สงครามล้างโลก...ความหวังเดียวของมนุษย์...ตอนที่ 5
“เราเจอปัญหาใหญ่แล้วล่ะ เจมส์”
เจมส์รีบดีดตัวขึ้นมานั่ง ทันทีที่ได้ยินดร.พูดขึ้น พร้อม ๆ กับเดินเข้ามานั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับเจมส์
“ผมเพิ่งได้รับข้อมูลจากโรบอทที่เฝ้าสังเกตการณ์ด้านนอก
ว่าขณะนี้ได้ตรวจพบสารกัมมันตภาพรังสี ที่กำลังแผ่กระจายหนาแน่นคลอบคุมโลก
เรียกได้ว่า อีกไม่เกิน7วัน คงแผ่ปกคลุมโลกทั้งใบแน่นอน”
เจมส์ “มันจะเป็นไปได้ยังไง ดร. เพราะอุกาบาตไม่น่าจะมีรังสีนี้อยู่ด้วย”
ดร. “ใช่..อุกาบาตรไม่มีสารกัมมันตรภาพนี้... แต่..สารนี้มันกำลังรั่วไหลออกมาจากหลายๆที่บนโลกของเราเอง
คุณก็รู้ว่า เรามีโรงงานนิวเคลียร์ทั้งหมดอยู่หลายสิบประเทศทั่วโลกและที่อื่นๆอีกที่เราไม่่รู้...
ก็น่าจะอีกหลายสิบประเทศ เช่นกัน ”
ดร.กล่าวด้วยสีหน้าที่วิตก
เจมส์ “หมายความว่า ก๊าซเหล่านั้นกำลังรั่วไหล ใช่ไหมดร.”
ดร. “ใช่..และทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เราคงหมดหวังที่จะค้นหาผู้รอดชีวิตบนพื้นดินแล้วล่ะ
และเลิกหวังที่จะฟื้นฟูโลกให้กลับมาเหมือนเดิม
เพราะกว่าสารนี้จะย่อยสลายได้จนหมด ก็กินเวลากว่า20ปีแน่นอน”
เจมส์ “แล้วแล้วจะทำอย่างไรกัน จะอยู่แบบนี้กันได้นานแค่ไหน
แล้วเผ่าพันธุ์มวลมนุษย์ล่ะ จะถึงคราวดับสูญแล้วเหรอ”
เจมส์พูดพร้อมกับมองหน้าดร.เริงฤทธิ์ คล้ายๆกับว่าจะขอความเห็นไปในตัวด้วย
ดร. “ไม่หรอก..เรายังมีโครงการสำรวจดวงดาวอยู่
เราคงต้องรีบเดินหน้าโครงการนี้ต่อให้เร็วที่สุด
เดี๋ยวผมจะพาคุณไปหาใครบางคน แล้วคุณจะต้องตะลึง
กับสิ่งที่จะได้เห็น ป่ะ เราไปกันเลย”
พูดจบดร.เริงฤทธิ์ก็พาเจมส์เดินมาทางด้านขวาของอาคาร ด้านในสุดก็ปรากฎเป็นห้องประมาณ4เมตรคูณ4เมตร โดยเป็นห้อง4เหลี่ยมสร้างขึ้นโดยไม่มีผนังติดกับตัวอาคารใดๆเลย ด้านหน้าของห้องมีประเงินบานใหญ่ติดอยู่
โดยด้านข้างมีชุดควบคุมคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่อยู่1ชุด
ดร. “นี่คือเครื่องเคลื่อนย้ายมวลสารที่เราคิดค้นสำเร็จหรือที่ฝรั่งเรียกกันว่า วาร์ป บั๊บเบิ้ล
เราเอาทฤษฎีสัมพันธภาพของไอสไตน์มาต่อยอด จนสามารถสร้างสำเร็จ”
เจมส์ยืนมองทุกอย่างในห้องนี้อย่างตะลึงงัน เขาไม่เคยคิดเลยว่า คนไทยจะสร้างสิ่งนี้ได้เอง
ดร.เดินไปเปิดเครื่องแล้วก็ป้อนข้อมูลต่างๆเข้าระบบ เมื่อทุกอย่างพร้อม ประตูห้องนั้นก็ถูกเปิดออกมา
ภายในห้องนั้นสว่างไปด้วยดวงไฟ ตรงกลางจะโล่งหมด ส่วนกำแพงทั้ง4ด้านนั้น เต็มไปด้วยดวงไฟน้อยใหญ่มากมายหลายดวง
ดร.“ป่ะ เข้าไปข้างในกันเถอะ” ดร.หันมาดึงมือของเจมส์ให้เดินเข้าไปในห้องนั้นพร้อมกัน
เมื่อเข้าสู่ภายในห้องแล้ว ประตูก็ถูกปิดด้วยคอมพิวเตอร์ แล้วก็มีแสงสีม่วงสว่างไปทั่วบริเวณห้อง
“จะนับถอยหลัง10วินาที ขอให้ทุกท่านยืนนิ่งๆ ระบบกำลังสแกนเพื่อทำการเคลื่อนย้าย”
เมื่อสิ้นเสียงสัญาณ เพดานด้านบนก็เปิดออก แต่มันคล้ายๆจอคอมพิวเตอร์มากกว่า ระบบสัญาณก็เริ่มนับ
9-8-7-6-5-4-3-2-1-0 พอสิ้นเสียงนับ ภายในห้องก็เกิดเสียงสว่างวาร์ปที่รุนแรง จนเจมส์ต้องหลับตา
แสงนี้คล้ายแสงจากฟ้าผ่ามาก แล้วไฟทุกดวงก็ดับลง แล้วก็ค่อยๆสว่างขึ้นมาอีกครั้ง
พร้อมๆกับประตูห้องที่ค่อยๆเปิดออก
ดร.“ป่ะ ออกไปหาคนบางคนกัน”
ดร.ก้าวออกมาจากห้อง โดยมีเจมส์เดินตามออกมาอย่างงงๆ นี่มันที่เดิมหรือที่ไหนกันแน่
ดร.พาเจมส์เดินมาได้ระยะหนึ่งห็มาหยุดตรงหน้าประตูคู่ใหญ่ ประตูก็ถูกเปิดออก
“ไง..ไอ้ด๊อก เป็นไงบ้าง สบายดีไหม”ชายไทยอายุราว70ปีเศษกล่าวทักทาย
ดร.เริงฤทธิ์ยกมือไหว้ชายแก่คนนั้นแล้วก็เดินเข้าไปสวมกอดกัน
“มาๆพ่อหนุม ไปข้างในกัน”ชายคนนั้นกล่าวเชิญชวนให้เจมส์เข้าไปในห้อง เจมส์ยกมือไหว้ แล้วก็เดินตามเข้าไปอย่างว่าง่าย ดร.เริงฤทธิ์ได้แนะนำว่าบุคคลท่านนี้คือพ่อเขาเอง ชื่อ ดร.ปกรณ์ เป็นผู้ควบคุมโครงการส่งมนุษย์ทดลองออกสู่ห้วงอวกาศอันไกลโพ้นในครั้งนี้.. นั่นเอง
ดร.ปกรณ์“ผมทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว และเรามีเวลาไม่มากที่จะอยู่ที่โลกนี้
เพราะสารกัมมันตภาพกำลังเข้ากลืนกินโลกอยู่ ผมจึงต้องรีบเดินหน้าโครงการนี้อย่างเร่งด่วน
เราจะไปที่ดาวเคปเลอร์กันก่อนเป็นอันดับแรก”
“ระยะห่าง1400ปีแสงใม่ใช่ปัญหา เราจะวาร์ปไปที่ใจกลางกาแล็คซี่ก่อน
จากนั้นเราจะอาศัยรูหนอนตรงนั้นพาเราออกไป ซึ่งคาดว่าจะกินเวลาไม่เกิน2วัน”
ดร.เริงฤทธิ์กล่าวเสริมผู้เป็นบิดา
“ยานixs7ก็สมบูรณ์แล้ว พรุ่งนี้ เจมส์พร้อมหุ่นยนต์อีก4ตัว จะเป็นชุดแรกที่จะเดินทางไปในครั้งนี้
ส่วนยานลำเลียงต่างๆ เราได้ส่งไปบินวนที่ดาวพลูโตไว้ล่วงหน้าแล้ว
วันนี้พักกันที่นี่ก่อน ผมจะวางแผนการทั้งหมดและโปรแกรมการบินให้เอง
พรุ่งนี้จะออกเดินทางแต่เช้า”
ดร.ปกรณ์กล่าว ส่วนดร.เริงฤทธิ์ก็พาเจมส์ไปตรวจร่างกายและเสริมรังสีคุ้มกันอีกห้องหนึ่ง
เจมส์ถูกทำให้หลับ เพื่อให้ง่ายต่อการยิงรังสีเสริมสร้างกล้ามเนื้อและผสานสิ่งเทียมให้ร่างกาย