วันที่ความพยายามอยู่ที่ไหน แต่ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่นั่น
ประโยคที่ติดหู ติดตา ตรึงใจ และฝังหัวมาตลอดประโยคหนึ่งของฉัน และของใครอีกหลายๆคน คงไม่พ้นประโยคที่ว่า ....ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
เจอประโยคทีไร เหมือนมีคนเอาโฆษณาน้ำอัดลมที่ดื่มแล้วร้อง 'ฮ้าาาาาาา!!!' พร้อมทำหน้าสดชื่นเหมือนเกิดใหม่เพื่อลุยกับงานตรงหน้ามาให้ดูไม่มีผิด จะผิดก็ตรงที่สำหรับฉัน ดูเหมือนมันจะใช้ไม่ได้ผลทุกครั้งไปน่ะสิ
เคยติดใจอยู่เหมือนกันว่า ทำไมนะ ทำไม ในเมื่อเราพยายามมากขนาดนี้ มากชนิดที่ว่าทุ่มจนสุดตัวไม่กลัวตัวตาย กลับไม่เห็นผลสำเร็จใดๆคืนกลับมาแบบที่คิดไว้เลย และแน่นอน คำตอบของคำถามเหล่านี้ก็มักจะมาตกตะกอนความคิดได้จริงๆตอนที่ถอดใจและร้องไห้ฟูมฟายให้กับความขี้แพ้ของตัวเองไปเสียแล้ว
อาจเป็นเพราะตัวเราเองที่เกิดมาพร้อมความรู้สึกของการกลัวความผิดพลาดมาโดยตลอด จึงต้องลงมือทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ พยายามให้ได้ดีที่สุด คำว่าความพยายามของฉันมันเลยค่อนข้างชัดเจนว่าดูหวังผลเกินควรไปหน่อย หลังการตกตะกอนจากความผิดพลาดมานับไม่ถ้วนเลยสรุปรวบรัดได้ว่า นิยามความพยายามของฉัน คือ ความพยายามนั้นเป็นการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จลุล่วงตามความตั้งใจของเรา 'บนความคาดหวังที่เพิ่มมากขึ้นตามน้ำหนักของความพยายาม'
ใช่แล้วล่ะ ชีวิตของฉันส่วนหนึ่งแขวนไว้บนคำว่า ความคาดหวัง หวังที่จะทำให้สำเร็จ หวังเพราะรู้ว่าผลที่จะตามมาคืออะไร หวังโดยไม่เคยสนใจว่าหากล้มและตกลงมาจะเจ็บจนตายเลยหรือเปล่า ทั้งหมดก็แค่เพียงเพราะความคาดหวังและความมั่นหน้าของฉันเพียงคนเดียว
ไม่ค่อยตลกนักหรอก กับประสบการณ์ความผิดพลาดที่ผ่านมา จริงๆก็ไม่ตลกเลยล่ะสำหรับตอนนั้น แต่ในเมื่อขึ้นชื่อว่า ความเสียใจ ก็มักจะมีคำว่า เสียสติตามมาด้วยเสมอ เสียสติแบบสติจริงๆ สติที่ควรตระหนักได้ตั้งแต่ตอนเสียใจแล้วด้วยซ้ำ โชคดีที่มีคนคอยตบให้เข้าที่เข้าทาง และส่งกำลังใจมาให้เรื่อยๆไม่ขาดสาย แต่จุดพลิกผันจริงๆของคำว่าสติของฉันนั้นผ่านมาแล้วเกือบสิบปี คงต้องขอบคุณคนที่สร้างตะกอนความคิดครั้งสำคัญให้กับฉันในวันนั้น
ยังจำได้ดีว่าคนที่พูดกับฉันในวันนั้น เป็นคนที่เป็นมิตรมากๆ โลกสดใสมากๆ และมีสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยกำลังใจขั้นสุด มองแล้วยังเผลอแอบคิดว่า นี่ถ้าบนหน้ามีตัวอักษรตัวใหญ่ๆคงเป็นคำว่า 'ต้องทำได้ดิวะ!' แปะอยู่บนหน้าผาก
ฉันเคยแอบถามในใจว่า ทำไมเค้าถึงได้ดูเป็นคนสู้โลกขนาดนี้ คงจะมีแค่สองอย่างที่พอเป็นไปได้ คือ 1. เขาไม่เคยผิดพลาดแบบร้ายแรงเลย จนทุกสิ่งบนโลกใบนี้ ดูชิวไปหมดสำหรับเขา ดังนั้นใครๆก็คงทำได้เช่นกัน กับ 2. เขาผิดพลาดมามากพอๆกับฉันหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ มากจนเรียนรู้ว่า ความคาดหวังควรมีระดับของมัน ระดับที่ควรคาดหวังให้พอดีกับขนาดตัวและกำลังของเรา พูดง่ายๆก็คือ ให้รู้จักคาดหวังให้น้อย แต่ลงมือทำให้มาก ...
เพราะทุกความพยายามอาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จ แต่ทุกความสำเร็จต้องใช้ความพยายาม
สำหรับคำตอบนั้นคงต้องลองอ่านประโยคนี้ดูก่อน ประโยคที่เขาพูดกับฉันในวันที่ล้มไม่เป็นท่า เป็นประโยคเดียวที่ได้ยินจากคนๆนี้ พร้อมกับรอยยิ้มที่บอกให้ฉันสู้ ฉันว่าคุณก็คงจะรู้คำตอบไม่ต่างกับที่ฉ้นรู้นักหรอก ...
ฟังแล้วอย่างกับใครเอามีดมาแทงใจ เออเนอะ ก็ไม่เคยมีใครบอกนี่ ว่าความพยายามที่อยู่ที่ไหนแล้วความสำเร็จจะอยู่ที่นั่นน่ะ ต้องใช้ความพยายามทั้งหมดกี่ครั้ง แล้วที่เราพยายามทำลงไปเนี่ยเพียงพอแล้วจริงๆหรอ แล้วที่ว่าสำเร็จน่ะเราตั้งค่าความสำเร็จไว้สูงแค่ไหน แล้วสิ่งที่ได้กลับมาไม่มีบ้างเลยจริงๆหรือ เรียกได้ว่าคำถามล้านแปดปะทะหน้าดังป้าบๆๆๆ และดึงสติฉันกลับมาได้แทบจะทันทีในตอนนั้นก็ว่าได้
คงไม่ผิดหรอกสำหรับที่ผ่านมา เพราะถ้าฉันไม่เคยผ่่านจุดที่เคยเสียใจมาก่อน ฉันก็คงไม่สามารถปรับตัวปรับใจตั้งรับกับการล้มในครั้งต่อๆไปได้ดีขนาดนี้ ประสบการณ์ต่างๆที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่า ในวันที่เราพยายามแล้วแต่ไม่สำเร็จ ก็ไม่จำเป็นเสมอไปหรอก ที่เราจะต้องเสียใจและมัวแต่คิดว่าไม่ได้อะไรตอบแทนจากความพยายามของเรากลับมาเลย แต่ให้คิดให้ละเอียดขึ้นอีกนิดว่า เราไม่ได้อะไรเลยจริงๆหรอ สำหรับตลอดการเดินทางที่จะไปสู่จุดหมายปลายทางนั้น เราได้ลองเก็บเกี่ยวสิ่งดีๆตลอดทางที่ผ่านมาแล้วหรือยัง แล้วเราจะทิ้งฝันของเราไว้กลางคันแบบนี้จริงๆหรอ ในเมื่อจุดเริ่มต้นของเรามาจากสิ่งที่ทำให้เราเลือกที่จะพยายามทำมันมาตลอด ซึ่งถ้ามันสำคัญกับเรามากขนาดนั้น จะล้มเลิกไปง่ายๆเพราะพังลำพังแค่นี้จริงๆ...หรือจะลุกขึ้นสู้แล้วทำให้ชีวิตมีความหมายในตัวของมันเองกันดีล่ะ
ท้ายที่สุดแล้วก็คงจะสุดแท้แต่ใจของเรา ว่าเราจะเลือกเดินไปบนเส้นทางแบบไหนในหมากกระดานชีวิตครั้งนี้ ก็ขอให้เธอเลือกทางที่ถูกและยิ้มรับความสำเร็จที่จะมาถึงแล้วกัน :)
ยินดีด้วยนะ
'เพราะทุกความสำเร็จต้องใช้ความพยายาม'
...ดั่งต้นไม้ถูกลิดเพื่อผลิใบ
ดั่งชีวิตที่พ่ายแพ้เพื่อเริ่มใหม่
คนที่ไม่เคยเจ็บ คือคนที่ไม่เคยทำสิ่งไหน
บอกใจเอาไว้เมื่อต้องเผชิญ...
: พี่โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ ได้กล่าวไว้ในเพลง 'สักวันแล้วมันจะผ่านไป'