เกิดอะไรขึ้นระหว่างอินเดียและปากีสถาน
เกิดอะไรขึ้นระหว่างอินเดียและปากีสถาน
สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจอินเดียและปากีสถาน ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นหลังทางการปากีสถานระบุว่า ได้ยิงเครื่องบินทหารของอินเดียตก 2 ลำ และยังจับตัวนักบินไว้ได้อีก 1 นาย โดยความขัดแย้งนี้มีสาเหตุมาจากข้อพิพาทในกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนแคชเมียร์
จัมมูและแคชเมียร์ คือรัฐเหนือสุดของประเทศอินเดีย ดินแดนส่วนมากตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัย เคยอยู่ภายใต้การปกครองของชาวสิกข์ ภายหลังขับไล่ชาวสิกข์ออกไปได้ ในยุคที่อังกฤษเข้ามา กษัตริย์ของจัมมูและแคชเมียร์ก็ช่วยอังกฤษรบกับชาวสิกข์และได้เป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษ เมื่ออังกฤษให้เอกราชแก่อินเดียและมีการแบ่งเป็นอินเดียและปากีสถาน รัฐจัมมูและแคชเมียร์ก็ได้กลายเป็นกรณีพิพาทของทั้งสองประเทศจวบจนปัจจุบัน
ทั้งอินเดียและปากีสถาน ต่างเป็นชาติที่มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในครอบครอง และต่างก็อ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนแคชเมียร์ทั้งหมด แต่ต่างฝ่ายต่างได้ปกครองพื้นที่เพียงบางส่วนของแคชเมียร์เท่านั้น ซึ่งทั้งสองประเทศทำสงครามกันมาแล้ว 3 ครั้ง นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษและแบ่งประเทศในปี 1947 แต่ในจำนวนนี้ 2 ครั้ง เป็นการทำสงครามสืบเนื่องจากข้อพิพาทดินแดนแคชเมียร์
จริงๆแล้วภายใต้แผนการแบ่งประเทศตามกฎหมายเอกราชอินเดีย แคชเมียร์มีอิสระในการเลือกว่าจะอยู่กับอินเดียหรือปากีสถานก็ได้ แต่ "มหาราชา ฮารี ซิงห์" ผู้ปกครองแคชเมียร์ ได้เลือกอินเดีย ทำให้สงครามปะทุขึ้นในปี 1947
ผู้คนจำนวนมากในดินแดนแคชเมียร์เอง ก็ไม่ต้องการให้อินเดียปกครอง แต่อยากจะเป็นเอกราชหรือไม่ก็เข้าร่วมกับปากีสถานมากกว่า ส่วนหนึ่งเพราะประชากรในรัฐจัมมูร์และแคชเมียร์ ซึ่งอินเดียปกครองอยู่ นับถือศาสนาอิสลามกว่า 60% ทำให้รัฐนี้กลายเป็นรัฐเดียวในอินเดียที่มีชาวมุสลิมเป็นชนกลุ่มใหญ่
อัตราการว่างงานที่สูง และการร้องเรียนเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่กองกำลังความมั่นคงกระทำต่อผู้ประท้วง ทำให้ปัญหายิ่งทวีความรุนแรง
ความรุนแรงในรัฐนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 1989 แต่ความรุนแรงระลอกใหม่เกิดขึ้นหลังจากการเสียชีวิตของบูร์ฮัน วานี ผู้นำกลุ่มติดอาวุธวัย 22 ปี เมื่อเดือน ก.ค. 2016 เขาเสียชีวิตจากการต่อสู้กับกองกำลังความมั่นคง ทำให้เกิดการประท้วงขนาดใหญ่ทั่วภูมิภาค
วานี ซึ่งเป็นเจ้าของคลิปวิดีโอทางโซเชียลมีเดียจำนวนมากที่คนรุ่นใหม่ชื่นชอบ เขาได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้ฟื้นฟูและทำให้ภาพลักษณ์ของกลุ่มติดอาวุธมีความชอบธรรมในภูมิภาค
คนหลายพันคนเข้าร่วมงานศพของวานี ซึ่งจัดขึ้นในเมืองทรัล (Tral) บ้านเกิดของเขา ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองศรีนาการ์ไปทางใต้ราว 40 กม. หลังจากงานศพ ผู้คนได้ปะทะกับทหารและเกิดความรุนแรงจนถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตนานหลายวัน มีพลเรือนเสียชีวิตกว่า 30 คน และอีกหลายคนได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกันหลายครั้ง นับจากนั้นความรุนแรงก็เพิ่มสูงขึ้นในรัฐนี้
ปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 500 คน ทั้งพลเรือน, กองกำลังความมั่นคง และสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ ถือเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในรอบ 10 ปี
หลังจากนั้น ในปี 2003 อินเดียและปากีสถาน ได้ข้อตกลงหยุดยิง หลังจากเกิดเหตุนองเลือดนานหลายปีในพื้นที่ตามแนวพรมแดน (หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า เส้นแบ่งเขตหยุดยิง หรือ Line of Control)
ต่อมา ปากีสถานรับปากว่าจะหยุดสนับสนุนด้านการเงินให้แก่กลุ่มติดอาวุธในปากีสถาน ขณะที่อินเดียก็เสนอที่จะนิรโทษกรรมให้แก่สมาชิกกลุ่มติดอาวุธ ถ้าพวกเขาเลิกการเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ
จากนั้นในปี 2014 รัฐบาลใหม่ของอินเดียได้ขึ้นมาบริหารประเทศ ซึ่งรับปากว่า จะจัดการปัญหากับปากีสถานอย่างเข้มงวดมากขึ้น แต่ก็แสดงความสนใจที่จะจัดการเจรจาสันติภาพ ส่วนนายนาวาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน ยังได้เข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอินเดียของนายนเรนทรา โมดี ในกรุงนิวเดลีด้วย
แต่ 1 ปีต่อมา อินเดียก็กล่าวหากลุ่มที่อยู่ในปากีสถานหลายกลุ่มว่า ก่อเหตุโจมตีฐานทัพอากาศในเมืองเมืองปาทานโคต (Pathankot) ในรัฐปัญจาบทางตอนเหนือ นายโมดียังได้ยกเลิกการเดินทางเยือนกรุงอิสลามาบัดของปากีสถาน เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดระดับภูมิภาคในปี 2017 ด้วย นับจากนั้นการเจรจากันระหว่างทั้งสองประเทศก็ไม่มีความคืบหน้าอีกเลย
การประท้วงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในช่วงฤดูร้อนในแคชเมียร์ที่อยู่ภายใต้การปกครองของอินเดียในปี 2016 ทำให้ความหวังว่าจะเกิดสันติภาพในภูมิภาคนี้ริบหรี่ลง จากนั้นเดือน มิ.ย. 2018 พรรคภราติยะ ชนะตะ (Bharatiya Janata Party) หรือ บีเจพี ของนายโมดี ก็ได้ถอนตัวออกจากรัฐบาลผสมที่บริหารโดยพรรคพีเพิลส์เดโมแครติก (People's Democratic Party) นับจากนั้นรัฐจัมมูร์และแคชเมียร์จึงอยู่ภายใต้การปกครองโดยตรงของรัฐบาลอินเดีย ทำให้ผู้คนยิ่งไม่พอใจเพิ่มมากขึ้นไปอีก
การเสียชีวิตของทหารอินเดียกว่า 40 นายเมื่อวันที่ 14 ก.พ. จากการโจมตีด้วยการฆ่าตัวตาย ทำให้ความหวังว่าความสัมพันธ์จะดีขึ้นในอนาคตอันใกล้สิ้นสุดลง อินเดียกล่าวหากลุ่มติดอาวุธในปากีสถานหลายกลุ่มว่า เป็นผู้ก่อเหตุโจมตีครั้งนี้ ซึ่งทำให้ทหารอินเดียเสียชีวิตมากที่สุดในแคชเมียร์ นับตั้งแต่เกิดความไม่สงบมาเมื่อ 30 ปีก่อน
หลังจากเหตุวางระเบิด อินเดียบอกว่า จะใช้ "มาตรการทางการทูตทุกอย่างเท่าที่จะทำได้" ในการโดดเดี่ยวปากีสถาน จากประชาคมโลก
เมื่อวันที่ 26 ก.พ. อินเดียได้โจมตีทางอากาศในดินแดนของปากีสถาน ซึ่งอินเดียระบุว่า พุ่งเป้าโจมตีฐานทัพของกลุ่มติดอาวุธ
ปากีสถานระบุว่า การโจมตีดังกล่าวไม่ได้สร้างความเสียหายที่สำคัญ หรือทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ก็ยืนยันว่า จะตอบโต้ ทำให้เกิดความกังวลว่า จะเกิดการเผชิญหน้ากันขึ้น หนึ่งวันต่อมา ปากีสถานระบุว่า ได้ยิงเครื่องบินของกองทัพอากาศของอินเดียตก 2 ลำ ในน่านฟ้าของปากีสถาน หลังจากเครื่องบินปากีสถานโจมตีเป้าหมายหลายเป้าหมายในดินแดนของอินเดีย
แหล่งที่มา: https://variety.thaiza.com