เที่ยว "เกาะช้าง" (เลี้ยวซ้าย) ไฉไลแน่นอน
เกาะช้างเลี้ยวซ้าย
จ.ตราด
#WhereWeGo
ฮู้ลา ฮู้ล่า... วันนี้จะพาไปเกาะช้าง (เลี้ยวซ้าย) 8 - 9 เมษายน 2560
ขอเริ่มต้นการเดินทางที่ท่าเรือเฟอร์รี่ ข้ามเกาะ ซึ่งทริปนี้ เราเลือกขึ้น ที่ ท่าเรือเฟอร์รี่เซ็นเตอร์พอย ตั้งอยู่ที่ อ.แหลมงอบ จ.ตราด
ราคาค่าโดยสาร อยู่ที่ คนละ 150 บาท ใช้เวลารอไม่นานมาก พอได้พักเข้าห้องน้ำก่อนเตรียมขึ้นเรือ
เรือเฟอร์รี่ข้ามไปเกาะช้าง สามารถนำรถส่วนตัวลงไปได้ค่ะ พอจอดรถบนเรือเสร็จ ก็เดินสวยๆ ขึ้นไปจองที่นั่งด้านบนเรือ
นั่งตากลม ชมทิวทัศน์ กันไปเพลินๆ ได้เลย หรือใครอยากอยู่แบบส่วนตัว ก็นั่งบนรถ ติดเครื่องไว้ก็ได้ค่ะ
ใช้เวลานั่งเฟอร์รี่ข้าวฟากประมาณ 30-45 นาที หันไปอีกที เกาะช้าง ก็ประจันหน้ากันแล้ว
ได้เวลาลงไปที่รถ เตรียมออกเดินทางกันต่อ การนำรถออกจากเรือ จะมีเจ้าหน้าที่เรือคอยบอกคิวว่า จะให้แถวไหนไปก่อน
ฉะนั้น ดูสัญญาณจากเจ้าหน้าที่ด้วยนะคะ จะได้ไม่เบียดกัน
พอรถของพวกเราขึ้นมาจากเรือแล้ว ก็ถึงเวลา เดินทาง Hello “เกาะช้าง” กันแล้วค่ะ
ที่มาของ “เกาะช้างเลี้ยวซ้าย” ก็คือ เมื่อขับรถขึ้นมาจากท่าเรือ จะมีทางให้เลือกเดินทางอยู่ 2 ทาง คือ เลี้ยวซ้าย กับ เลี้ยวขวา
เลี้ยวขวา : โรงแรม รีสอร์ท Seven ร้านอาหาร นักท่องเที่ยว ความคึกคัก แสงสี หาดทราย
เลี้ยวซ้าย : ธรรมชาติ สวนผลไม้ สวนยาง บ้านเรือน โฮมสเตย์ ภูเขา วิถีชีวิตพื้นบ้าน
ชอบแบบไหน ก็เลี้ยวตามนั้น แล้วก็มุ่งหน้าโลดดดด
แต่! สำหรับทริปนี้ เราเลือก “เลี้ยวซ้าย” ค่ะ
ขับรถมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ ถนนหนทางดี๊ดี แต่ก็ต้องระวัง เพราะเป็นทาง 2 เลน ส่วนใหญ่เป็นทางโค้งสลับเนิน
สองข้างทาง ก็เป็นสวนผลไม้ ทุเรียน มังคุด สลับกับสวนยางพารา บรรยากาศร่มรื่นมาก
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20-30 นาที ก็มาถึงที่พักค่ะ ที่พักแบบโฮมสเตย์ บ้านๆ แต่บรรยากาศอบอุ่นน่าดู “โฮมสเตย์ บ้านแม่สมบุญ”
ทานอาหารเช้าที่โฮมสเตย์เตรียมให้ จากนั้นคุยรายละเอียดกันเรียบร้อย คือจะออกเดินทางนั่งเรือ เพื่อไปดำน้ำ ตามเกาะเล็ก เกาะน้อย ประมาณ 10 โมง
พอถึงเวลา รถสองแถวของโฮมสเตย์ ก็พาคณะเราเดินทางไปที่ท่าเทียบเรือสลักเพชร
จากนั้นขึ้นเรือต่อไปยังจุดดำน้ำ นั่นก็คือ “หมู่เกาะรัง” ที่เขาว่ากันว่า ปะการังน้ำตื้น น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก อิอิ
ใช้เวลาอยู่บนเรือประมาณชั่วโมงกว่าๆ เห็นจะได้ (คนเมาเรือไม่ต้องกลัว พี่ๆบนเรือ แจกยาแก้เมาให้ก่อนออกเดินทางค่ะ และอย่าลืมใส่ชูชีพด้วยนะคะ)
ทัศนียภาพตลอดการเดินทางแหล่มสุดๆ ฟ้าเป็นฟ้า น้ำเป็นน้ำ เข้าใจที่มาของคำว่า สีเขียวน้ำทะเล เลยว่ามันคือสีแบบไหน
ความสวยงามที่บอก นั่งเรือจนลืมความนาน ไปเลยค่ะ
และแล้วเราก็มาถึงที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กช.5 (เกาะรัง) เนื่องจากว่าเป็นพื้นที่ของอุทยานฯ ฉะนั้นจะต้องเสียค่าเข้าอุทยานอีกคนละ 40 บาท
เคลียเรื่องเงินเรียบร้อยก็ถึงเวลาวอร์มเครื่อง คว้าสน็อกเกิล ล้างกระจก ใส่ให้พอดี แล้วก็โดดตุ๋ม ลงน้ำเลย
บริเวณนี้ถึงแม้ว่าจะอยู่ใกล้หาด แต่น้ำก็ใสมาก ด้านล่างเม่นทะเลจะเยอะหน่อย ดังนั้น พยายามใช้วิธีลอยตัวบนผิวน้ำ จะปลอดภัยสุด
บางคนเลือก เดินทางจากเรือไปฝั่งโดยการว่ายน้ำไป แต่บางคนเลือกลงจากเรือแล้วเดินบนสะพานเพื่อไปฝั่ง แล้วค่อยว่ายน้ำกลับมาเรือ
จะใช้วิธีไหนก็ได้ค่ะ แต่สำคัญอยู่ที่ว่า คุณต้องเอารองเท้า ติดไปด้วย ทำไมอ่ะเหรอ? ก็เพราะว่า สะพานที่ลอยน้ำ มัน โคตะระ ร้อน ตรีนนน มากค่ะ
เราลองมาแล้ว แสบร้อนนน จนต้องโดดน้ำ!!! ฮ่าๆๆ ดังนั้น อย่าลืมรองเท้าค่ะ
ใช้เวลาอยู่ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กช.5 (เกาะรัง) ประมาณ 15 นาที รับประทานข้าวกลางวันบนเรือกันเรียบร้อย ก็ออกเดินทาง ไปจุดดำน้ำ จุดต่อไปที่เกาะ??? น่าตีนัก ดันลืมชื่อ แต่เป็นเกาะบริวารของเกาะรังค่ะ จุดนี้ สวยมาก ปะการัง และฝูงปลามากมาย อยู่รายล้อมรอบตัวไปหมด
ยังไม่พอ ! มุ่งหน้าต่อ ไปที่ หาดศาลเจ้าแม่ เกาะมะปริง กับหาดทรายขาวๆ น้ำทะเลใสๆ สบายใจสุดๆ
ยัง ! ยังไม่พออีก เพราะคณะเราไปปิดทริปดำน้ำ กับต่อที่ เกาะยักษ์ ค่ะ บริเวณตรงนี้น้ำจะลึกกว่า บริเวณอื่นๆ ก่อนหน้า
กระแสน้ำค่อนข้างแรง แต่พี่ๆ บนเรือ จะโยงเชือกไว้ให้เราจับเวลาอยู่ในน้ำ ดังนั้นเชื่อฟังพี่ๆ เขาด้วยนะคะ ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จะได้ไม่อันตราย
ใต้น้ำบริเวณนี้ ปลาเยอะมาก เป็นฝูงขนาดใหญ่ ว่ายเกาะกลุ่มกัน ไม่ต่ำกว่า 300 – 500 ตัว เจ้าพวกนี้คือปลาข้างเหลืองค่ะ ตัวไม่ใหญ่มาก แต่เยอะมาก น่าตื่นตาตื่นใจมากๆ เลยค่ะ
ปิดทริปดำน้ำหมู่เกาะรังอย่างสวยงาม มุ่งหน้ากลับที่พัก ใช้เวลาอีกประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ
ถึงที่พักก็อาบน้ำ พักผ่อนตามอัธยาศรัย ก่อนเตรียมตัวสู้ศึก อาหารทะเลช่วงเย็น แบบเน้นๆ สดๆ เยอะๆ อิ่มจนต้องร้องขอชีวิต ฮ่าๆๆๆ
จากนั้นแยกย้ายเข้าที่พัก หลับสนิท ยันเช้า ตื่นมากินข้าวต้องปลากุ้งร้อนๆ แล้วก็เดินทางกลับ แฮปปี้ ดี๊ด๊า
และนี่ก็คือ “เกาะช้างเลี้ยวซ้าย” ที่อยากให้ได้มาสัมผัสกันค่ะ
Tip :
1.ไม่ควรลงเล่นน้ำ ในขณะที่อิ่มมากๆ ควรรอให้อาหารย่อยสักหน่อยก่อน จะได้ไม่อันตราย(ถึงชีวิต) พี่ๆบนเรือบอกมา
2.อย่าลืมใส่รองเท้า เดินบนสะพานที่จะข้ามไปชายหาดที่ตั้งหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กช.5 (เกาะรัง) นะคะ มันร้อนมาก!!
3.บนเรือมีบริการน้ำดื่ม แตงโม และข้าวกลางวัน โดยน้องๆ บนเรือค่ะ
4.ขากลับ ถ้าเป็นไปได้ ให้ถึงท่าเรือก่อน 10 โมงคิวจะไม่ยาวค่ะ
5.สนุกให้เต็มที่ สูดลมทะเลให้เต็มปอด
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ