หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ฟ้าลิขิตให้คนดีได้มาเจอกัน “แท็กซี่จิตอาสา” กับ “แพทย์หญิง รองผู้อำนวยการ โรงพยาบาล” นี่แหละที่เรียกว่า บุพเพสันนิวาสของจริง

โพสท์โดย NIXA

ฟ้าลิขิตให้คนดีได้มาเจอกัน “แท็กซี่จิตอาสา” กับ “แพทย์หญิง รองผู้อำนวยการ โรงพยาบาล” นี่แหละที่เรียกว่า บุพเพสันนิวาสของจริง

 

ความรัก” เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างคนสองคน เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าความรักของเราจะเกิดกับใคร อายุเท่าไหร่ หรือทำอาชีพอะไร ดั่งเรื่องราวความรักที่เรานำมาฝากเพื่อนๆ ในวันนี้ เป็นความรักของ “แท็กซี่จิตอาสา” กับ “แพทย์หญิง รองผู้อำนวยการ รพ.”

แน่นอนว่าทั้งหลายคนนั้นอาจกำลังตั้งความสงสัยว่าทำไมสองคนนี้มาพบรักกันได้อย่างไร เรามาหาคำตอบพร้อมกันเลยดีกว่า

แท็กซี่จิตอาสานั่นก็คือ “คุณสุวรรณฉัตร พรหมชาติ” บอกเลยว่าถึงแม้จะเป็นแท็กซี่จิตอาสาแต่เขาก็กลายเป็นฮีโร่ของผู้ป่วยและคนพิการและก็มีคนจำนวนมากต่างสนใจในเรื่องราวของผู้ชายคนนี้รวมถึงภรรยาคู่บุญของเขานั่นก็คือ “พญ.จำเนียร พรหมชาติ” หรือ “คุณหมอจำเนียร” นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ ด้านเวชปฏิบัติทั่วไป ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ รพ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา

โดยทุกวันเสาร์อาทิตย์ พญ.จำเนียร พรหมชาติ กับ สุวรรณฉัตร พรหมชาติ จะไม่อยู่กันที่ศูนย์ฝึกงานไม้ศิษย์เอกตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม โดยทั้งคู่จะมาช่วยกันทำโต๊ะเก้าอี้เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับโรงเรียนในท้องถิ่นทุรกันดารแบบฟรีๆ และโรงเรียนไหนที่ขาดแคลนโต๊ะเก้าอี้ก็จะนำเก้าอี้เหล่านี้ไปให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลน

โดยคุณหมอจำเนียรได้เล่าให้ฟังว่าทั้งสองคนนั้นก็อายุไม่น้อยแล้ว ผ่านการมีครอบครัวกันมาก่อนทั้งคู่ และคิดว่าอาจจะไปช่วยของจังหวะชีวิตซึ่งทั้งคู่ก็ได้ผ่านอะไรมามากมาย ความรักของทั้งคู่ก็ไม่ใช่ความรักที่หวือหวาซึ่งถ้าหากใครถามว่า

คุณหมอจำเนียรมารู้จักกับคุณสุวรรณชาติได้อย่างไรนั่นก็เป็นเพราะว่าคุณหมอจำเนียรได้เคยทำงานจิตอาสาที่เดียวกัน และติดตามคุณสุวรรณชาดอยู่ตลอดเวลาบน Facebook ที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ป่วยและผู้พิการ แล้วคุณหมอจำเนียรก็จึงหาข้อมูลว่าบุคคลคนนี้ได้เข้าช่วยเหลือสังคมจริงหรือไม่

ติดตามดูไปเรื่อยๆ แล้วก็ได้เห็นว่าเขาช่วยจริงๆ จึงทำให้คุณหมอจำเนียรอยากจะเข้าร่วมทำบุญช่วยให้เขามีกำลังใจในการทำความดีต่อไปจึงได้โทรศัพท์ไปบอกว่าเดี๋ยวจะช่วยค่าโทรศัพท์เดือนละ 500 นะซึ่งนั่นก็ไก่เป็นจุดเริ่มต้นที่ตั้ง 2 คนได้รู้จักกัน

หลังจากนั้นมาทั้งสองก็ได้มาช่วยงานบุญกันเรื่อยๆ คุณหมอจำเนียรก็คิดว่านอกจากจะช่วยค่าโทรศัพท์แล้วจะช่วยเหลืออะไรคุณสุวรรณฉัตรต่อดี แล้วก็ตั้งชุดคิดว่าตัวเองเป็นแพทย์เวลาที่เห็นเขาอุ้มผู้ป่วยที่พิการนอนติดเตียง และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจซึ่งบางทีคนไข้ก็จะไม่รู้เลยว่าสิ่งของตัวเองนั้นสามารถเช็คสิทธิ์เบี้ยพิการได้คนละ 800 บาทต่อเดือน และลูกหลานนั้นก็สามารถเอาไปลดหย่อนภาษีได้

ดังนั้นทางคุณหมอจำเนียรจึงได้เข้ามาช่วยคุณสุวรรณฉัตรคอยทำงานในเรื่องการต่อยอดทำงานให้กับผู้ป่วยโดยสร้างให้มีความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

โดยครั้งแรกที่คุณหมอจำเนียรได้เห็นคนสุพรรณชาติก็เห็นว่าเขาเป็นคนดูใจดี โดยไม่ได้สนใจนะว่าคนๆ นี้เป็นคนขับรถแท็กซี่ ไม่ได้มองที่อาชีพหรือเงินทอนมองที่การกระทำเพราะไม่ว่าสาขาอาชีพอะไรก็รู้แต่เป็นคนดีและก็มีคนไม่ดีสะสมปนกันไปอยู่ทั้งนั้น

โดยทั้งคู่ก็ใช้เวลาศึกษาดูใจกันประมาณสัก 1 ปีก่อนที่จะตกลงใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้วก็จดทะเบียนสมรสด้วยกันมาประมาณ 2-3 ปีแล้วโดยทั้งคู่ก็ช่วยเหลือกันอยู่ตลอดเวลา และทั้งคู่ก็ต่างครับใจในความดีของทั้งสองคน

“กว่าเรา 2 คนจะมาถึงวันนี้ได้ก็ต้องต่อสู่กับสายตาของผู้คนรอบข้าง สังคม หรือแม้กระทั้งคนใกล้ตัว ญาติ พี่น้อง ที่เขาไม่เห็นเห็นด้วย ซึ่งถ้าเรามั่นใจในตัวเขา เราเลือกเขา หากไปฟังจากคนนั้นคนนี้ก็คงไม่มีมาถึงวันนี้ เรามั่นใจเพราะเราศึกษาเขามาแล้วและมั่นใจว่าเขาเป็นคนที่ดูแลเราได้

และเป็นกำลังใจให้กันได้ไปจนกว่าจะแก่เฒ่าไปด้วยกัน เราไม่ต้องไปสนใจในคำพูดเขาหรือคำพูดของใคร เพราะมันจะเป็นการทำลายจิตใจเรา แต่ในมุมกลับกันมีคนที่ติดตามคุณเดี่ยวกลับชื่นชม และเป็นกำลังใจให้เรา แต่ทุกวันนี้ทุกฝ่ายยอมรับเราแล้วทั้งผู้คนรอบข้าง ญาติ พี่น้อง” พญ.จำเนียร กล่าว

การที่จะอยู่ด้วยกัน สุขหรือทุกข์เรา 2 คนคือคนที่จะรับรู้ ไม่ใช่ว่าเรามาออกสื่อแล้วรักกัน พอกลับไปบ้านแล้วทะเลาะกันมันไม่ใช่ เพราะหากเราอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข เราไม่ต้องไปบอกให้ใครเขารู้หรอก เพราะทุกวันนี้เราอยู่ด้วยกัน และมีความสุขดี

นอกจากนี้คุณหมอจำเนียรยังบอกอีกว่าสำหรับการทำจิตอาสา คุณสุวรรณฉัตรไม่ใช่จุดเริ่มต้นของการทำจิตอาสาของตนเพราะคุณหมอจำเนียรเป็นคนชอบทำงานจิตอาสาอยู่แล้วตั้งแต่สมัยตอนเรียนแพทย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เมื่อได้มากับคุณพบเจอกับคุณสุวรรณฉัตร ก็ให้ทำความรู้สึกว่าความทรงจำเก่าๆ ได้หวนกลับคืนมา นั้นเอง

“หากจะเรามองคนหรือดูคนอย่าไปมองที่อาชีพหรือหน้าตา ฐานะ หรือรายได้ ให้ดูสิ่งที่เขาทำว่าทำอะไร และให้คนอื่นเดือดร้อนหรือไม่ ทุกคนสามารถทำสิ่งดีๆ ให้กับครอบครัว สังคมได้ เราเริ่มจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก่อน เช่น ขับรถให้มีน้ำใจต่อกัน เป็นต้น

ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่น คนเป็นหมอได้เงินเป็นล้านเป็นแสนไม่ต้องไปสนใจ เพราะเราทำตรงนี้แล้วเรามีความสุข เพียงแค่ออกใบอนุญาตให้คนป่วยเพียงใบเดียวผู้ป่วยก็ดีใจมากแล้ว” พญ.จำเนียร พรหมชาติ กล่าวทิ้งท้าย

คราวนี้มาดูทางด้านของคุณสุวรรณฉัตรกันบ้างดีกว่าว่าเขาจะพูดถึง ความรักของตัวเองที่มีต่อภรรยาอย่างไรบ้าง

โดยคุณสุวรรณฉัตรได้บอกว่าก่อนที่จะมาพบกับคุณหมอจำเนียรก็มีสาวใหญ่ที่มีฐานะหลายคนต่างเข้ามาติดต่อสนใจในตัวเขาเป็นอย่างมากบางคนก็บอกว่ามีสมบัติ แต่ไม่มีคนมาสืบทอดอยากจะให้มาอยู่ด้วยพยายามเสนอนั่นนี่ และสิ่งอำนวยความสะดวกสบายให้พยายามให้คุณสุวรรณฉัตรเลิศจากการทำงานจิตอาสา และไปอยู่ด้วยกันแต่คุณสุวรรณฉัตรก็เลือกที่จะทำงานจิตอาสามากกว่าเพราะไม่สามารถทิ้งตรงนี้ได้

แต่กลับกันคุณหมอจำเนียรกับกลายเป็นเหมือนคู่บุญที่ร่วมทำบุญกับเขามาโดยตลอด ซึ่งอาจจะเป็นโชคชะตาที่ทำให้ทั้งสองนั้นอาจจะมาพบกันเนื้อเรื่องของการทำจิตอาสา ด้วยจิตใจและด้วยความช่วยเหลือก็ทำให้ทั้งสองคนได้มาอยู่ด้วยกันและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยตรงนี้เองจึงเกิดความใกล้ชิดซึ่งกันและกันและทำให้มองเห็นความดีของกันและกัน

“จิตใจของคุณหมอสูงส่งมากที่ยอมลดระดับความเป็นหมอและเสียสละลงมาคบหากับคนที่มีวุฒิแค่เพียง ป.2 และก็ขับแท็กซี่อย่างผม เนื่องจากสังคมส่วนใหญ่มักจะมองคนขับแท๊กซี่ในแง่ลบ

แต่ทั้งนี้ผมก็มองว่าคนที่จะมาอยู่กับเราได้ก็ต้องเป็นคนที่เสียสละส่วนตัวทั้งรายได้ เงิน ทอง ทุกอย่างเลย ซึ่งคุณหมอก็ยอมลดตัวลงมาเพื่อที่จะมาใช้ชีวิตกับผม ผมรู้สึกว่าคนแบบนี้หายากมา ถึงอายุเราจะต่างกัน 8-9 ปี มันก็เป็นแค่ตัวเลข แต่สำคัญ คือ ความดี”

โดยในตอนแรกคุณสุวรรณฉัตรก็บอกว่าลูกของหมอแทบจะไม่เคยเปิดใจรับตัวเขาเลยเพราะกลัวว่าตัวเขาจะไปเกาะแม่เขากิน แต่วันหนึ่งเมื่อลูกของคุณหมอรู้เรื่องราวมากขึ้นกลับกลายเป็นว่า ลูกๆ กลับมาทำงานจิตอาสาด้วย ถึงเวลาก็จะไปบริจาคเก้าอี้กับเด็กๆ ชนบทอีกด้วย

“เมื่อคุณหมอเข้ามาในชีวิตผม นอกจากจะช่วยผู้ป่วยและคนพิการทั่วไปแล้ว ยังได้ช่วยเหลือคุณพ่อผมที่มีปัญหาเรื่องดวงตามองไม่เห็นข้างหนึ่ง เนื่องจากทำงานแล้วเศษอิฐกระเด็นเข้าไป แต่เขาไม่ทราบนึกว่าตาบอดเพราะว่าอายุมากแล้ว คุณหมอจึงส่งเรื่องไปให้แพทย์ที่จังหวัดพัทลุงดูให้ ตอนนี้พ่อผมตามองเห็นแล้ว ไปไหนมาไหนได้สบาย

นี่คือสิ่งที่ทำให้เราทั้งสองใช้ชิวิตคู่กันมาอย่างมีความสุข และเราทั้งสองก้จะทำงานจิตอาสาต่อไป” สุวรรณฉัตร พรหมชาติ แท๊กซี่จิตอาสากล่าวทิ้งท้าย

โพสท์โดย: NIXA
แหล่งที่มา: netzaa.com
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
NIXA's profile


โพสท์โดย: NIXA
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
4 VOTES (4/5 จาก 1 คน)
VOTED: เก็บซิงไว้ชิงโชค
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
"กันสมาย" โพสต์สวน "วงการบันเทิงอะเนอะ!"..หลัง "ออกัส" ออกมาให้สัมภาษณ์60 แคปชั่นความสุข ภาษาอังกฤษ ความสุข คิดบวก ความหมายดี3 จุดอันตรายที่ไม่ควรเสี่ยงบีบสิว เพราะอาจจะเสี่ยงถึงขั้นสมองตายได้เลยเน่อ"ออกัส วชิรวิชญ์" เผยอีกด้านก่อนถูก "กันสมาย" แฉรีวิว Saijaku Tamer wa Gomi Hiroi no Tabi wo Hajimemashitaเจ้าของห้องช็อค!! หลังเปิดห้องที่ฝรั่งค้างค่าเช่าผู้ป่วยใกล้ตายส่วนใหญ่จะได้เห็นอะไรก่อนที่จะตายอยากให้หมาที่บ้านมาดู..จะได้รู้ "หมาที่ดี" ต้องทำอย่างไร ?
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
รีวิว Saijaku Tamer wa Gomi Hiroi no Tabi wo Hajimemashita3 จุดอันตรายที่ไม่ควรเสี่ยงบีบสิว เพราะอาจจะเสี่ยงถึงขั้นสมองตายได้เลยเน่อ"ออกัส วชิรวิชญ์" เผยอีกด้านก่อนถูก "กันสมาย" แฉ60 แคปชั่นความสุข ภาษาอังกฤษ ความสุข คิดบวก ความหมายดีผู้ป่วยใกล้ตายส่วนใหญ่จะได้เห็นอะไรก่อนที่จะตาย
กระทู้อื่นๆในบอร์ด เรื่องน่ารักๆ ซึ้งๆ
อยากให้หมาที่บ้านมาดู..จะได้รู้ "หมาที่ดี" ต้องทำอย่างไร ?เมื่อสามเณรให้พร คนละบทเดียวกันไปซื้อน้ำแข็งแต่สิ่งที่ได้มาด้วยคือเจ้าตัวนี้วันนี้ที่รอคอย! กอดทั้งน้ำตา..หนุ่มตามหาแม่แท้ๆ นานกว่า 29 ปีจนเจอ
ตั้งกระทู้ใหม่