม่ไหวแล้ว ข้าเจ็บ ข้าปวด โอ๊ยยย"
เสียงของนางนาคยังคงตะเบ็งแข่งเสียงลมพายุ ร่างกายนางเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ชุ่มปนกับเลือดที่ไหลนองพื้นเรือน
"อ้ายมาก...ข้าไม่ไหวแล้ว ไม่ไหว เจ็บเหลือเกิน"
ภาพของอ้ายมากลอยอยู่ในความนึกคิดของนาง ก่อนที่จะกรีดร้องอย่างสุดเสียง ร่างกายเกร็งแน่นไปทั้งร่าง
"เปรี้ยงงงงงง"...เสียงฟ้าผ่าลั่นสนั่นหวั่นไหวจนพื้นเรือนสะเทือน ยายปรุงสะดุ้งสุดตัว พร้อมๆกับลมหายใจเฮือกสุดท้ายของนางก็หลุดลอย ดวงตานางนาคเบิกโพลงเหลือกค้าง...น้ำตาไหลรินออกมาจากร่างที่ไร้ลมหายใจ...
......
กลิ่นหอมอ่อนๆของธูป ในวัดมหาบุศย์โชยมาตามลม
"เห้ย...ไอ้ไม้ เอ็งว่าแม่นาคเนี่ย มีจริงป่าววะ?" เสียงชายหนุ่มร้องถามเพื่อนอีกคนที่ยืนเหม่อมองรูปวาดหญิงสาวชุดไทยในศาลแม่นาค ราวต้องมนต์สะกดบางอย่าง คล้ายดวงตาของรูปวาดนั้นจ้องมองเขาอย่างไม่ละสายตา
"มองอะไรขนาดนั้นวะ...เดี๋ยวแม่นาคก็หักคอเอ็งหรอก ไอ้นี่" ยุทธ...ซึ่งเป็นเพื่อนของไม้ยังคงแซวต่อไป สลับกับมองไปยังรูปของแม่นาคตามสายตาของไม้
"อะไรของเอ็งวะไอ้ยุทธ ถ้าแม่นาคไม่มีจริง เขาจะสร้างศาลขึ้นมาทำไม เอ็งนี่ถามแปลกนะ" ไม้ตอบอย่างขอไปที
"แล้วนี่กองถ่ายจะมาบวงสรวงแม่นาคเมื่อไหร่กันแน่วะ" ยุทธถามไม้ขณะที่กำลังเดินไปยังรถของเขาทั้งสอง
"อาทิตย์หน้านั่นแหล่ะ" เอ็งไม่รู้เรื่องบ้างเลยหรือไงวะไอ้ยุทธ ไม้ส่ายหน้าแบบระอาใจ โดยที่ยุทธยักไหล่เหมือนไม่มีรู้สึกอะไรกับคำพูดของไม้นั้น...
......
วันบวงสรวงกองถ่ายภาพยนตร์ แม่นาคพระโขนง วัดมหาบุศย์ครึกครื้นคราคร่ำไปด้วยเหล่านักแสดง และทีมงาน รวมทั้งชาวบ้านที่รู้ข่าวต่างก็มากันจนแน่นขนัด หนึ่งในนั้นคือ "เจน" ดาราสาวที่ต้องรับบทตัวร้ายคือเพื่อนของแม่นาค ซึ่งในชีวิตจริงเธอก็ค่อนข้างร้ายเหมือนนิสัยตัวละครที่เธอมักได้รับบทบาท และด้วยความที่เธอเป็นดาราสมัยใหม่จบจากเมืองนอก จึงมีแนวโน้มเชื่อไปทางวิทยาศาสตร์มากกว่าเรื่องลี้ลับ และไม่ค่อยให้ความสนใจกับเรื่องการบวงสรวงสถานที่มากนัก
"ร้อนขนาดนี้ จะเสร็จกี่โมงเนี่ย" เจนแอบลอบบ่นเบาๆ สีหน้าไม่ค่อยพอใจกับเพื่อนสาวอีกคนของเธอ
"แล้วจะบ่นให้ได้อะไรห๊ะ...ถ่ายทำหนังผีแบบนี้ เขาก็ต้องขอขมากันทั้งนั้น แกนี่ไม่เคยเปลี่ยนนิสัยเลยนะเจน" มิ้นตำหนิเพื่อนเบาๆ
"อีกอย่าง...แกควรเคารพสถานที่ อย่างน้อยที่นี่ก็ในวัด" มิ้นยังคงเตือนสติเจน
มิ้นไม่ได้ตอบอะไร แต่ยังคงชักสีหน้าน้อยๆตามแบบฉบับของเธอ มิ้นได้แต่ถอนใจในความดื้อรั้นของเพื่อนเธอ
...
เสียงดนตรีไทยบรรเลงประโคมประกอบพิธีการบวงสรวง "พิมพ์" นางเอกสาวยกมือประนมไหว้ต่อรูปปั้นแม่นาคด้านหน้าด้วยความนอบน้อม
"แม่นาคคะ...ลูกขออนุญาตทำการแสดงถ่ายทอดเรื่องราวความรักของแม่นาค ผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้ ขอให้แม่นาคช่วยคุ้มครองอวยพรให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีด้วยนะคะ" พิมพ์อธิษฐานพร้อมก้มลงกราบ ในตอนนั้นมีลมพัดเบาๆ กลิ่นหอมอ่อนๆจากบางอย่างพริ้วโชยมา พร้อมกับปรากฎร่างจางๆของหญิงคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังของพิมพ์ ผิวขาว ผมตรงยาวห่มสไบสีน้ำตาลไม้ ค่อยๆเอื้อมมือวางทาบลงบนหัวของพิมพ์ รอยยิ้มบางๆอย่างเอ็นดูปรากฎขึ้นจากร่างของหญิงผู้ใส่ชุดไทยคนนั้น...