8 ข้อ ความสำเร็จ by Stan Lee
1. ความสำเร็จล้วนอดทนนาน
2. การอ่านไม่เคยทำให้ใครโง่
3. แตกต่างในสิ่งที่ถูก ไม่ใช่เรื่องที่ผิด
4.ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แม้แต่ Super Heroes
5.จงเชื่อว่าคน1คนเปลี่ยนโลกได้เสมอ
6. ชีวิตเป็นงานเขียนของคุณ จงเขียนในแบบที่คุณอยากอ่าน
7. เลือกจะเก่งในสิ่งที่คุณทำแล้วสนุกเท่านั้น
8. เวลาเป็นของมีค่าและน้อยนิด จงเสียมันให้กับสิ่งที่คุณรัก
1. ความสำเร็จล้วนอดทนนาน
Stan Lee เขาเกิดที่ แมนฮัตตัน นิวยอร์ก เป็นชาวยิว โรมาเนีย อพยพอยู่ในอเมริกาทั้งครอบครัวในวัยเด็กนั้นชีวิตของเขาเป็นไปด้วยความลำบาก ทั้งความเป็นอยู่และฐานะทางครอบครัว พ่อเป็นช่างเย็บผ้า ตัวเขากับน้องชายเองก็ต้องช่วยทำงานพาร์ทไทม์ ทั้งเป็นเด็กเดินตั๋วหนัง เด็กส่งหนังสือพิมพ์และแซนด์วิชตามสำนักงานต่างๆ , ทำความสะอาดสำนักงานออฟฟิศ เพื่อช่วยหาเลี้ยงครอบครัว
2. การอ่านไม่เคยทำให้ใครโง่
Stan Lee เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการเรียนมาก เป็นคนรักการอ่าน เรียนจบก่อนเพื่อนทุกคนในชั้น
อายุ 16 ก็สอบเข้าเรียนในมหาลัย และเรียนจบปริญญาตรี และเข้าทำงานใน Timely Comics ( บริษัทดั้งเดิมของ Marvel ) ก่อนอายุ18ปี
3. แตกต่างในสิ่งที่ถูก ไม่ใช่เรื่องที่ผิด
1950 โดยภายหลังเมื่อStan Leeได้ประสบความสำเร็จถึงจุดหนึ่งของอาชีพเขาแล้ว เขาก็เริ่มเกิดความเบื่อหน่ายในสายงานที่ตนทำอยู่ เขาอยากจะขยายกลุ่มแฟนของหนังสือการ์ตูน ( ที่ตอนนั้นลูกค้าหลักคือเด็ก ) โดยเขานั้นมีความต้องการที่จะทำให้กลุ่มวัยรุ่นหันมาให้ความสนใจในการ์ตูน กล่าวคือหนังสือการ์ตูนที่มีเรื่องราวแบบผู้ใหญ่ มีความโตมากขึ้น มีความสมจริงมากไปกว่าการเป็นแค่ซูเปอร์ฮีโร่เด็ก แต่มีการเพิ่มเนื้อหาด้านชีวิต มีความไม่สมบูรณ์ต่างๆ เช่น เรื่องความรัก ฐานะทางการเงิน ความผิดหวังและปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนปกติ เข้าไปในตัวของซูเปอร์ฮีโร่ เพราะเขาเชื่อว่านั้นถึงจะเป็นการสร้างให้ตัวละครดังกล่าวนั้นมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ
4.ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แม้แต่ Super Heroes
หนึ่งในซูเปอร์ฮีโร่มากมายที่ Stan Lee ได้สร้างขึ้นThe Hulk เป็นซุปเปอร์ฮีโร่ที่ได้แรงบันดาลใจจาก 1ในตัวละครที่ได้รับความนิยมอย่าง The Thing ในเรื่อง Fantastic Four ซูเปอร์ฮีโร่ตัวแรกของโลกก็ว่าได้ที่หน้าตาอัปลักษณ์ เป็นหินขรุขระ เขาให้เหตุผลว่าเขาแอบแฝงข้อคิดเอาไว้ว่าคนดีนั้นไม่จำเป็นต้องดูดีเสมอไป
5.จงเชื่อว่าคน1คนเปลี่ยนโลกได้เสมอ
ในชีวิตของ Stan Lee เขาได้รับรางวัลมากมาย ในสมัยที่เขาเข้าประจำการในกองทัพ สุดท้ายได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นรางวัลที่ทรงเกียรติของนายทหารผู้เข้ารวมในสงครามโลกครั้งที่สอง อีกทั้งก่อตั้งมูลนิธิสแตน ลีในปี 2010 โดยมีเป้าหมายของมูลนิธิ คือ สนับสนุนและพัฒนาการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ ทั้งด้านการศึกษา วัฒนธรรมและศิลปะหรือแม้แต่ การต่อต้านการใช้ยาเสพติดในวัยรุ่นที่เขาสอดแทรกข้อคิดลงไปในผลงานของเขาอยู่เสมอ
6. ชีวิตเป็นงานเขียนของคุณ จงเขียนในแบบที่คุณอยากอ่าน
ในปี 1960 Marvel Comics ก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง
ใหญ่ไม่แพ้ทางค่าย DC Comic เหตุผลที่ทุกคนให้ความยอมรั
บก็คือวิสัยทัศน์ของ Stan Lee ที่ทำให้
ตัวละครน่าสนใจ น่าติดตาม มีเรื่องราวความซับซ้อน แฝงเรื่องราวชีวิต จึงทำให้ผู้อ่านวัยรุ่นและผ
ู้ใหญ่นั้นมีความรู้สึกอินม
ากกว่า ที่สำคัญตัวเขาเองก็มีบทบาท
สำคัญที่ทำให้ Marvel Comics เองเป็นที่นิยมด้วย ในหน
ังสือการ์ตูนทุกเล่ม เขาจะเขียนหน้าที่การมีส่วนร่วมของทุกคนที่ทำให้หนังสือการ์ตูนเล่มนั้นสมบูรณ์ รวมทั้งข้อมูลข่าวสารต่างๆของทีมงานในบริษัท โดยเขาจะเรียกมันว่า "Stan's Soapbox" ที่สำคัญเขาจะแอบสปอยล์เรื่องราวในเล่มรายเดือนถัดไปด้วย ฟังดูคุ้นๆไหม เหมือนเวลาเราดูหนังจบและรอตัวอย่างสปอยล์ตอนต่อไปหลังEnd Credit เลยใช่ไหม
7. เลือกจะเก่งในสิ่งที่คุณทำแล้วสนุกเท่านั้น
ด้วยการประสบความสำเร็จในฐานะ นักเขียนการ์ตูนผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล แม้ในปี 1990 Stan Lee ตัดสินใจเกษียณจากการทำงานในบริษัท Marvel แต่ยังคงให้เขาดำลงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาอาวุโส โดยได้ค่าตอบแทน มูลค่า 1 ล้านเหรียญต่อเดือน และในปี 2005 Marvel ก็ตัดสินใจให้ผลตอบแทนส่วนแบ่งกำไรในอัตรา 10% จากรายได้การขายลิขสิทธิ์ที่เกิดขึ้นจากตัวละคร Super Heros ที่เขามีส่วนร่วมในการสร้าง และเขายังมีส่วนสร้างสรรค์ผลงานบันเทิงอีกมากมาย ทั้งรายการทีวี,Series,เกมโชว์,แอนิเมชันรวมไปถึงการกระโดดไปจับมือสร้างตัวมังงะหรือหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น
8. เวลาเป็นของมีค่าและน้อยนิด จงเสียมันให้กับสิ่งที่คุณรัก
ในชีวิตของเขานั้นจะเห็นได้ว่าให้ความสำคัญแค่เพียงสองเรื่อง 1 คืองานเขียนที่เขารักและ 2 ครอบครัวในปี 1945 เขาได้เจอกับภรรยาของเขา Joan Lee ณ ขณะนั้น Joan Lee เป็นนางแบบหมวกลูกครึ่งอเมริกาอังกฤษ เขาทั้งสองพบกันที่นิวยอร์กและเธอคือรักแรกพบและรักเดียวของเขา และเป็นผู้หญิงซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้แก่เขาเสมอมา โดยเธอเสียชีวิตก่อนเขา 1 ปีในวัย 95ปีเท่ากัน