วิธีบูชา ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ นครศรีธรรมราช
เคล็ดลับการบูชา ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ บูชาอย่างไรให้ถูกต้อง บูชาให้เฮง บูชาให้รวย
1. ห้ามตั้งรวมกับหิ้งพระ หรือพระสงฆ์ (โดยไม่จำเป็น) ควรตั้งแยก เพื่อแสดงความเคารพ ทั้งตัวท่านเองและไอ้ไข่ ที่ต้องยกพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไว้เหนือสิ่งใด และเป็นการสะดวกเวลาถวายของ
2. ควรมีผ้าแดงปูรองรูป เหรียญ องค์บูชา (รู้จากคนที่สื่อได้ ไม่ได้หลงงมงาย ผมมีปัญญาพอ แต่ไม่เล่าในที่นี้ หากต้องการรู้ ติดต่อส่วนตัว)
3. ของถวายควรมีพาน หรือถาดรองรับ ไม่ควรวางกับพื้นหิ้ง และภาชนะ เช่น แก้ว, ถ้วย ฯลฯ ควรแยกกับของใช้ทั่วไป ไม่ใช้รวมกับของคนในบ้าน (บ้านผมจะแยกแม้แต่สก๊อตไบร์ท ล้างจาน ของคนในบ้าน ของพระ ของสิ่งศักดิ์ เป็นต้น)
4. ควรรักษาความสะอาดของหิ้ง ให้สะอาดอยู่เสมอ
5. ทิศที่ควรหันหน้าไป คือ ทิศตะวันออก และทิศเหนือ หากทิศนั้นหันตรงห้องน้ำ ห้องครัว ก็ไม่เหมาะ หากเลี่ยงไม่ได้ แก้โดยหาตู้มาตั้ง เหมือนการแก้ฮวงจุ้ยแหล่ะครับ
6. ของถวาย.. ถวายเป็นจำพวกขนม ผลไม้ นม น้ำ น้ำแดง ชุดทหาร ของเล่น หรือของที่เด็กชอบ จะถวายโดยการกำหนดวันก็ได้ เช่น วันพระ วันเสาร์ เป็นต้น หรือตามสะดวกก็ได้ หรืออาจถวายโดยยึดหลักการถวายเจ้าที่ ก็ได้ เช่น ต้องการสุขภาพ ก็วันพระ หากต้องการลาภ ก็วันเกิดของตัวเอง (ส่วนน้ำเปล่าเต็มแก้ว ผมพยายามถวายทุกวัน ทั้งพระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์)
7. ท่านรักษาสัจจะ ดังนั้น ท่านต้องพยายามรักษาสัจจะ การบนก็ต้องระวังคำพูด หรือให้ cover ดีๆ เช่น ขอให้ลูกรวย แล้วจะถวายโน่นนี่ เราได้เงินมาหนึ่งล้าน แต่เรายังไม่ถวาย เพราะรวยของเราคือ 10 ล้าน แบบนี้ไม่ได้ เพราะรวยของสิ่งศักดิ์สิทธิ์กับของเราแตกต่างกัน ดังนั้น อาจใช้การบนตรงๆ ไป เช่น ขอให้ลูกรวย มีเงินในบัญชี 1 ล้านขึ้น แล้วจะถวาย เป็นต้น คือ ต้องชัดเจน
8. ไม่ควรเรียกว่า กุมารทอง กุมารเทพ หรือทำนองกุมาร เพราะ ผมรู้จากประสบการณ์ 2 ครั้ง ว่า เป็นเทพ และอีกอย่างกุมารก็ช่วยได้เฉพาะเจ้าของ หรือกำลังน้อย แต่ท่านช่วยทุก ๆ คนที่ศรัทธา ท่านสร้างบารมีเยอะ กุมารทอง ทำแบบนี้ไม่ได้ บางคนคิดว่าท่านเป็นเด็กเป็นเทพ แล้วเรียกว่า กุมารเทพ ก็ไม่ถูกครับ
ลูก ๆ กุมารผม ทั้ง 3 ตน ตอนผมกลับมาจากคำชะโนด ไปบูชาปู่ศรีสุทโธ ทราบว่า ได้ออกมานั่งนอกบ้าน เพราะแพ้บารมีปู่ เพราะปู่มาส่งและแผ่บารมีคุ้มคริงบ้านไว้ จึงต้องขออนุญาตปู่ แต่ไอ้ไข่ท่านเป็นเทพเหมือนกัน ท่านก็อยู่ได้ตามปกติ นี่ก็เป็นประสบการณ์อีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่เหมือนกับครั้งแรก ดังนั้น ไม่ควรเรียกกุมารทอง หรือลูกกุมาร
ไอ้ไข่เป็นภาษาสมัยก่อน ไม่ว่าจะเรียกว่า ไอ้ไข่ ตาไข่ บ่าวไข่ หรืออะไรก็ตาม ต้องเรียกด้วยความนอบน้อม
ที่จริงตรงนี้ ไอ้ไข่ เป็นเทพเหมือนกัน หากไม่บอกกล่าวก็สามารถทำได้ครับ แต่โดยส่วนตัว ผมบอกกล่าวครับ ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับบารมีว่าใครสูงกว่าใครครับ แต่เหมือนกับเป็นการบอกกล่าวเจ้าของบ้านครับ
การลาของถวาย... ว่า นะโม 3 จบ แล้วตามด้วย "เสสัง มังคะลัง ยาจามิ" สามารถทานได้ เพื่อความเป็นสิริมงคล
แต่ถ้าเป็นของแก้บนโบราณเขาจะถือ ห้ามทาน เพราะเชื่อว่าจะไม่ขาดเหมย หรือ แก้เหลย (ภาษาใต้) หรือขาดบนกันครับ
การบน จุดธูป 1 ดอก หรืออธิษฐานจิตก็ได้ แต่จดและจำดี ๆ นะครับ แต่แม่ผมบอกว่า หากให้สำเร็จยิ่งขึ้น ก็ให้จุดธูป 9 ดอกเลย
การบูชาขอพรหรือบนไอ้ไข่
เรื่องที่สำคัญที่สุด ก็คือ "พลังจิต" เพราะพลังจิตที่กล้าแกร่งมีสมาธิเป็นหนึ่งเดียวนั่นคือ แรงส่งมหาศาล ที่จะนำแรงสัจจะอธิษฐานในการบูชาให้ได้ผลตามที่มุ่งหวัง ซึ่งขอให้เข้าใจเสียก่อนว่า พลังจิตที่เราใช้เป็นแรงส่งหรือเชื่อมกับไอ้ไข่ เป็นเพียงพลังส่งการไปขอพร ขออำนาจบุญบารมีจากไอ้ไข่การไปขอ ไม่ใช่เป็นการไปบังคับ ซึ่งเราไม่มีอำนาจอะไรไปบังคับท่านได้ว่าท่านจะต้องช่วยหรือไม่ช่วย และรับรองได้ว่าคนที่กำลังเกิดทุกข์นั้น ไม่มีพลังจิตพอด้วย เพียงไปขอความเมตตาจากท่านเท่านั้นพลังจิตเป็นพลังธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่และในตัวเราทุกคนนั้นมี จะมีมากหรือน้อยจะเชื่อมต่อกับท่านได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับฐานกำลังจิตเดิมที่มาจากกรรมดี ที่เคยทำมาหรือมีกรรมร่วมกันมา การขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดลบันดาลให้ประสบความสำเร็จนั้น ต้องขออย่างมีสติในเวลาที่เรากำลังขอพรอยู่นั้น เราต้องรวมจิตให้มีพลังเพื่อเชื่อมบุญต่อกับท่านเหล่านั้น แต่ความสำเร็จที่เราปรารถนานั้น เราต้องรู้ว่าที่ขอนั้นบุญหรือบาป ผิดต่อศีลธรรมไหม ถ้าบาปก็งดไม่ต้องขอ ถ้าดีก็ทำยิ่งๆ ขึ้นไป เวลาขอพรเราต้องศรัทธา กราบสักการะด้วยความปิติยินดี จึงจะมีความสุข เมื่อมีความสุข ความสำเร็จจะอยู่ที่เรา เราต้องปฏิบัติดี ทำดี อยู่ในศีลธรรม แล้วความสุขและสิ่งที่เราปรารถนาจะอยู่กับเราแน่นอน
การแก้บน จุดธูป 1 ดอก
บอกว่า สิ่งนั้น... สิ่งนี้... ได้สำเร็จสมปราถนาแล้วจึงมาแก้บนให้ ไอ้ไข่ ไอ้ไข่ จงรับเอาของแก้บนเหล่านี้ไปด้วย เอ๋ยชื่อของที่ให้... เช่น น้ำแดง, ขนมเปี๊ยะ, ไก่, ช้าง, รถ, เครื่องบินบังคับ (ต่อด้วย) ขอให้คำพูดหรือสิ่งรับปากไว้ได้หมดจากกัน ไม่เป็นพันธสัญญากัน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป... (ภาษาใต้ : แก้บนให้แล้ว อย่าได้เป็นเหมยปาก อย่าได้เป็นเหมยคอ ให้หลุดพ้นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป)
**หากไม่จำเป็น ก็ไม่ควรแก้บนในวันพระ เพราะในวันพระนั้นจะเป็นวันที่เทพทั้งหลายบำเบ็ญศีล**
ถ้าสิ่งที่บนบานสำเร็จแล้วก็จะแก้บนที่บ้านเลย แต่ก็ไม่ได้จุดธูปเช่นกัน เพียงแต่ตั้งจิตให้นิ่งแล้วบอกกล่าว เช่น ถ้าบนประทัดชุดเล็กก็จุดให้เลย แต่ถ้าเป็นประทัดชุดใหญ่จะไปจุดให้ที่วัด หรือขึ้นอยู่กับท่านว่า ตอนบนนั้น ท่านบอกกล่าวเช่นไร
การแก้บนมีอยู่ 2 แนวทาง คือ
1. แนวทางตามโบราณคติ คือ จะไม่แก้บนในวันพระ วันที่จะแก้บนจะเป็นวันอังคาร กับ วันเสาร์ เพราะถือเป็นวันแรง เหมาะกับการแก้บน
2. แนวทางตามสมัยนิยม คือ เอาวันสะดวก ไม่ยึดติดกับวันไหน แก้บนตามวันที่ตัวเองเห็นว่าสะดวก ด้วยสมัยนี้ภาระหน้าที่ เวลา มันไม่ค่อยจะเอื้ออำนวย หากยึดตามหลักของคนในสมัยก่อน
** ก็ลองพิจารณาด้วยเหตุ ด้วยผล ของตัวเองแล้วกันนะครับ ว่าจะเชื่อแนวทางไหน **
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ทำแล้วเราสบายใจ หรือ ทุกข์ใจ อันนี้สำคัญกว่าครับ
ข้อมูลการแก้บน 2 แนวทาง : อ๊อด ตามพรลิงค์
หากได้เห็นบทความนี้แล้ว
โปรดส่งต่อ-แชร์บทความนี้เพื่อเป็นธรรมทาน
และขอผลบุญส่งให้ท่านสมประสงค์
ดั่งใจปรารถนา