"บิ๊กตู่" ท้าเรียกแขก!!! ฟุ้ง "มึงมาไล่ดูสิ" สบถแรง! ไม่ลาออก อ้าง 'โอบามา-สีจิ้นผิง' ยังไม่ทิ้งเก้าอี้ (คลิป)
"บิ๊กตู่” ลั่นไม่ลาออก ยก “โอบามา-สี จิ้นผิง” ยังไม่ทิ้งเก้าอี้ อ้างรัฐธรรมนูญตั้งแต่ 2475 จนถึงปัจจุบัน ไม่ได้เขียนต้องออก สบถ “มึงมาไล่ดูสิ” สวน “มาร์ค” เลือกตั้ง 54 ยังแพ้ “ปู” คาเก้าอี้นายกฯ สะท้อนมีอำนาจไม่ใช่ได้เปรียบ
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 1 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวช่วงท้ายของการแถลงผลงานปีที่ 4 ของรัฐบาลว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้วเดี๋ยวก็ถามอีกเรื่องเลือกตั้งกันอีก ไม่มีที่จะถามเรื่องอื่น ตนจะพูดให้ฟังว่า หลักการณ์ที่ตนจะพิจารณาว่าจะลาออกจากตำแหน่งนายกฯหรือไม่ เป็นคนละเรื่องกับการรับหรือไม่รับให้พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกฯ เรื่องการรับหรือไม่รับการเสนอชื่อจากพรรคการเมืองอยู่ที่นโยบายของพรรคนั้นว่าตนโอเคหรือไม่ ถ้าตนโอเคมีการปรับแก้อะไรบ้างอย่างที่ให้เกิด ในวิธีการที่ถูกต้องก็ต้องขอปรับแก้ถ้าอย่างนี้อยู่กันได้ ถ้ามันแก้ไม่ได้ก็ไม่ต้องมาแล้ว
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนหลักการณ์ที่ต้องพิจารณาว่าต้องลาออกจากตำแหน่งนายกฯหรือไม่ จำคำพูดของตนไว้ ทั่วโลกที่เป็นระบอบประชาธิปไตย สังคมนิยม ผู้นำรัฐบาลไม่เคยมีใครลาออกเพื่อการเลือกตั้ง เช่น นายบารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ลงชิงตำแหน่งครั้งที่สอง หรือประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนมีใครลาออกหรือไม่ ตอบมาสิอย่าไปเขียนอย่างนี้อีก หลักการณ์มันเป็นอย่างนี้ นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญ กฎกติกา และธรรมเนียมปฏิบัติหรือมารยาทเกี่ยวกับเลือกตั้งทั่วโลก ไม่มีกฎหมายใดบอกว่าผู้สมัครรรับเลือกตั้ง เมื่อมีตำแหน่งบริหารอยู่ด้วยต้องลาออก อย่าเอาอย่างอื่นมาบังคับตนมากเลย มันต้องดูประเทศชาติว่าเป็นอย่างไร รวมถึงหลักการณ์ว่าอย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า รัฐธรรมนูญไทยตั้งแต่ปี 2475 ถึงปัจจุบัน ไม่มีกำหนดว่าให้นายกฯต้องลาออก และในทางปฏิบัติจริงไม่เคยมีผู้ใดลาออกขณะเลือกตั้งเลยใช่หรือไม่ การเลือกตั้งปี54 ใครเป็นนายกฯลาออกหรือไม่ ก็ไม่ออก แล้วไปหาเสียงครม.สัญจรด้วย ตนยังไม่ทำเลย ไม่ได้ไปแบบเขา เพราะตนยังไม่ได้ไปร่วมกับพรรคการเมือง และต้องดูอีกทีว่าทำได้หรือไม่ด้วย
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนการเลือกตั้งปี 57 นายกฯอีกคนกับครม. ลาออกหรือไม่ ก็ไม่ออก อย่ามาพูดส่งเดช ใครที่ออกไปเพราะเรื่องปลากระป๋อง มันมีความผิดก็ออกไป ส่วน 4 รัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ที่ลาออกไป ไม่ได้มีความผิดอะไรเลย ทำงานเยอะแยะไปหมด แต่เขาขอลาออก เพราะอยากไปทำงานการเมืองเต็มตัว ทั้งที่เขาอยู่ได้ตามกฎหมาย
“อย่าไปไล่ล่ากันมากนัก พอไล่คนนี้แล้วลาออก แล้วเดี๋ยวมาไล่นายกฯออก ก็กฎหมายว่าอย่างนี้ มึงมาไล่ดูสิ ไล่ให้ได้สิ ตนไม่ท้าทายแต่ไม่ออก การที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แพ้การเลือกตั้งปี54 ในการแข่งกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำไมแพ้ล่ะ เป็นรัฐบาลหรือเปล่าทำไมแพ้ แสดงว่าการเป็นรัฐบาลไม่น่าจะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบขึ้นมาแต่อย่างใด ขึ้นอยู่กับรัฐบาลมีผลงานหรือไม่ หากไม่มีประชาชนก็ไม่เลือกอยู่แล้ว ก็ไปหวังในสิ่งใหม่ๆที่เขาพูดออกมาจริงบ้างไม่จริงบ้าง นั่นคือการเมืองไทย”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า นักกฎหมายในสังคนอื่นประเทศอื่น เขาเคารพกติกา เขาไม่มาถกเถียงกันในเรื่องเหล่านี้ แต่บ้านเมืองเราเวลาจะพูอะไรสักอย่างไม่มองตัวเอง เคยพูดเคยทำอะไรที่เสียหายไว้บ้าง เฉพาะที่เสียหายก็เยอะอยู่แล้ว เคยพูดบ้างหรือไม่ พูดแต่ว่าจะทำๆไปคิดเอาเอง ชี้นิ้วมาแต่ที่ตนเสมอ ว่าทำผิดไม่เคารพกฎหมายและกติกา เพื่อประโยชน์ใคร ก็เพื่อส่วนตัวทั้งสิ้น
“4รัฐมนตรีของผมออก เขาไม่ได้ออกเพราะผมไปกดดันว่าต้องออกๆ ผมรู้ว่ากฎหมายไม่ต้องลาออก ผมอยากให้เขาทำงานแต่เขาจะไปทำพรรคการเมืองก็ต้องปล่อยเขาไป ผมก็ต้องหาคนทำแทนให้ได้ แล้วอย่ามาคิดว่า ลาออกเพราะกลัว เขาไมได้กลัวท่านหรอก อะไรที่พูดๆมา เสร็จแล้วก็มากดดันนายกฯกดดันผมไม่ได้ผมเคารพกฎหมาย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการโจมตีรัฐบาลและคสช.ทุกคนถามว่าทำไม่มีเยอะขึ้น ท่านก็รู้อยู่แล้ว การเมืองไทยเป็นอย่างนี้ปฏิรูปไม่ได้เสียที เป็นไปตามขั้นตอนของผู้ไม่หวังดี ตั้งแต่เรื่องการอยากเลือกตั้ง ห้ามเลื่อนเลือกตั้ง อะไรทำนองนี้ พอกำหนดวันก็บอกว่าไม่เป็นธรรมเข้าไปอีก มันเป็นสเต็ปๆ ท่านก็เป็นเครื่องมือเขาอยู่ได้ไปดูสิทุกอย่างไม่ได้ขึ้นกับตน อยู่ที่ทำกฎหมายตามโรดแม็ป มันปรับเปลี่ยนไปเพราะกฎหมายเสร็จหรือไม่เสร็จ มันเรื่องของกฎหมายตนพูดในขั้นต้น ว่าเลือกตั้ง 24 ก.พ.62 แต่เมื่อกฎหมายไม่พร้อมอะไรไม่พร้อม ทั้งยังมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ก็ขยับไปอีกหน่อยหนึ่งเท่านั้นเอง ถ้าอยากเข้ามาก็ต้องรับกติกาตรงนี้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องรัฐบาลรักษาการณ์และรัฐบาลอำนาจเต็ม ต่างกันตรงเรื่อง ห้ามโยกย้ายข้าราชการโดยไม่จำเป็น ตนก็ดูอยู่ ไม่จำเป็นก็ไม่อยากย้าย รวมถึงห้ามใช้งบประมาณผูกพัน เว้นแต่ที่จำเป็น ซึ่งรัฐบาลตนทำได้ในกรณีเร่งด่วน ถ้าไม่เร่งด่วนตนไม่อยากใช้ อย่างไรก็ตาม กรณีที่ห้ามจัดทำงบประมาณในรัฐบาลรักษาการณ์อย่างคราวที่แล้วเมื่อปี57 เขาลาออกหรือยุบสภาอะไรสักอย่าง ตอนนั้นงบประมาณถึงใช้ไม่ได้ ทำงบประมาณปี 58 ก็ไม่ได้ จะไม่มีเงินจ่ายข้าราชการและโครงการทั้งหมด
“นั่นแหละปี57 ที่ผมเข้ามา ที่ต้องเร่งงบฯเพื่อให้ใช้จ่ายได้และทำงบญปี58ให้ได้ ผมถึงต้องเข้ามาเพราะไม่มีวิธีการอื่นที่จะแก้ปัญหานี้ได้ วันนี้รัฐธรรมนูญ60 มาตรา 264 265 สั่งผมคือ นายกฯและหัวหน้าคสช.ต้องอยู่ต่อจนกว่ามีรัฐบาลใหม่ ลาออกไม่ได้ ถ้านายกฯลาออก ครม.ต้องลาออกทั้งหมด ถ้าตนลาออกก็ไปหมดเลย แล้วใครจะอยู่จัดงานพระราชพิธี ใครจะอยู่ทำสิ่งที่ตนพูดทั้งหมด เข้าใจหรือยัง อย่ามาถามอีกนะ ไม่ต้องมาไล่ผมหรอก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงผลงานปีที่ 4 ของรัฐบาล ช่วงหนึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้ถือโอกาสชี้แจงถึงการเดินทางไปต่างประเทศ ว่าไปมาถึง 64 ครั้ง ในประเทศต่างๆ ไม่ได้ไปซื้อของ ไม่ได้ไปเที่ยว เข้าใจกันหรือไม่ เป็นการไปเจรจาเรื่องการค้าขาย การกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังชี้แจงถึงการลงพื้นที่ในการไปปฏิบัติภารกิจและประชุม ครม.นอกสถานที่( ครม.สัญจร) ว่า การลงพื้นที่แต่ละครั้งตนไม่ได้ลงไปหาเสียง มีรัฐมนตรีลงไปล่วงหน้า 3-4 วันมีกิจกรรมต่างๆมีการพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ถ้าไปแบบให้พอใจพูดจาเพราะๆ ถ่ายรูปแล้วกลับบ้านก็ทำได้ ซึ่งเรื่องถ่ายภาพนั้นห้ามไม่ได้เพราะทุกคน มีโทรศัพท์ แล้วถ้าให้ถ่ายกับทุกคนคงไม่ได้กลับบ้าน