สะดือลูก มีปัญหาหรือเปล่า สังเกตอย่างไร ดูแลแบบไหนถึงจะดี?
สะดือลูก
สะดือลูก คือส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างรกในผนังมดลูกคุณแม่กับหน้าท้องลูกน้อย เป็นท่อยาวที่ลำเลียงเลือด ออกซิเจน อาหาร จากแม่สู่ลูก เมื่อหลังคลอดจะแห้งสนิทเอง แต่ในรายที่มีความผิดปกติ อาจทำให้เกิดเป็นแผล มีอาการบางอย่างเกิดขึ้น มาดูถึงสาเหตุ เพิ่มความระมัดระวังปัญหา ดูแลสะดือลูกให้ถูกทางกันค่ะ
สะดือ มีปัญหารึเปล่า?
ช่วงหลังคลอด สายสะดือลูกน้อยจะแห้งและหลุดเอง ภายในช่วง 2 สัปดาห์หรือสัก 3 สัปดาห์ ไม่เกินจากนี้ และในส่วนของคุณหมอเอง จะนัดตรวจเพื่อติดตามสุขภาพลูกน้อย ดูว่า มีสิ่งผิดปกติที่สะดือหรือไม่ เพราะในบางรายสะดือแฉะเป็นๆ หายๆ เป็นซ้ำ นั่นแสดงว่า มีความผิดปกติ คุณหมอศัลยกรรมอาจจำเป็นต้องรักษา ใช้วิธีการผ่าตัด ก็เป็นได้
เรามาทำความรู้จักกับอาการผิดปกติของสะดือกันค่ะ
ติ่งเนื้อสีแดง (umbilical granuloma)
จะพบว่า มีก้อนเนื้อเยื่อ สีแดงนูนออกมาที่ฐานของสะดือ เกิดจากการอักเสบเรื้อรังภายหลังสะดือหลุดประมาณ 1-2 สัปดาห์
การรักษา หากมีขนาดเล็กอาจรักษาด้วยการใช้แท่งซิลเวอร์ไนเตรตจี้ที่ จี้ซ้ำทุก 1-2 สัปดาห์ หากขนาดใหญ่จะใช้ไฟฟ้าจี้
บวมแดง, มีหนอง มีกลิ่น
รอบสะดือบวมแดงหรือมีหนอง มีกลิ่น แสดงว่า เกิดการอักเสบ เกิดได้ในช่วงที่สายสะดือยังไม่หลุด หรือหลุดไปแล้ว ในรายที่มีอาการอักเสบรุนแรง เด็กจะมีอาการไข้ ซึม ดูดนมได้น้อย ท้องอืด
การรักษา ควรพาลูกน้อยไปพบคุณหมอโดยเร็ว เนื่องจากเด็กเล็กมีภูมิต้านทานที่ต่ำ เชื้อโรคอาจเข้าสู่กระแสเลือด เกิดอันตรายได้ คุณหมออาจแนะนำให้ยาปฏิชีวนะ
มีน้ำซึมออก
พบว่า มีน้ำซึมออกมาตลอดเวลา (paten urachus) หลังจากที่สะดือหลุดแล้ว เนื่องจากท่อที่ต่อระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับสะดือสลายตัวไม่หมด มีอาการสะดือแฉะ ทำให้เกิดการติดเชื้อได้
การรักษา ใช้วิธีการผ่าตัด
ส่วนสะดือที่มีลักษณะเป็นก้อนโป่งขึ้น เวลาลูกร้องไห้หรือเบ่งอุจจาระ สะดือจะโตมากขึ้นและตึง ได้ยินคุ้นหู เรียกว่าสะดือจุ่น จะพบบ่อยในเด็กเล็กๆ (ทำให้พ่อแม่เป็นกังวล) เกิดจากมีรูที่ผนังช่องท้องทำให้ลำไส้ยื่นผ่านรูผนังช่องท้อง จะสามารถยุบได้เองลูกเมื่อโตขึ้นยกเว้นกรณีที่มีขนาดใหญ่มากกว่า 2 เซนติเมตรและไม่ปิดเองหลัง 2 ปี.ต้องรักษาโดยการผ่าตัด
สะดือลูก ดูแลได้สบาย
– ใช้คอตตอนบัดชุบแอลกอฮอล์ 75% เช็ดทำความสะอาดสะดือเบาๆ หลังอาบน้ำเช้า-เย็น
– วิธีเช็ดคือ เช็ดรอบๆ สะดือ ไม่เช็ดที่กลางสะดือ ถึงแม้สายสะดือลูกแห้งหรือหลุดออกแล้ว
– ทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง หลังอาบน้ำเสร็จหรือเปลี่ยนผ้าอ้อม จนกว่าสะดือจะแห้งหรือยุบ
– ไม่โรยแป้งลงบนสะดือลูก เพราะอาจเกิดการหมักหมมของเชื้อโรคตามร่องสะดือ เกิดการอักเสบได้
– หากเห็นว่า สะดือไม่หลุด ก็ไม่ควรดึงหรือพยายามให้หลุดออก ควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติจะดีกว่า
– หลังสะดือหลุดแล้ว ยังต้องทำความสะอาดจนกระทั่งสะดือแห้ง
ความเชื่อแต่โบราณ
– นำมาโรยด้วยขมิ้นแล้วเก็บไว้ในกระปุก หากมีลูกคนที่สอง ให้นำสายสะดือของลูกคนแรกที่เก็บไว้มาต้มเอาน้ำดื่ม จะช่วยให้พี่น้องรักใคร่กลมเกลียวกัน
– หากมีใครป่วยหนัก กินยาขนานไหนก็แล้วก็ไม่หาย ให้ฝนสายสะดือที่เก็บไว้เป็นน้ำกระสายกับยา
– ใช้สายสะดือแห้งฝนกับน้ำมะนาว ทาแก้พิษแมลงกัดต่อย รับรองหายวันหายคืน
– อย่าแคะสะดือเล่น เดี๋ยวจะปวดท้อง เดี๋ยวจะสะดือโบ๋
เรื่องความเชื่อ อยากให้คุณแม่พิจารณาถึงเหตุ อยู่บนพื้นฐานความเหมาะสม ยิ่งเป็นเรื่องสุขภาพลูกต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะสะดือเป็นช่องทางที่เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายทางหนึ่ง ยิ่งเด็กแรกเกิด ที่ภูมิต้านทานโรคยังไม่แข็งแรงต่อเชื้อโรค เชื้ออาจเข้าสู่เส้นเลือด ส่งผลต่ออวัยวะต่างๆ ในร่างกายได้ง่าย เป็นอันตรายกับลูกน้อยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : นิตยสาร Mother&Care