Dawn of the Night (รุ่งอรุณแห่งรัตติกาล) บทที่ 7 สับสน
“โอกิระวัง” ในขณะที่ฉันเผลอปีศาจเกือบจะเข้ามาเล่นงานฉันแต่ว่า เรียวใช้ธนูปราบมารช่วยฉันไว้ทัน ฉันไม่พูดอะไร ก่อนที่จะหันกลับไปสู้กับเจ้าปีศาจนั้นอีกครั้ง
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อจนใกล้รุ่งอรุณ ฉันใช้ดาบฟันเขาที่ร่างของปีศาจตัวสุดท้าย ก่อนที่เรียวจะเดินเขามาถามด้วยความเป็นห่วง
“โอกิ เป็นอะไรหรือเปล่า วันนี้เธอพลาดนะ” ฉันไม่ตอบอะไรเรียวแม้แต่น้อย ฉันหันหลังเดินออกมาสายตาของฉันตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว มันกลับเป็นปกติเหมือนเดิมหลังจากจบการต่อสู้ สวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงเท้าของฉันที่ยังคงหันหลังและเดินโดยที่ไม่แม้จะหันกลับไปมองคนข้างหลัง ฉันไม่อยากมองหน้าที่รู้สึกผิดของเรียว ฉันไม่อยากมองหน้าที่แววตาเต็มไปด้วยยูริ
ในขณะที่ฉันเดินอยู่นั้น เรียวก็เข้ามาดึงแขนฉันไว้
“โอกิ ยังไม่หายโกธรผมอีกหรอ ผมขอโทษ”
“เรียวนายหยุดพูดได้แล้ว ฉันไม่ได้โกธรเกลียดนาย ฉันแค่รู้สึกเจ็บที่หน้าอกเล็กน้อย ไม่รู้เพราะอะไร ยิ่งฉันอยู่กับนายความเจ็บปวดนั้นก็เพิ่มขึ้น ถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไป ตัวตนของฉันก็จะหายไป อาจเป็นเพราะว่า ฉันคงจะชอบนาย”
คำพูดสุดท้ายของโอกิทำผมสะท้านไปถึงหัวใจ มันเป็นสิ่งที่ผมเคยรู้สึกกับโอกิก่อนหน้านี้ จนยูริปรากฏตัวขึ้น ซึ่งมันทำให้ผมเจ็บปวดที่ผมต้องสูญเสียสิ่งสำคัญไป แต่หลายวันก่อนหน้านี้ที่ผมพูดอะไรเกี่ยวกับยูริออกไป มันทำให้โอกิเจ็บปวดและเริ่มเย็นชาใส่ผมอีกครั้ง ผมยืนมองใบหน้าที่ตอนนี้เต็มไปด้วยคราบเลือดหลังจากสู้กับปีศาจ เธอมองผมด้วยแววตาที่สั่นไหว ผมยาวๆ สีแดงของเธอพลิ้วไปตามลมทำให้ผมมองหน้าเธอไม่ชัด
........................................................
ฉันยืนมองเรียวที่ตอนนี้กำลังมองฉันอยู่เช่นกัน มันทำให้หัวใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ มันทำให้ฉันกลัวว่าไอ้สิ่งที่ฉันพูดออกไปนั้น ความหมายของคำว่า ชอบจริงๆ มันคืออะไรกันแน่ แต่ฉันก็พูดมันออกไปแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน อ้อมแขนของเรียวก็โอบกอดฉันอย่างรวดเร็ว
“ขอโทษนะ โอกิ ขอโทษนะ” อ้อมกอดและคำพูดพวกนั้นมันทำให้ฉันน้ำตาเอ่อ ความจริงแล้วฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกลายเป็นคนอ่อนแอและเห็นแก่ตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ฉันก็ชอบอ้อมกอดของเรียวนะมันอบอุ่นจนฉันวางใจ
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ในที่สุดวันนี้ก็เป็นวันที่ดีอีกวันสำหรับฉัน แต่ทว่ามันกลับมีให้ฉันน้อยเกินไป เสียงอาจารย์ประจำชั้นก็ดังขึ้น
“นักเรียนทุกคน วันนี้จะมีนักเรียนใหม่ย้ายมานะ” เสียงแตกตื่นของนักเรียนก็ดังขึ้น ก่อนที่อาจารย์จะเอยปากเชิญนักเรียนใหม่ออกมาแนะนำตัว
“สวัสดีคะ ฉันชื่อ ฮายาเตะ ยูริ หรือจะเรียกยูริจังก็ได้นะค่ะ” ฉันนิ่งไปพักนึ่งก่อนหันไปมองเรียวที่ตอนนี้ กำลังจ้องมองผู้หญิงที่ชื่อ ฮายาเตะ ยูริ ที่ตอนนี้ใบหน้าเหมือนยูริคู่หมั่นของเรียวที่ตายไปก่อนหน้านี้ ร่างกายของเรียวที่ตอนนี้สั่นไหวราวกับดีใจแววตานั้นมันกลับทำให้หัวใจของฉันกระตุก เธอถูกเชิญให้มานั่งตรงข้างเรียวซึ่งมันคือโต๊ะของยู
ในขณะที่พักเที่ยง ยูริ เดินมาที่โต๊ะเรียวก่อนเอยปาก
“ท่านเรียว สินะคะ คือว่า ยูริยังไม่คุ้นกับที่นี้ ท่านเรียวช่วยพาไปเดินดูหน่อยได้ไหมเจ้าค่ะ” คำพูดแบบนั้น มันชั่งเหมือนยูริคนนั้นเหลือเกิน แต่ทว่าทุกคนกลับจำยูริที่ก่อนหน้านี้เคยแสดงตัวไม่ได้ เรียวมีท่าทีแปลกๆ เล็กน้อย
“โอกิ เดียวผมมานะ”
“อึม” แต่ทว่าฉันกลับได้กลิ่นครึ่งปีศาจจากตัวยูริ ฉันรีบเดินตามเรียวออกไปโดยไม่ให้ทั้งสองคนรู้ตัว
สองคนนั้นเดินมาถึงตรงสนามกีฬาใต้ร่มไม้จะมีม้านั่ง เรียวจึงให้ยูริรออยู่ที่นี้เพื่อไปซื้อน้ำผลไม้ ในขณะที่เรียวรีบวิ่งออกไป เสียงของยูริก็ดังขึ้น
“ออกมาได้แล้ว เธอนะ แอบตามคนอื่นมามันเสียมารยาทนะ”
“เธอต้องการอะไรกันแน่ ฉันได้กลิ่นครึ่งปีศาจจากตัวเธอ” ในที่สุดยัยนั่นก็เผยใบหน้าจริงๆ ออกมา ยัยนั่นในตาสีดำ ผมหน้าม้าที่รวบยาว
“ฉันแค่ต้องการ เจ้านายคนใหม่เท่านั้นเอง และจากการที่ฉันสังเกตผู้ชายคนนี้เหมาะที่จะเป็นนายใหม่ฉันที่สุด และอีกอย่าง นายกับอสูญรับใช้ที่ทำพันธสัญญากันรักกันไม่ได้และตอนนี้เธอกับลังตกหลุมรักมนุษย์ เธอไม่รู้รึไงว่า ถ้าเธอรักกับมนุษย์การมีตัวตนของเธอจะน้อยลงเท่ากับความรู้สึกนั้น และพลังของเธอของจะลดลง และอีกอย่างฉันจะบอกเธอให้เอาบุญ พลังของฉันก็คือ แปรงร่างเป็นใครก็ได้ที่ฉันสามารถจำได้ในขณะนั้น หรือแม้กระทั้งตอนนี้ เพราะพลังแฝงของฉันในตอนนี้สามารถปกป้องเรียวได้มากกว่าเธอที่ตอนนี้พลังเริ่มลดลง”
ฉันนิ่งเงียบในขณะที่ยัยนี่กำลังพล่าม
“พูดจบรึยัง ฮายาเตะ ถ้าฉันจะบอกเธอว่าการที่เจ้านายจะทำพันธสัญญากับครึ่งอสูรสองตนมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ นอกจากจะเป็นความต้องการของเจ้าตัวเอง”
“โอกิ ฉัน ฮายาเตะ ยูริ คนนี้แหละ จะทำให้ท่านเรียว ต้องการฉันมากกว่าเธอเอง” พูดจบยัยนั่นก็กลับร่างเป็นยูริที่หน้าเหมือนคู่หมั่นของเรียวที่ตายไป
ในขณะที่เรียววิ่งเข้ามาด้วยท่าทางที่เหนื่อยหอบ เรียวหันมาเห็นฉันยืนนิ่ง
“มีอะไรหรือเปล่า โอกิ” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตอบ ยูริ ก็เข้ามาจูบเรียว ซึ่งนั้นหมายถึงการทำพันธสัญญาทับซ้อน เพราะปกติแล้วมนุษย์ส่วนใหญ่จะสามารถทำพันธสัญญาได้แค่ครึ่งอสูรเพียงตนเดียว ไม่สามารถทำพันธสัญญาสองตนพร้อมกันได้ ถ้ามนุษย์ทำพันธสัญญากับครึ่งอสูรพร้อมกันสองตนนั้นหมายความว่า ปีศาจหนึ่งตนที่ทำพันธสัญญา ต้องถูกบีบคั้นจากความรู้ที่ต้องการใครสักคนหรือการเลือกระหว่างหนึ่งคนที่จะต้องอยู่และอีกคนจะต้องไป และปีศาจที่ไม่ถูกเลือกจะหายไป และความทรงจำทั้งหมดระหว่างปีศาจกับมนุษย์ก็จะหายไปด้วยนั้นหมายความว่า ผู้เป็นนายจะไม่สามารถจำเรื่องราวของปีศาจที่ไม่ได้ถูกเลือกได้อีกต่อ
“ยูริ!!!" เรียวอุทานด้วยความตกใจ
“อ๊ะ ขอบคุณนะท่านเรียว ท่านรู้ใจข้าเสมอ ท่านรู้ว่าข้าชอบดื่มน้ำส้ม และตอนนี้ข้ากับท่านเราทำพันธสัญญากันแล้วนะ”
“พันธสัญญา อะไร ยูริผมงงไปหมดแล้ว” หลังจากเรียวพูดจบยูริก็อธิบายรายระเอียดการทำพันธสัญญาให้เรียวฟังรวมถึงเรื่องการคงอยู่ของหนึ่งตนและหายไปของหนึ่งตน เมื่อเรียวรู้ถึงเรื่องนี้แววตาของเรียวเริ่มสับสน แต่ทว่าเรียวกลับมองมาทางฉันด้วยสายตาที่สั่นไหมราวกับว่าฉันจะได้คำตอบแล้ว แต่ทว่าฉันกลับหลบสายตาหมอนั้น ฉันกลัวสายตาที่มันเป็นคำตอบว่าคนที่ควรไปคือฉัน ฉันเดินออกมาจากตรงนั้นก่อนที่ฉันจะฆ่ายัยผู้หญิงคนนั้น
เราเป็นอะไรไป โอกิ เธอไม่ใช้คนที่อ่อนแอขนาดนี้ ไม่ใช้คนที่ต้องถูกไล่ต้อนได้ถึงเพียงนี้ ไม่รู้ฉันเดินมาถึงที่ไหนแต่ที่รู้ๆ ตอนนี้ฉันต้องสู้ เพราะปีศาจสวะมันอยู่ต่อหน้าฉันแล้ว
“บอกเลยนะ เจ้าพวกปีศาจสวะ วันนี้ฉันค่อนข้างอยากฆ่าคน ถ้าพวกแกยังอยากรอดและนี้คือโอกาส ฉันจะให้พวกแกแค่ครั้งเดียว”
“เจ้าครึ่งอสูร เจ้าเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม วันนี้แหละข้าจะขอดูดกลืนวิญญาณของแก และข้าคนนี้ก็จะเป็นอัมตะ”
“หุบปากซะเจ้าปีศาจสวะ” ฉันดึงดาบออกมาและตวัดมันออกไปครั้งเดียวปีศาจตนนั้นก็หายไป ฉันอุทานด้วยอารมณ์ที่ตอนนี้มันไม่ยอมสงบ
“ฮึ คิดจะชนะฉันคนนี้แก ก็สมควรไปตายแล้วเกิดใหม่ซะ” ฉันเก็บดาบเข้าที่เดิม และนั่งลงข้างๆ ทาง ฉันมองเห็นพระจันทร์ที่ตอนนี้กำลังกระทบกับน้ำ มันช่างสวยงามสวยงามโดยที่ไม่ต้องเงยหน้ามองมัน แต่ทว่าว่าฉันกลับอยากเงยหน้ามองมัน ฉันล้มตัวลงนอนและพูดกับตัวเองเบาๆ
“ขอให้เรียวเลือกฉัน ไม่สิเลือกสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อให้ฉันหายไปแต่ถ้านั้นมันคือความสุขของเรียวฉันก็ยินดีหายไป วันนี้สายลมชั่งเงียบสงบ ยูเธอไม่เห็นด้วยกับคำอธิฐานของฉันเหรอ”