มนุษย์ลืม
(1)
อาการ "ลืม" กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของผมไปเสียแล้ว ด้วยความคิดที่วกวนผนวกกับความอลวนของผู้คนที่ดาหน้าเข้ามาตั้งคำถามใส่กันอย่างไม่รู้เวล่ำเวลา จนทำให้บางครั้งการลำดับเหตุการณ์หรือสิ่งที่จะต้องทำเอาไว้ในหัวสมองค่อยๆถูกลบเลือนไป
ดูๆไปก็เหมือนว่าสิ่งรบกวนเหล่านี้ จะผลักไสให้ความจำจมลงไปอยู่ใต้ก้นบึ้ง จนสุดท้ายเมื่อมีผู้คนมาถามไถ่ถึงคำถามที่เขาได้ฝากเอาไว้ ก็ทำให้เรารีบตาหูตื่นตะเกียกตะกายไปหาคำตอบมาให้ได้ โดยไม่นึกถึงพละกำลังและสภาพความอิดโรยของตัวเองเสียเลย
แม้ภาระหน้าที่ประจำวันของผม จะไม่ใช่การมานั่งรับฟังคำปรึกษาหรือหาคำตอบให้กับใครๆ ทว่าไม่แคล้วเมื่อปัญหาซ้ำๆซากๆมันกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง ปัญหาเหล่านั้นก็มักจะวิ่งตรงไปหาคนที่สามารถแก้ไขมันได้อยู่เสมอ บางทีก็แอบคิดไปว่า นี่เรากลายเป็นตัวล่อเป้าให้กับปัญหาเดิมๆหรือปล่าว หรือว่าที่มันเกิดซ้ำๆซากๆเพราะเรายังไม่ค้นพบคำตอบที่ดีที่สุดจริงๆ
บางปัญหาไม่ได้ต้องการแค่คำตอบแบบงูๆปลาๆเพื่อแก้ให้ผ่านๆไป นั่นจึงเป็นสาเหตุให้บางครั้งการลำดับความคิดของผมถูกทำให้ตีบตันไปด้วยเรื่องราวอันพัลวันมากมาย ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วผมจะหาวิธีกลั่นกรองคำตอบที่ดีที่สุดออกมาได้ แต่พอมีเวลาว่างๆกลับมานั่งคิดถึงมันอีกครั้ง ก็เริ่มรู้สึกว่าเราอาจจะพลาดเหตุการณ์อะไรบางอย่างในเวลานั้น เมื่อเราได้จ่มจ่ออยู่กับปัญหาของคนอื่นๆ แล้วลืมนึกถึงปัญหาที่ค้างคาของตัวเอง
(2)
"ลืมไม่ลง" อาการลืมอีกประเภทที่ผมยังไม่หายขาด อาการนี้มักจะแสดงผลเมื่อกลับไปเห็นสิ่งเร้าที่เข้ามากระทบกระเทือนจิตใจ บางครั้งมันก็แอบเข้ามาในรูปแบบของความทรงจำเก่าๆ หรือไม่บางทีมันก็เคาะประตูเข้ามาเจอกันซึ่งๆหน้าจนทำให้เราพูดไม่ออกไปเลย
เรากำลังวนเวียนอยู่กับสิ่งเก่าๆ ภาพเก่าๆ ความทรงจำเก่าๆ และความรู้สึกเก่าๆ อย่างง่ายดาย เพียงเปิดเพลงช้าๆสักเพลงที่มีความหมายดีๆซ่อนอยู่ บางทีทำนองก็พาความคิดของเราล่องลอยไปเสียไกล ยิ่งบางบทเพลงเก่าๆที่เคยนั่งฟังด้วยกัน ก็ทำให้เราเผลอคิดไปถึงช่วงเวลาดีๆเหล่านั้นอีกครั้ง ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว
อยากลืมแต่กลับจำได้เสียจนแนบสนิท หลายครั้งที่เราอยากปลดปล่อยความรู้สึกแย่ๆนั้นออกไปให้หมด แต่ทว่าเรากลับสูดมันกลับมาเก็บเอาไว้ในหัวใจ การบังคับให้ตัวเองลืมอาจเป็นวิธีอันแยบยลแต่กลับทำให้เราจดจำภาพเรื่องราวนั้นได้เป็นอย่างดียิ่งกว่า ฤาจริงๆแล้วเราเองต่างหากที่ไม่ได้อยากจะลืมความรู้สึกดีๆเหล่านั้น อาจเพียงเพราะเราแค่อยากจะยื้อมันต่อไปให้ได้นานที่สุด ตราบที่จะมีใครคนหนึ่งเข้ามาทดแทน
อาการอยากลืมแล้วกลับจำ กลายเป็นสิ่งหมักหมมที่ก่อตัวขึ้นในใจ การจมจ่ออยู่กับสิ่งที่ไม่ได้ก่อให้เกิดความรู้สึกดีๆในวันใหม่ กำลังทำให้จิตใจของเราถูกเกาะกินไปด้วยความผิดหวัง เมื่อหมดสิ้นหนทางใหม่ๆ ทุกวันนี้ชีวิตของเราจึงหยุดนิ่งอยู่กับอดีตที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป และอาจจะไม่สามารถสร้างอนาคตได้เลย หากเราไม่เริ่มค้นหาความรู้สึกครั้งใหม่ที่มันอาจตกหล่นอยู่ข้างๆตัว
(3)
หากมีพลังวิเศษสักอย่างมาแก้ไขอาการลืมได้คงจะดี เพียงแตะหน้าผากเบาๆหนึ่งทีเราก็สามารถลืมในสิ่งที่ไม่อยากจำได้ หากเป็นไปได้จริงผมอยากจะลบเรื่องราวที่มันหมักหมมนี้ให้หายหมดจดไปจากจิตใจ เมื่อพระอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้ขึ้นมาอีกครั้ง เราจะได้เริ่มต้นใหม่เสียที
ทว่าในความเป็นจริงมนุษย์ธรรมดาอย่างเรากลับไม่สามารถบังคับให้สมองของตัวเองนั้น "จำ" หรือ "ลืม" เรื่องใดๆ เราทำได้แค่หลีกเลี่ยงในสิ่งที่ไม่อยากจำ และเผชิญหน้าต่อสิ่งรอบข้างที่ไม่อยากลืม อาจฟังดูแปลกๆแต่นี่แหละคือชีวิตจริงที่เรากำลังเผชิญกันอยู่ทุกวัน
ความคิดของเราอาจถูกทำให้วกวนไปด้วยเรื่องราวในชีวิตประจำวัน เช่นการตื่นเช้ามาครุ่นคิดถึงกับสิ่งแย่ๆในวันวานอาจเป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้วันทั้งวันของเราแย่ลงไปอีก ถึงแม้ตอนนี้เราอาจจะยังไม่สามารถลืมเรื่องราวร้ายๆไปได้เสียหมด แต่ก็อย่าไปทำให้เช้าวันใหม่ที่สดใสของเราแปดเปื้อนไปด้วยมลทินจากสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงในวันวานเลย
แม้การเป็นมนุษย์(ขี้)ลืมอาจทำให้เราลำดับเหตุการณ์สำคัญในชีวิตได้แย่ลงไปบ้าง แต่ในความสับสนอลหม่านนั้น ก็ทำให้เราได้พบเจอเรื่องราวที่คาดไม่ถึงได้เสมอ การเชื่อมต่อคำถามด้วยคำตอบ อาจเหมือนการลากจุดไปบนหนทางที่เราไม่เคยกล้าคิดที่จะเดิน บางทีแสงสว่างที่อยู่ข้างหน้าอาจสว่างจ้าเพียงพอที่จะลบเลือนรอยเท้าที่ถูกเหยียบย่ำเก่าๆนั้นออกไปให้หมดเสียที