ยินดีด้วยคุณ สอบผ่านแล้ว
ย้อนไปเมื่อสองปีก่อน เราได้ตกหลุมรักกับเพื่อนเราคนหนึ่งที่เพิ่งคบได้มาปีกว่า เราเป็นคนที่ sensitive เวลาอยู่ใกล้ใครบ่อยๆ จะต้องหวั่นไหวอยู่เสมอ เวลาผ่านไป จากความใกล้ชิดก็เริ่มก่อตัวเป็นความรัก จากเพื่อนก็กลายเป็นมากกว่าเพื่อน
จริงๆแล้วเราก็เลิกชอบเขาไปได้พักนึงแล้ว แต่ดันมีวันนึงที่เราทำเขาโกรธ เราเลยอยากจะง้อและแสดงสปิริตเพื่อที่จะชนะใจ ทำไปทำมา ก็ดันมาตกหลุมรักอีกรอบซะงั้น มิหนำซ้ำ หลุมครั้งนี้ลึกกว่าเดิม เราคุยกับเขาทุกวันและไปหาเขาบ่อยขึ้น ดูแล ทุ่มเท Take care ทุกอย่าง ตื่นมาหน้าจอก็มีแต่เขา ก่อนนอนแชทสุดท้ายที่เราตอบก็เป็นเขา บ่อยครั้งที่รอจนหลับไป ทำแบบนี้ตั้งแต่ปี 1 เทอม 2 ไปจนถึง ปี 2 เทอม 2
ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจรับรักเรา ตัดสินใจคบกันเป็นแฟน เขาเองก็อยากที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ จริงจังมากขึ้น ไม่อยากเอาแต่คุยวันๆ
ตอนนั้นเองที่เราทำทุกอย่าง เพราะเราอยากชนะใจเขา อยากให้เขาได้สัมผัสสักครั้งว่าความรักเป็นอย่างไร เราเห็นเขากลัวความรัก มีด้านลบต่อสิ่งที่เรียกว่ารัก เรารู้สึกสงสาร ด้วยความที่เรารักเขามาก เราอยากจะทำให้รักแรกของเขาดีที่สุด เราทุ่มเททำทุกอย่าง สิ่งไหนที่เขาต้องการ เราทำให้ได้หมด เรายอมทุกอย่าง ทุ่มเทให้สุดหัวใจ เรามักจะทำให้เขาประทับใจด้วยการเซอร์ไพรส์ของขวัญเสมอๆ ชวนไปทานข้าวทั้งในโอกาสพิเศษและไม่พิเศษ ความรักของเราสองคนมีแต่ความสวยงาม
แต่ด้วยความรักอิสระและติดเพื่อนมาก ทำให้ความสัมพันธ์ในฐานะแฟนเกิดขึ้นในเวลาสั้นๆเท่านั้น เราเองก็เตรียมใจไว้แล้ว เรายินดีที่จะยอมรับทุกอย่าง เพราะเราเลือกแล้วนิ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่สุดท้าย ความเป็นมนุษย์ปถุชนก็ได้แผลงฤทธิ์ออกมา เขาก็บอกเลิกเรา จริงๆแล้วเราก็จะไม่อะไรมากนะ ถ้ามันไม่เป็นเหตุผลแบบลูกทุ่งๆ บอกว่าอยากจะตั้งใจเรียนและดูแลแม่ ตอนแรกเราเองก็ยอมรับ แบบไม่ขัดเคือง เข้าใจแหละว่าเขาคงอยากทำตามที่พูด หลังจากนั้นเราก็เฝ้ามองมาตลอด และเห็นว่าเขาไม่ได้ทำตามที่พูดเลย ทำตัวยังไงก็ยังงั้น มันทำให้เรารู้สึกแย่มากๆ ว่าทำไมต้องอ้างให้ตัวเองดูดี ทำไมไม่ทำตามสัจจะที่เคยได้บอกไว้
ความรู้สึกด้านลบและความคับแค้นใจเริ่มก่อตัวในหัวใจ จากคนที่รักมาก กลับกลายเป็นคนที่แค้นมาก หลังจากที่เขาบอกเลิก เราก็ยังคงคุยกันเหมือนเดิม แต่ต่างแค่เราไม่ได้มีอะไรผูกมัดกันแล้ว แต่ความรู้สึกของเราก็ยังตัดเขาไม่ขาด หัวใจเรายังคงเต้นแรง มือไม้สั่นทุกครั้งที่เจอหน้าเขา จนอยู่มาวันหนึ่ง เราอึดอัด ทนไม่ไหว และได้พูดกับเขาไปว่าสิ่งที่เขาทำก็แค่เพื่อให้ตัวเองดูดีแค่นั้นเอง ผลลัพธ์คงไม่ต้องเดา เราสองคนก็ทะเลาะกัน แต่เวลาผ่านไป แต่เราก็กลับมาคุยกันใหม่ จนมาถึงจุดหนึ่ง จุดที่ว่าเขาเริ่มไม่ตอบเรา เวลาเราไปหา ก็ทำหน้าไม่อยากเจอ เวลาเราเข้าไปทัก ก็ไม่อยากคุยด้วย สุดท้ายเขาก็ไม่ตอบแชทเรา…
วันนั้นเรามีนัดถ่ายวิดีโอกับเพื่อนพอดี และตั้งใจจะไปหาเขาเรื่องที่เขาไม่ตอบเรา สิ่งที่เราได้รับคือสีหน้าที่เบื่อหน่ายเมื่อเห็นเราก้าวเข้าไป ถามคำตอบคำ ไม่เรียกก็ไม่สนใจ… สุดท้ายเขาให้เหตุผลกับเราว่า ถ้ายังไม่เหมือนเดิมไม่ต้องมาคุยกัน
หลังจากประโยคสุดท้ายนั้น เขาก็ไม่ตอบแชทเราอีกเลย เราเองก็ตัดสินใจว่าจะไม่ทักไป ไม่เจอหน้า จนกว่าเราจะทำใจได้จริงๆ เราอันฟอลโล social network ของเขาเพื่อนในกลุ่มของเขาทีละคนๆ เพื่อที่จะทำให้เราทำใจได้ง่ายกขึ้น เราเองก็เริ่มรู้สึกได้ว่าเขาก็อันฟอลโลเราเหมือนกัน
ในที่สุดเราก็ทิ้งโอกาสสุดท้ายที่จะได้เจอเขาไป วันสุดท้ายที่จะได้เห็นเขาอยู่ในที่แห่งนี้ กว่าจะมีโอกาสอีกที ก็คงวันรับปริญญา
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ตอนนี้เข้าเดือนที่ 5 แล้วหลังจากเรียนจบ จู่ๆเราเองก็ฝันถึงเขา ฝันว่าเรายังดีกับเขาเหมือนเดิม และเขาก็ดีกับเราเหมือนกัน เหมือนตอนที่เราสองคนยังเป็นแฟนกัน อดีตชาติที่สวยงามกลับมาหลอกหลอนเราอีกครั้ง เวลาในโทรศัพท์บ่งบอกว่าตอนนี้เวลาตี 5 เราตื่นมา พร้อมน้ำตาที่กำลังจะไหล เราไม่เข้าใจว่าเรื่องจบกันไปแล้ว ทำไมถึงยังมาตามหลอกหลอน เราพยายามจะทำใจมาตลอด จู่ๆก็มีความคิดแว๊บนึงเข้ามาในหัว “ฆ่าตัวตายดีไหม” เรื่องจะได้จบกันไปสักที เราจะได้ไม่ต้องมานึกถึงอีก เรารู้สึกได้ว่าจิตใจเราอ่อนแอมาก อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ปกติเรามักจะใช้สติพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตทุกครั้ง สุดท้ายแล้วสติเราก็กลับมา เพราะความจำเป็นที่ต้องไปทำงานวันจันทร์
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เวลาเราทะเลาะกับเขาหนักๆ เรามักจะเข้าวัด บวชบ้าง ปฏิบัติธรรมบ้าง มีหลายครั้งที่เรากรวดน้ำให้เขา หากเขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรจริง ก็ขอให้หมดกรรมต่อกันไป เราก็พยายามคิดเสมอ ว่าเขาคงเข้ามาทดสอบจิตใจของเรา ถ้าเราผ่านไปได้ เราก็สอบผ่าน คนเราเกิดมาเพื่อพบ เพื่อจากบ้างไรบ้าง ก็ปลอบใจตัวเองไป แต่เราเองก็ไม่สามารถอโหสิได้อย่างสนิทใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว ความคิดด้านลบที่มีต่อเขาผุดขึ้นทุกที เวลาเราไม่เข้มแข็งพอ
แต่ตอนนี้หลังจากที่เราได้ผ่านความคิดที่ว่าเราอยากคิดสั้นเพื่อจบปัญหา ทำให้ได้เข้าใจลึกซึ้งแล้วของคำว่า “เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป” การที่เขาได้เข้ามาในชีวิตของเรา ทำให้เราได้เข้าใจถึงธรรมะข้อนี้อย่างแจ่มแจ้ง ไร้ข้อกังขา ดังคำพูดของพระอาจารย์มักจะพูดเสมอๆว่า “สักวันโยมจะต้องขอบคุณเขา” ถ้าหากไม่มีเขาวันนั้น เราคงไม่เดินมาไกลถึงวันนี้ ทำให้เราได้เติบโตขึ้นมาอีกขั้น ชีวิตที่ดูทุกข์ระทมในวันนั้น แทบจะกลายเป็นเรื่องตลกไปเลย เราเองก็ได้ปลดล็อคจิตใจของเราได้สูงไปอีกขั้นแล้ว ดูดีๆแล้ว ทำไมเราจะต้องไปโกรธแค้นเขาด้วยละ ในเมื่อเขาก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง ที่มีรัก โลภ โกรธ หลง เราต่างหากที่จะต้องมีเมตตาต่อเขาให้มากๆ
“เข้มแข็งเข้าไว้…” คำที่เธอบอกเราในวันนั้น เราอยากจะบอกว่าวันนี้เราทำได้แล้วนะ เรายังยินดีที่จะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ…เมื่อเธอต้องการ เพื่อนคนนี้ยังเหมือนเดิมนะ ยังคงรักและหวังดีกับเธอ เหมือนที่เคยเป็น…
ขอบคุณนะ
ในที่สุด ใจของเราก็ปลดล็อคแล้ว ถ้าไม่มีเธอในวันนั้น คงไม่มีเราในวันนี้
เราอยากจะเข้าไปกอดและขอโทษเธอในทุกๆสิ่งที่เราได้ทำลงไป
ไม่แน่นะความฝันในวันนี้ อาจจะเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็เป็นได้…
ด้วยรักอย่างบริสุทธิ์ใจ
ญ