หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

พาไปเล่น Roller Coaster ที่ดาลัท เวียดนาม

เนื้อหาโดย sonew

 

หลังจากที่ใช้เวลาเที่ยวดาลัทเมื่อวาน 1 วัน เหมือนจะยังไม่จุใจ เพราะหลายๆ รีวิวบอกว่า ถ้าเที่ยวดาลัท ควรอยู่สัก 3 วัน 2 คืน เราจึงทำตามคำแนะนำ . . .

- - - - - - - - - - - - - - - - -

Day 3 วันที่ 25 ต.ค. 61

ตื่นเช้าขึ้นมาพร้อมกับอากาศที่สดชื่นของ “ดาลัท” วันนี้อากาศค่อนข้างแจ่มใสกว่าเมื่อวาน เรารีบอาบน้ำแต่งตัว เพราะวันนี้ เราจะตะลุยดาลัทอีก 1 วัน ให้จุใจไปเลย

กองทัพต้องเดินด้วยท้อง . . . ด้วยเวลาอันจำกัด เราจึงทำการซื้อแซนวิช หรือ Bun mi พกไปกินระหว่างทาง ก็ไม่ใช่ที่ไหนไกล ร้านเบเกอรี่ใกล้ๆ โรงแรมนั่นแหละ (ร้านที่เราแวะซื้อเมื่อคืนก่อนกลับเข้าโรงแรม) ชื่อร้าน Lien Hoa ร้านสีแดงๆ หาไม่ยากค่ะ . . .

เสร็จสรรพ ทำการเช่ามอเตอร์ไซค์เรียบร้อย เราก็ไม่รอช้า ขี่ไปเที่ยวกันเล้ย !!

- - - - - - - - - - - - - - - - -

แพลนของเราวันนี้คร่าวๆ ก็คือ
1.ไปเล่น Roller Coaster และเที่ยวน้ำตก Datanla
2.อาจจะนั่งกระเช้า
3.เดินเล่นทะเลสาปกลางเมือง
4.เดินเล่นลาน Lam Vien Square
วันนี้จะเบาๆ เป็นแบบ Relax tour ค่ะ 555+ พร้อมแล้วไปทัวร์ชิลๆ วันที่ 2 ที่ดาลัทกันต่อค่ะ

- - - - - - - - - - - - - - - - -

ขี่มอเตอร์ไซค์ออกนอกเมืองไปไม่ไกล (ตาม Google map) เราก็มาถึง ทางเข้าลักษณะเหมือนเป็นอุทยาน ซึ่งน้ำตก Datanla เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ค่ะ . . .

มาถึงก็เพิ่งรู้ว่า การที่เราจะไปชมความสวยงามของน้ำตก Datanla ได้ เราจำเป็นต้องนั่ง Roller Coaster ลงไป คิดซะว่า ตั้งใจมาเล่นอยู่แล้ว ได้ชมน้ำตกด้วย โอ้ยยย กำไรค่ะ .... จากนั้นเราก็ทำการซื้อตั๋วสำหรับเล่น Roller Coaster ราคาคนละ 150,000 ดอง (210บาท) โดยเราสามารถเลือกได้ว่า จะนั่งคันเดียวกันไหม ในกรณีมาเป็นคู่ หรือจะนั่งแยกก็ได้ . . . ส่วนเราขอนั่งคันเดียวกันค่ะ เพราะต้องถ่ายคลิปวีดิโอ . . .

*** ขอบอกทริคไว้หน่อยนะคะ ควรมาถึงที่นี่สัก 9-10 โมงค่ะ เพราะคนจะไม่เยอะ ไม่ต้องรอนาน ใครติดใจ ก็ต่อแถวเล่นอีกก็ได้

- - - - - - - - - - - - - - - - -

ถึงคิวพวกเราแล้ว . . . ลักษณะการนั่ง ก็คือ แฟนเรานั่งข้างหลัง เรานั่งข้างหน้า พนักงานก็จะทำการคาดเข็มขัดนิรภัยให้ และสอนการใช้เบรคให้ทราบ จากนั้นก็รอสัญญาณจากทางพนักงาน แป๊บเดียวเท่านั้น รถของเราก็เคลื่อนตัวเข้าสู่ราง และคุณพระ ! นึกว่าจะจิ๊บๆ มันไม่จิ๊บเลยค่ะคู้ณณณ เสียวท้องใช่เล่น 555+ เราร้องกรี้ดเบาๆ ไปหลายรอบมาก แต่ต้องยอมรับว่า สนุกมากๆ และเส้นทางที่เราผ่านตลอดสายก็สวยงามจริงๆ ความเขียวของป่าเขา อากาศเย็นสบาย กับแสงแดดเบาๆ ที่เราได้สัมผัสตลอดเส้นทาง ***ห้ามพลาด!! เพราะจะมีจุดที่มีการตั้งกล้องถ่ายภาพเราไว้ 2 จุดด้วยกัน โปรดสังเกตป้ายข้างทางด้วยนะคะ จะได้มีภาพสวยๆ ในการเล่น Roller Coaster ติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง เราจำได้แค่จุดเดียวคือ จุดที่รถขึ้นไปสูงสุด จุดตรงยอดนั่นแหละ มีกล้อง ส่วนอีกกล้องวัดใจกันเองนะคะ รถเราไหลไปตามทางเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงจุดพัก นั่นก็คือ “น้ำตก Datanla” นั่นเอง . . .

น้ำตก Datanla น้ำตกขนาดไม่ใหญ่มาก แต่มีชั้นลดหลั่นที่สวยงาม สายน้ำแรงและน้ำเยอะ เป็นจุดถ่ายภาพที่สวยอีกแห่งหนึ่ง นอกจากวิวน้ำตกที่สวยงามแล้ว เรายังได้เห็นการไต่หน้าผาของนักท่องเที่ยวที่กำลังโรยตัวลงมาจากยอดน้ำตกอีกด้วย ป.ล. เราไม่สามารถลงเล่นน้ำได้นะคะ และไม่สามารถลงไปยืนบนหินที่อยู่ห่างออกไปจากฝั่งได้ เพราะเราเคยแล้ว โดยเจ้าหน้าที่เป่านกหวีดเสียงดังเลย 5555

ชมบรรยากาศได้สักพัก เราก็เข้าไปดูรูปที่เขาตั้งกล้องถ่ายเราไว้ระหว่างทางที่เล่น Roller Coaster มีอยู่ 2 มุมด้วยกัน เลือกไปเลือกมาได้รูปเดียว เพราะอีกรูป หน้าเ...ยกมาก เนื่องจากกำลังลงเนิน หน้าตาเหยเกมาก 55 เราทำการจ่ายเงินค่ารูป ซึ่งน่าจะประมาณ 60,000 ดอง (84บาท) ซึ่งเราจะได้เป็นภาพถ่ายแผ่นใหญ่ใส่มาในปกสวยงามสมเป็นของที่ระลึก และภาพที่ส่งมาเป็นไฟล์ ที่เจ้าหน้าที่จะทำการส่งให้เราทาง Email . . . ได้รูปมาเสร็จเรียบร้อย เราเดินทางกลับกันดีกว่า . . .

- - - - - - - - - - - - - - - - -

เราจึงทำการขึ้น Roller Coaster อีกครั้ง เพื่อกลับไปยังสถานีด้านบน เหมือนเดิม วิวทิวทัศน์ตลอด 2 ข้างทางสวยดี ขากลับนี้จะมีจุดหวาดเสียวบ้าง แต่ก็สนุกดี แล้วเราก็กลับมาถึงด้านบนจนได้ . . .

เสร็จจากการเล่น Roller Coaster เราก็เตรียมเดินทางกันต่อ แต่ทว่าเราก็มาเจอกับปัญหา . . . ปัญหานั้นคือ น้ำมันมอเตอร์ไซค์จะหมดเว้ยยย !!! ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี ด้วยความชะล่าใจคิดว่า เอาน่ะ ข้างหน้าเดี๋ยวก็มี แต่พอมาจริงๆ เอ้าเฮ้ย! ไม่มีปั๊ม แล้วที่นี่จะทำไงดี . . . ไร้ซึ่งที่พึ่งใดๆ เหลือเพียงที่พึ่งสุดท้าย คือ ถามคุณลุงคนเฝ้าที่จอดรถ . . . ดั่งสวรรค์โปรด คุณลุงใจดี ชี้ทางให้ บอกว่า ขี่มอเตอร์ไซค์ย้อนกลับไปทางที่มา จะเจอร้านขายของข้างทาง ร้านนั้นมีน้ำมันขาย . . . เด็ดจัดปลัดบอก ! เราไม่รอช้า ขี่แบบพยุงรถไปจนถึงร้านขายของข้างทางจนได้ ไปถึง เอ.... มันใช่ที่นี่ไหมนะ ทำไมมีแต่ผลไม้ ลักษณะเป็นเพิงขายผลไม้ข้างทาง ที่มีคุณป้าสูงอายุเป็นเจ้าของ . . . ไม่มีทางเลือกแล้ว เราจึงเอ่ยถามคุณป้าไปว่า มีน้ำมันขายไหม ... คุณป้าพยักหน้า พร้อมทั้งก้มตัวลงแล้วล้วงมือเข้าไปใต้แคร่ไม้ แล้ดึงแกลลอนน้ำมันออกมา โล่งอกไปที . . . สนนราคาค่าน้ำมัน ปริมาณประมาณครึ่งลิตรกว่า คือ 40,000 ดอง (56บาท) มีน้ำมันแล้ว พร้อมไปต่อแล้วค่ะ *** อย่าลืมนะคะ น้ำมันหมด เพิงขายของข้างทางช่วยท่านได้ (เส้นน้ำตก Dalanta เท่านั้นนะคะ เพราะเส้นทางอื่น ไม่แน่ใจว่ามีไหม) แต่เอาชัวร์ ก็เติมมาจากในเมืองเลยดีกว่าค่ะ

ดูจาก Google map หาเส้นทางไป Robin Hill เพราะว่าจะไปนั่ง Cable Car ขี่ไปขี่มา เอ.... ทางนี้มันคืออะไรกันกว่า ท่าทางจะสวยดี แวะที่นี่ก่อนแล้วกัน . . . มองดูรอบๆ ของสถานที่ที่เราแวะพัก นักท่องเที่ยวค่อนข้างหนาตา สถานที่แห่งนี้ดูแล้วคล้ายจะเป็นวัด หรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สักอย่าง เราจึงนำมอเตอร์ไซค์เข้าไปจอด (ไม่เสียค่าจอดค่ะที่นี่) แล้วก็เดินขึ้นไปยังด้านบน ***การแต่งกายต้องห้ามทำหรับที่นี่คือ ผู้หญิง ห้ามใส่เสื้อสายเดี่ยว เสื้อกล้าม เสื้อแขนกุด กางเกงและกระโปรงสั้น ส่วนผู้ชาย แต่ต้องแต่งกายสุภาพ ไม่ใส่กางเกงขาสั้น หากใครใส่ขาสั้นมาก จะต้องนุ่งผ้าที่เขาเตรียมไว้ให้

พอขึ้นไปถึง เราจึงเพิ่งทราบว่า ที่นี่ ที่เรามาถึงก็คือที่ “วัด Truc Lam” วัดแห่งนี้เป็นวัดพุทธนิกายเซน ซึ่งบรรยากาศสงบร่มรื่นเอามากๆ นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นวัดที่มีภูมิทัศน์ที่สวยงามอีกด้วย เนื่องจากพื้นที่ในวัดถูกประดับประดาไปด้วยไม้ดอกชนิดต่างๆ ที่บานสะพรั่งอวดสีสันกันเป็นจำนวนมาก สำหรับเรา เป็นการ Random เที่ยวที่คุ้มค่ามาก เพราะถือว่าวัดนี้อยู่นอกแพลน แต่ด้วยความที่หลงเข้ามา ซึ่งถือว่าเป็นการหลงที่คุ้มค่าจริงๆ ค่ะ อิอิ . . .

ไม่ไกลกัน เรียกว่า เดินข้ามถนนมาจะดีกว่า 555 ที่นี่เป็นที่ตั้งของ “สถานี Cable car” ที่คนมาเที่ยวมักจะรีวิวกัน คือยอมรับเลยว่า จริงๆ มันคือ 1 ในแพลนที่เราจะต้องนั่งเคเบิลคาร์ชมเมือง แต่ว่า . . . หลังจากที่เรานั่งสังเกตการณ์อยู่สักพักนึง แอบคิดในใจสงสัยกับแฟนอยู่ว่า ทำไมไม่มีคนขึ้นเลย นั่งกินน้ำกินท่าเพื่อหลบความร้อน เกือบๆ ครึ่งชั่วโมงได้ กระเช้า ไม่มีการเคลื่อนไหวเลย ก็เลยแบบ ไม่ขึ้นดีกว่า มันดูร้างๆ เหลือเกิน ไม่เหมือนที่คิดไว้ คือจริงๆ สิ่งที่คิดไว้ก็คือจะต้องมีนักท่องเที่ยวมาต่อแถวรอขึ้นกันเป็นล็อตๆ ดูมีความเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม อะไรแบบนี้ แต่อันนี้คือ ไม่มีคนเลย 55555 ก็เลย โอเค ไม่ขึ้นดีกว่า แต่ก็อาจจะอนุมานได้ว่า เรามาในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยเหมาะสม คือประมาณ 11 โมง ซึ่งก็อาจจะร้อนก็ได้ 5555 คนเลยยังไม่มากัน แต่สำหรับใครจะลองไปก็ไปกันได้นะคะ เพราะรีวิวส่วนใหญ่ที่ดูมาก็โอเคเลย และอีกข้อ เราไม่รู้ว่ามันมีเคเบิลคาร์ ที่อื่นอีกหรือเปล่า อันนี้อาจจะไม่ใช่อันที่คนท่องเที่ยวนิยมขึ้นกัน ก็เป็นได้ค่ะ . . .

- - - - - - - - - - - - - - - - -

ถึงเวลาขี่มอเตอร์ไซค์กลับเข้าเมืองไปหาอะไรกินกันดีกว่า แต่ว่าเรามีธุระอย่างนึงต้องทำก่อน . . .

เนื่องจากเรานึกเอะใจถึงเรื่องๆ หนึ่งขึ้นมา นั่นก็คือ เรื่องตั๋วที่เราจะต้องเอามาเช็คอิน ก่อนขึ้นรถไปมุยเน่พรุ่งนี้ เพราะเราจำได้ว่า เมื่อวันก่อนที่เราเช็คอินเพื่อขึ้นรถนอนจากโฮจิมินห์มาดาลัท พนักงานของ The Sinh Tourist สาขา โฮจิมินห์ ไม่ได้คืนตัวรอบการเดินทางอื่นๆ มาให้เรา (เราจองพร้อมกันตั๋วจึงถูกแม็กรวมกันไว้) ซึ่งเราเองก็เข้าใจว่า เขาอาจจะเช็คอินในระบบออนไลน์ให้เรารวดเดียวเลยหรือเปล่า แต่เพื่อความแน่ใจ ก็เลยขอไปสอบถามเรื่องนี้อีกครั้งกับ The Sinh Tourist ที่สาขาดาลัทดู . . . ปรากฎว่า พนักงานก็ยืนยันว่ายังไงก็ต้องเอาตั๋วที่เราซื้อมาทำการเช็คอินเขาถึงจะออกตั๋วสำหรับขึ้นรถได้ ย้ำอย่างเดียวว่า “This is a rule!!!” ซึ่งเราไม่ก็ยอมสิ เพราะจริงๆ มันก็ไม่ใช่ความผิดของเรา “It's not my fault” แล้วก็อธิบายไปว่าเพราะพนักงานทางโฮจิมินห์ไม่คืนตั๋วมาให้เราเอง (จำได้ว่าตอนนั้นพนักงานที่รับตั๋วกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ อาจจะลืม) ซึ่งเราก็ไม่รู้ไงว่า ว่ามันต้องถือตั๋วเพื่อมาเช็คอินด้วยทุกครั้ง เราก็เจรจากับพนักงานด้วยสถานการณ์ที่ตึงเครียดเหมือนกัน เพราะเอาจริงๆ เราตัดคะแนนความประทับใจของบริษัท The Sinh Tourist จากเหตุการณ์นี้เลย ไม่ใช่เพราะ พนักงานที่โฮจิมินห์ลืมคืนตั๋วให้เรานะ แต่เราตัดคะแนนพฤติกรรมที่ไม่ค่อยน่ารักของพนักงานที่สาขาดาลัท ที่ชักสีหน้า และพูดจาไม่ดี ขอพาสปอร์ตเรา เราก็อธิบายว่า ทางโรงแรมที่พักเก็บพาสปอร์ตเราไป จากนั้นชีก็ชักสีหน้าไม่พอใจเข้าไปอีก งงใจไปเลย ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ได้พูดไม่ดีกับเขานะ สุดท้ายปลายสุด คุณพนักงานก็บอกว่า พรุ่งนี้ให้มาก่อนเวลาเช็คอิน คือก่อน 07.30 น. เพราะจะได้มาดำเนินการเรื่องตั๋ว ให้เรียบร้อย แค่นี้เอง ... ไม่น่าทำอาการไม่ดีแบบนั้นเลย เนี่ยแหละ ขอตัดคะแนน อัธยาศรัยไมตรีพนักงาน The Sinh Tourist ที่ดาลัทไปค่ะ (สาขาอื่น พนักงานดีมากๆ เลยนะคะ เสียดาย)

***อย่าลืมเช็คเรื่องตั๋วด้วยนะคะ หากมีการจองรถหลายๆ เที่ยว ถ้าทำการเช็คอินเที่ยวแรกแล้ว ต้องเอาตั๋วคืน เพราะนำมายื่นในการเช็คอินเที่ยวต่อๆ ไปด้วยค่ะ

- - - - - - - - - - - - - - - - -

มาถึงเรื่องอาหารการกินกันต่อ หลังจากเสร็จธุระวุ่นๆ . . . เป้าหมายของเราก็คือร้าน Vuông Pizza ร้านพิซซ่าเตาถ่านใจกลางเมืองดาลัท อยู่ติดกับร้านเบเกอรี่สีเหลือง สาขา ที่อยู่ใกล้ๆ โรงแรม Tulip3 ค่ะ ร้านนี้แฟนเรารีเควส โอเค.. จัดไป ร้านพิซซ่านี้ ประตูทางเข้าร้านจะอยู่ที่ชั้น 1 แต่ตัวร้านจะอยู่ที่ชั้น 3 เราก็ต้องเดินขึ้นบันไดไป. . เมนูวันนี้ที่สั่งคือ พิซซ่าหน้ามะเขือเทศ พาม่าแฮม และผักร็อกเก็ต ว้าว! ดูไลท์ๆ คลีนๆ มากๆ 555 ส่วนอีกเมนูที่สั่งคือ สปาเก็ตตี้คาโบนาล่าค่ะ . . . รอไม่นาน เมนูที่เราสั่งก็มาเสิร์ฟค่ะ คือหน้าตาน่ากินมากๆ เป็นพิซซ่าขนาด 6 ชิ้น ที่เครื่องแน่นๆ ส่วนรสชาติไม่ต้องพูดถึง อร่อยยยยยยยยยย มากๆ ดีงาม มาถึงคาโบนาล่ากันบ้าง หลังจากที่เราคลุกไข่แดงกับเส้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็มากินกัน รสชาติของเมนูนี้ . . . ปลื้มปริ่มน้ำตาไหล เพราะอร่อย กลมกล่อม เขาทำรสชาติได้กำลังดีมา รวมทั้งเส้นที่ลวกมาแบบกำลังดี ตัวซอสที่เคลือบที่เส้นสปาเก็ตตี้ เวลาที่เราเคี้ยวมันแบบนัวมากๆ เลยค่ะ เอาเป็นว่าร้านนี้เราให้ผ่านมากๆ สำหรับคนที่อยาก ได้ฟิลกินอาหารอิตาเลียนในบรรยากาศเมืองสไตล์ยุโรป เราว่า โอเคค่ะ !

- - - - - - - - - - - - - - - - -

เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน เรากลับเข้าโรงแรมอีกครั้ง เพื่อนอน !!! 5555555 เป็นการเที่ยวที่ชิลมาก ซื้อทัวร์ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ ต้องเที่ยวเองถึงจะมีเวลากลับมานอนที่โรงแรมได้ 555555 ตื่น ก็เกือบ 5 โมงเย็น . . . ดีหน่อยที่ที่เราจะได้ต่อจากนี้ มันไม่ไกลอะไรมาก เดินออกจากโรงแรมไปทางซ้ายแค่ประมาณ 30 ก้าวเท่านั้น เอ๊ย! ใกล้มากกกกก .... นั่นคือ “An Café” นั่นเองค่ะ

คาเฟ่เล็กๆ ที่ตั้งร้านอยู่ริมถนน ร้านนี้จากรีวิวคือคาเฟ่วิวดี ที่ระหว่างที่นั่งดื่มเครื่องดื่ม เราจะได้ดื่มด่ำกับวิวเมือง ถนน ผู้คน รถลา และพระอาทิตย์ใกล้ตกที่เห็นอยู่ใกล้ๆ (แต่ต้องนั่งมุมที่โต๊ะหันหน้าออกถนนนะคะ) สั่งลาเต้ กับเสาวรสโยเกิร์ตสมูทตี้มานั่งชิลชมวิวเมืองกัน อากาศเย็นๆ เครื่องดื่มดีๆ วิวสวยๆ . . . ฟินก่อนมืดก็ว่าได้

หลังจากทอดอารมณ์กับร้าน An Café ได้สักพัก ถึงเวลาหาอาหารเย็นกินกันค่ะ เนื่องจาก ยังติดใจและยังอยากกินแหนมเนืองของที่นี่อยู่ เราจึงเดินกลับไปที่โรงแรมเพื่อมาเอารถมอเตอร์ไซค์ และได้ถามรีเซปชั่นของโรงแรมว่ามีร้านแหนมเนืองที่ไหนแนะนำบ้าง (รีเซปชั่นคนละคนกับที่เราถามเมื่อวาน) ก็ได้คำตอบมาว่า ลองไปที่ร้าน Nem nướng Bà Nghĩa ดู ร้านนี้อร่อย และราคาไม่แพง ไม่รอช้า ขี่มอเตอร์ไซค์ไปกันเลยค่ะ

แต่เดี๋ยวก่อน . . . ก่อนไปกิน เราอยากขี่รถชมเมืองสักนิดเพื่อไปที่ลาน Lam Vien Square ที่มีโดมสีเขียวๆ ซึ่งสร้างเลียนแบบดอกอาร์ติโชค ที่เขาบอกว่าที่นี่เป็นแหล่งรวมวัยรุ่น เป็นย่านชิคที่วัยรุ่นเมืองดาลัท มักมาเดินเล่นกัน . . . ไปค่ะไปกัน

ที่นี่จริงๆ ก็ไม่มีอะไรมากนะคะ แต่เราว่ามันถ่ายรูปสวยดี เราไปถึงตอนประมาณเกือบๆ ทุ่ม ซึ่งมืดแล้วแหละ แต่แสงไฟจากโดมดอกอาร์ติโชคสีเขียวสวยมากเลยทีเดียว ข้างในจะมีคาเฟ่อยู่ด้วยนะ แต่เราไม่ได้เข้าไป ได้แต่เดินเล่น ดูผู้คนทำกิจกรรมต่างๆ ส่วนใหญ่จะจับกลุ่มนั่งคุย หยอกล้อกัน บางกลุ่มเต้นบีบอย บางกลุ่มก็ถ่ายรูปกัน แต่ที่รู้ๆ คือ อากาศดีมาก และจากจุดนี้ เราสามารถมองเห็นวิวของใจกลางเมืองดาลัทในยามกลางคืนได้ชัดเลย เอาเป็นว่ามาถ่ายรูป มาเดินเล่น ดีมากเลยทีเดียว เอาหล่ะๆ หิวแล้วค่ะ ไปหาอะไรกินกัน ไปกินแหนมเนืองร้านที่รีเซปชั่นโรงแรมเราแนะนำกัน . . . .

- - - - - - - - - - - - - - - - -

ร้านแหนมเนืองร้านนี้ อยู่ไม่ไกลจากที่ต้องของบริษัท The Sinh Tourist ฝั่งตรงข้าม เยื้องๆ กันหน่อย เป็นร้านที่มองๆดูแล้ว ค่อนข้างจะสะอาดสะอ้านกว่าร้านแหนมเนืองที่เราไปกินเมื่อวาน และก็เหมือนเดิม แหนมเนืองที่นี่เป็นแบบบุฟเฟ่ท์ค่ะ ราคาอยู่ที่คนละประมาณ 35,000 ดอง (49 บาท ไม่แน่ในราคาเป๊ะๆ ค่ะ แต่รู้ว่าถูกกว่าร้านเมื่อวาน) เหมือนเมื่อวานเลย แหนมเนืองถูกนำมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ มีผักมาแบบเต็มๆ มีผักดอง มีแหนม มีไอ้กรอบๆ และน้ำจิ้ม ไม่รอช้า ม้วนๆๆ แล้วเอาใส่ปากค่ะ อร่อยยยยยยย ชอบบบบบบบ แต่คือเอาจริงๆ เราว่า น้ำจิ้มของร้าน Ba Hung เมื่อวานเข้มข้นกว่า แต่ถ้าถามว่า มีโอกาสจะมากินซ้ำอีก เราขอมาร้านวันนี้ดีกว่าค่ะ เพราะรวมๆแล้ว เรื่องรสชาติ บรรยากาศร้าน อัธยาศรัยแม่ค้า ความสะอาด เราชอบที่นี่มากกว่า เอาเป็นว่า ร้านนี้เป็นอีกร้านที่ถ้าเราได้มาดาลัทอีก เรามากินที่นี่อีกแน่นอน 

- - - - - - - - - - - - - - - - -

คืนนี้ฝนไม่ตก เราว่าจะไปเดินเที่ยว Dalat Night Market อีกสักหน่อย . . . ซึ่งคืนนี้ อย่างที่ว่า เพราะฝนไม่ตก ร้านรวงเลยเยอะกว่าเมื่อวานมาก คืนนี้เราได้แต่เดินเที่ยวดูบรรยากาศเฉยๆ เพราะเอาจริงๆ เมื่อวานเราก็เดินเล่นจนทั่วแล้วหล่ะ แต่วันนี้อยากมาสัมผัสอีกฟิลนึง แบบที่ไม่เฉอะแฉะ ก็เดินเล่นเพลินๆ จนไปเจอร้านร้านหนึ่ง ร้านนี้ไม่ได้อยู่ในตลาดดาลัท แต่เดินขึ้นมาด้านบน ไม่ไกลกันมาก เป็นร้านขายหอยที่ชื่อว่า ร้านแจง (ออกเสียงแจง เพราะเราถามเจ้าของร้านแล้ว ว่าร้านชื่ออะไร ถ้าการสื่อสารไม่ผิดพลาดนะ 555) เป็นร้านขายหอยที่อยู่ข้างๆ โรงแรม Binh Nguyen ติดกันเลยแหละ ร้านนี้ สำหรับเราอร่อยนะ ราคาไม่แพงด้วยถ้าเทียบกับร้านหอยที่ต้องไปนั่งกินในตลาดกลางคืนดาลัท เราว่าร้านนี้บรรยากาศดีกว่าเยอะเลยค่ะ เราสั่งหอยต้มกะทิ หอยขาวๆ ที่เราเคยสั่งเมื่อวาน ที่บอกว่าเหมือนเป่าฮื้อ แล้วก็หอยแครงย่าง ทุกอย่างรสชาติดีหมดเลยค่ะ แต่ว่าไอ้หอยขาวๆที่บอก ร้านเมื่อวานจะทำแบบต้มมาให้ แต่ร้านนี้เขาจะเอาไปผัดกับพริกกระเทียมต้นหอม ทำให้เนื้อหอยจะดูแห้งๆ เหนียวนิดหน่อย แต่รสชาติอร่อยเลยทีเดียว หอยยังไม่จบ เพราะว่า เราสั่งมาเพิ่มอีก 1 อย่าง คือ หอยโข่งต้ม เมนูนี้ก็อร่อยดี เนื้อหอยกรึบๆ หวานๆ เด้งๆ ถือว่าร้านนี้เราให้ผ่านเรื่องความอร่อยและความสดของหอยเลยค่ะ อ้อ! ลืมบอกว่า น้ำจิ้มของที่นี่อร่อยๆ นะคะ แบบ ไม่ได้รู้สึกแปลกในรสชาติ คือ เรากินได้ และรู้สึกอร่อยเลย เอาเป็นว่า ถ้ามีเวลาลองมากินกันดูนะคะ อร่อย เราคอนเฟิร์มค่ะ . . .

เอาหล่ะการเที่ยวดาลัทวันสุดท้ายของทริปนี้ ก็คงมีแค่นี้ เพราะต้องรีบกลับไปจัดกระเป๋า พรุ่งนี้เราต้องเดินทางต่อไปที่มุยเน่แต่เช้าเลย สรุป เราแฮปปี้มากๆ กับเมืองดาลัท เมืองที่น่ารักแห่งนี้ ไม่แน่ เราอาจจะหาโอกาสกลับมาเที่ยวที่นี่อีก เพราะเราว่า ดาลัทเป็นเมืองที่เหมาะแก่การพักผ่อน เป็นเมืองสงบๆ ที่มาแล้วสบายใจ เอาเป็นว่าเอาไว้เจอกันใหม่แล้วกันนะ . . . ราตรีสวัสดิ์ สำหรับวันนี้ค่ะ พรุ่งนี้ เราจะไปตะลุยมุยเน่กัน จะเจออะไรบ้าง อยู่ติดตามกันไปเรื่อยๆ นะคะ

- - - - - - - - - - - - - - - - -

เนื้อหาโดย: sonew
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
sonew's profile


โพสท์โดย: sonew
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
สาวฝรั่งวัย 60 ช้ำใจ! โดนมิจฉาชีพปลอมตัวเป็นหนุ่มฝรั่งสุดหล่อหลอกให้รัก เสียเงินไปแล้ว 8 แสนกว่าบาท!เพจดัง โพสต์ เตือน ใครปล่อยเช่าบ้านให้นระวังงานแต่งเจมส์ & โฟม กับชุดเจ้าสาวและล็อคเก็ตสีทองที่ซ่อนความหมายพิเศษเอาไว้สะเทือนใจ! ป้าแต๊งเปิดใจกลางสื่อ กรณีถูกหาว่า 'เกาะน้องกิน' – เรื่องจริงที่คุณอาจไม่เคยรู้"สาวญี่ปุ่น วัย 38 ปี เคยป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ ระยะ 3 หนัก อีก 24 ปี ต่อมาสุขภาพแข็งแรง กินแค่ 3 อย่างนี้สุดช็อก"หนุ่มแต่งงานได้ 12 วัน เมียไม่ยอมมีอะไรด้วย สะกดรอยตามจนรู้ความจริง เข่าทรุดทันทีปูแดงบนเกาะคริสต์มาสเริ่มอพยพและวางไข่แล้วเมื่อเหมียวหนีเที่ยวแต่ดันเจอหมาเจ้าถิ่น วิ่งขึ้นไปหลบบนต้นกล้วยก่อน โถว!! ยังไม่ทันได้เที่ยวเลย 😆ทุ่มสุดตัว! นักแสดงสาวติดกล้อง 20 ตัว ส่องชีวิตลูกแฝด แม้ในห้องน้ำก็ไม่เว้นตลาดนัดมือสองรอบกรุงเทพฯ : โลกใบใหม่แห่งการซื้อสินค้าที่รอคุณไปค้นหาหินแปลกๆจากชายหาด กลายเป็นขวานมือของมนุษย์ยุคหิน อายุกว่า40,000ปีเผยสาเหตุ โนโรไวรัส แอลกฮอล์ยับยั้งไม่อยู่แล้วนะ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ทำไมน้ำแข็งชุบแกลบถึงละลายช้ากว่าปกติ?อั้ม อธิชาติไม่ทน! ถูกเกรียนคีย์บอร์ดกล่าวหานอกใจอดีตภรรยา จ่อเปิดใจสู้กลับตลาดนัดมือสองรอบกรุงเทพฯ : โลกใบใหม่แห่งการซื้อสินค้าที่รอคุณไปค้นหาสุดช็อก"หนุ่มแต่งงานได้ 12 วัน เมียไม่ยอมมีอะไรด้วย สะกดรอยตามจนรู้ความจริง เข่าทรุดทันทีสาวฝรั่งวัย 60 ช้ำใจ! โดนมิจฉาชีพปลอมตัวเป็นหนุ่มฝรั่งสุดหล่อหลอกให้รัก เสียเงินไปแล้ว 8 แสนกว่าบาท!
กระทู้อื่นๆในบอร์ด Review, HowTo, ท่องเที่ยว
"Pedra da Gávea: จุดเซลฟี่ที่อันตรายที่สุดในโลก"10 เคล็ดลับดูแลรถง่ายๆ ให้เหมือนใหม่ตลอดเวลา! งานนี้ไม่อายสาวๆแน่นอนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังจากช่วงน้ำป่าเชี่ยวกราก 15 ธันวาที่ผ่านมา 🏔️ตำบลพรหมโลก อำเภอพรหมคีรี นครศรีธรรมราช ชุมชนเล็กๆ🏔️🏡🏠สิ่งที่ควรรู้ก่อนไปเที่ยวฮ่องกง! วางแผนเที่ยวยังไงให้เที่ยวแบบฟินๆ!
ตั้งกระทู้ใหม่