9 : ก้าว...ที่กล้า
ด้วยความบอบช้ำของจิตใจ เจมส์จึงไปยื่นใบลาออกจากงาน แต่ทางผู้บัญชาการไม่เซ็นอนุมัติให้
แต่ให้เจมส์ลาพักร้อนได้ 1 อาทิตย์แทน ช่วง 3 วันแรก เจมส์กินไม่ได้นอนไม่หลับ ภาพเก่าๆมันคอยมาวนเวียนในหัว ต้องสะดุ้งตื่นแทบจะทุก5ที
อเนกและปิ่นซึ่งเป็นคู่รักกัน และเป็นเพื่อนที่สนิทกับเจมส์มากที่สุด ได้มารับเจมส์ให้ไปอยู่ด้วย
เผื่อว่าอะไรๆจะดีขึ้น
“ ตัดใจเสียเถอะวะ เพื่อน ” อเนกตบไหล่เบาๆ หลังจากที่ทั้งหมดกลับมาถึงบ้านของอเนกแล้ว
“ นั่นสินะแก..ฉันว่านะ ถึงแกจะร้องไห้จนขาดใจตาย ยัยจีด้าก็ไม่กลับมาหรอก”
“ แกต้องเข้มแข็งสิ ใครมันจะทิ้งแกก็ช่าง ยังไงซ้ะ...พวกฉันไม่ทิ้งแกแน่นอน เห็นไหม ”
ปิ่นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เอาจริงเอาจัง เธอทนเห็นสภาพของเพื่อนที่เหมือนจะมีแต่ร่างที่ไร้วิญญาณ
อเนกเห็นแฟนอารมณ์ขึ้นแบบนี้ จึงปรามด้วยสายตา ปิ่นจึงได้สติ เอามือไปแตะไหล่เพื่อนเบาๆ
พร้อมกับพูดเตือนสติเชิงขอร้องด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลงเล็กน้อย
“เจมส์ แกฟังฉันนะ... พวกเรา 2 คนจะไม่มีวันทิ้งแกไปไหน แต่..ฉันขออย่างเดียว
แกอย่าทอดทิ้งตัวเอง..เด็ดขาด เพราะถ้าแกทำแบบนั้น พวกฉันจะถือว่า แก..จงใจทิ้งพวกฉัน”
ปิ่นพูดกับเจมส์แบบช้าๆ แต่ชัดถ้อยชัดคำ
...................
ผ่านไป 6 วันแล้ว เจมส์ก็ยังทำใจไม่ได้
แต่ก็ยังดีที่ได้อเนกและปิ่นคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆตลอดจึงทำให้เขาลืมเรื่องราวลงไปได้บ้าง
ถึงจะไม่ทั้งหมดก็ตาม อเนกเฝ้ามองดูอาการของเพื่อนรักอยู่ห่างๆ เขากับปิ่นจึงปรึกษากันว่า
ถ้าขืนปล่อยไว้แบบนี้ เพื่อนเขาอาจจะคิดสั้นหรือคิดน้อยใจในโชคชะตาที่ต้องมาเจอเรื่องร้ายๆเช่นนี้
และมันคงจะเลวร้ายลงไปกว่านี้อีก ถ้าเพื่อนของเขามองเป็น จีด้าเองต่างหากล่ะ ที่ทำให้เขาต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้
นั่นก็เพื่อน นี่ก็เพื่อน เขาไม่อยากให้มีใครต้องมาบาดหมางกันเด้วยเรื่องแบบนี้เลย
อยากให้ทั้งคู่จากกันด้วยความเข้าใจมากกว่า ดีกว่าจะมานั่งโทษกันไปมาว่าใครผิดใครถูก
เย็นวันนั้น ขณะที่ทั้ง 3 คนกำลังนั่งคุยกันอยู่บนโซฟา พอได้จังหวะเหมาะ
อเนกก็ขยับเข้ามากอดคอเจมส์ไว้และพูดขึ้นว่า
“ เจมส์..เพื่อน ฉันมีอะไรจะเล่าให้ฟัง ” อเนกลองหยังเชิงดู
เมื่อเห็นว่าเพื่อนมีท่าทีที่ตอบรับด้วยการพยักหน้า เขาจึงพูดต่อ
“ ถ้าฉันจะบอกแกว่า คนเราทุกคนอ่ะนะ มักจะเลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองเสมอ แกจะเชื่อฉันมั้ย”
เจมส์มองหน้าอเนกครู่หนึ่ง แล้วก็พยักหน้าช้าๆ
“แกฟังฉันนะ..การที่ใครบางคนทิ้งเราไป มันไม่ได้หมายความว่าเขาหมดรักเราหรอก
แต่..สัญชาตญาณของเขา มันบอกว่าคนไหน ดีที่สุด สำหรับเขา...แค่นั้นเอง”
อเนกพูดต่อทันทีเมื่อเห็นเจมส์เริ่มก้มหน้านิ่ง ไหล่ลดห่อลง
“ฉันไม่ได้หมายความว่าแกไม่ดีนะ...อย่าเพิ่งโทษตัวเอง”
“ความชอบของคนเรามันไม่เหมือนกันซะหน่อย
แกก็...คิดซะว่า เขาไม่ได้ชอบในแบบที่เราเป็น...เท่านั้นเอง ”
ปิ่นขยับเข้ามาใกล้ โอบไหล่เพื่อน ก่อนเสริมว่า
“แกเคยจัดตู้เสื้อผ้าเองไหม แกเจอเสื้อผ้าเก่าๆ ตัวเล็กๆ
เล็กจนแกใส่ต่อไม่ได้ แกก็ต้องทิ้งมันไป แกคงไม่เก็บมันไว้ให้รกตู้หรอก จริงมั้ย ”
เมื่อถึงตอนนี้น้ำตาของเจมส์ก็เริ่มไหล ทั้งสามคนกอดกันกลม อเนกกับปิ่นก็พลอยน้ำตาซึมด้วยความสงสารเพื่อน
“จีด้า ก็เปรียบเสมือนผ้าเก่าตัวนั้นล่ะ เขายอมเป็นผ้าผืนนั้น และ..ยอมออกจากตู้ใบนั้นไป เพื่อให้แกได้มีพื้นที่ว่างพอ พอที่จะเอาเสื้อผ้าผืนใหม่มาใส่แทน ”
อเนกพูดเสริมขึ้นเพื่อให้กำลังใจ เจมส์ได้ฟังแบบนี้แล้วก็เริ่มมีสติบ้าง เขาไม่ควรจะเศร้าอีกต่อไป จึงรำพึงในใจว่า
[จริงๆแล้วผ้าผืนนั้น มันไม่ควรจะเข้ามาอยู่ในตู้เสื้อผ้าของเราตั้งแต่แรก...ด้วยซ้ำไป]
“ทุกๆคำบอกลา นำไปสู่คำว่า...สวัสดี ” เจมส์เอ่ยคำนี้ออกมาอย่างโล่งอก
เช้าวันต่อมา เจมส์รีบไปรายงานตัวกับผู้บังคับบัญชาโดยตรงของเขาทันที เขาขอให้ย้ายตัวเขาไปทำงานบนหน่วยอวกาศของกองทัพแทนหน่วยงานเดิม เขาถูกแนะนำให้ไปหาดร.ปกรณ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยอวกาศ โดยมีโครงการทำมนุษย์ทดลองเพื่อสำรวจอวกาศอันไกล้โพ้นขึ้นแบบลับๆ เขาเองก็ไม่อยากอยู่ที่นี้เช่นกัน จึงตัดสินใจสมัครทันที