บางทีความรักก็ ทำให้เราเข้มแข็งมากกว่าตาบอด
วันนี้ในขณะที่ฉันเดินทางไปทำงาน เวลาประมาณ 07.56 ฉันเดินเข้าออฟฟิตไปด้วยท่าทางที่ง่วงจัดตามภาษาคนนอนดึก ในระหว่างที่ฉันเดินเอากระเป๋าเข้าไปวางที่โต๊ะทำงาน ฉันก็คุยกับพี่ที่ทำงานเรื่องฝากงานให้แฟนของพี่ซึ่งตอนนี้กำลังตกงาน ยังไม่ทันที่จะพูดจบ พี่เขาก็บอกว่าแฟนพี่คงไม่ได้ไปทำแล้ว และเล่าต่อว่าแฟนเค้ากลับบ้านไปแล้วและไม่ติดต่อมาเลย พอแฟนพี่เขาถึงบ้านก็ไปเที่ยว(แม่พี่เขาบอก)โทรไปติดแต่ไม่รับพอโทรไปอีกรอบปิดเครื่อง พี่ก็เลยเลยเข้าใจสถานการณ์แล้วว่า เราคงจะโดนทิ้งแน่ๆ ก็เลยบอกให้น้องมาเอาของไปให้แฟนเขา ทำให้ตอนนี้ความสัมผันที่มีอยู่ยังคงค้างคา (รายละเอียดเบื้องลึกไม่ขอเล่า) จะบอกแค่ย่อๆ ว่า แฟนพี่เขาตกงานแล้ว อายุ 30 ปี พี่เขาก็พยายามหางานให้แฟนถึงขั้นไปของาน เพราะพี่เขาเป็นผู้หญิงทำงานคนเดียวเลยไม่ไหว แค่อยากให้ผู้ชายมีความรับผิดชอบบ้างในฐานะครอบครัว และสุดท้ายความรักหรือความสัมผันที่ว่ายาวนานยังแพ้จิตใจของมนุษย์ที่มีอยู่ พี่เขาเลยตัดสิ้นใจที่จะอยู่คนเดียว แม้บ้างที่อาจจะเหงาบ้างแต่พี่เขาก็ต้องมำจิตใจให้ชิน ตอนพี่แกเล่ามาพี่แกไม่แม้แต่จะน้ำตาคลอ ไม่แม้แต่จะแสดงความรู้สึกเสียใจต่อหน้าใคร เราว่าพี่เขาเป้นคนเข้มแข็งมากเลยนะ ถ้าเป้นเราเราคงดิ้นเหมือนไส้เดือนแน่ๆ แต่พอมาวันนี้เลยมองกลับมาที่ตัวเองว่า เฮ้ออตอนนี้เรามีคนที่เรารักอยู่ก็อยากจะพูดในสิ่งที่ไม่เคยพูด ตัดสินใจกดเข้าไปในไลน์ แล้วพิมพ์บอกคนที่เรารักว่า
"ตัวเองเขารักเองนะ"
และก็พูดดักคอว่า ไม่ต้องว่ามาอารมณ์ไหนรู้แค่ว่า อยากบอก เมื่อมีโอกาศก็อยากจะบอก พอไม่มีโอกาศต่อให้ตะโกนลั่นฟ้าก็คงไม่ได้ยิน
และสุดท้ายไม่รู้ความรักทำให้คนตาบอด หรือความรักทำให้คนเข้มแข็งขึ้น แต่สำหรับฉัน ฉันว่าความรักทำให้คนเข้มแข็งขึ้นนะ เว้นเสียแต่ว่าคนๆ นั้นยอมตาบอดเพราะความรัด เท่านั่นเอง
หวังว่าเมื่อทุกคนอ่านบทความนี้แล้วจะมีความเข้มแข็งเหมือนพี่เขานะ อย่าให้ความรักมาทำให้เราตาบอด อย่าให้ความรักครอบงำจนลืมมองว่าฉันก็มีคนรอบข้าง มีครอบครัว มีคนสำคัญที่อยู่ตรงหน้า
ลอยกะทงผ่านไปแล้ว ปีใหม่กำลังมา ขอให้ใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็งนะคะ