Dawn of the Night (รุ่งอรุณแห่งรัตติกาล) บทที่ 3 ยอมรับ
ฉันเดินมาถึงหน้าโรงเรียนที่เต็มไปด้วยมนุษย์อ่อนแอ แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดและรู้สึกประหม่า คือการที่ฉันต้องมายืนรอเรียวทุกเช้า แต่วันนี้กลับเป็นเช้าที่แปลกเมื่อเรียวเดินมากับหญิงสาวที่ฉันไม่เคยรู้จักแถมยังสนิทสนมกันจนหน้าขยะแขยง
“โอกิ เธอมารอฉันทุกเช้าไม่เบื่อเหรอ” เสียงเรียวดังขึ้น จนฉันต้องรีบซ่อนอาการความสงสัย
“ก็ไม่นิ นายนั้นแหละหัดชินได้แล้ว!!!!” ยังไม่ทันที่ฉันกับเรียวจะได้พูดอะไรต่อ เด็กสาวที่รุ่นราวคราวเดียวกับฉันหันมาเอยด้วยน้ำเสียงสดใสและเป็นกันเองปนอาการที่ตื่นเต้นตอนนี้
“ เออ โอกิ สินะคะ ฉันชื่อ อากิโนะ ยู เรียกว่า ยูจังก็ได้ค่ะ ฉันชอบคุณในตอนนั้นมากตอนที่คุณเกือบโดนพวกเพื่อนในห้องทำร้าย แววตาสีแดงข้างซ้ายนั้นสวยจังนะคะ ถ้าไม่รังเกียจ เออคือว่า เรามาเป็นเพื่อนกันจะได้ไหม”
เธอพูดจบก็ค่อยเงยหน้ามองฉันด้วยสายตาที่อ่อนโยน แต่ทว่า สายตาที่เย็นชาของฉันกลับสั่นไหว นานแล้วที่ไม่มีใครพูดว่าตาสีแดงของฉันสวย แม้กระทั่งเรียว
ฉันกลับมาทำหน้าปกติก่อนเอยด้วยน้ำเสียงเหมือนทุกครั้ง
“ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช้เหรอ ว่าฉันไม่ต้องการเพื่อน และฉันก็ไม่อยากปกป้องมนุษย์อ่อนแอ” สิ้นเสียงพูดของฉันแววตาที่ดูตื่นเต้นนั้นกลับเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองแต่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม
“งั้นเหรอ” เธอพูดประโยคนี้แผ่วเบาจนฉันแทบไม่ได้ยิน ก่อนหันไปยิ้มให้เรียวแล้ววิ่งหายเข้าไปในโรงเรียน ฉันหันไปหาเรียวก่อนก่อนเตือนให้รีบเข้าโรงเรียนเพราะเสียงอ๊อดมันดังนานแล้ว แต่ทว่าเรียวกับเอยในสิ่งที่ฉันไม่อยากได้ยินที่สุด
“โอกิ ไปขอโทษยูซะ ทำไมพูดแบบนั้นหละ โอกิไม่อยากมีเพื่อนเหรอ”
“นี้ใช้ไหมคือสิ่งที่นายจะพูด”
“ใช่ และวันนี้ โอกิต้องไปขอโทษยู ซะ!!!” ฉันไม่ตอบอะไรได้แต่ยืนมองเรียวด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ ฉันหันหลังกลับโดยไม่พูดไม่จา แต่เสียงที่ทำให้ฉันต้องหยุดอีกครั้ง
“โอกิจะไปไหน ไม่เข้าเรียนรึไง !!”
“วันนี้ฉันจะไม่เรียน 1 วัน เพราะฉะนั้นนายไปซะ แล้วอย่าให้ฉันเห็นหน้าภายในวันนี้ไม่งั้น ฉันจะฆ่านายซะ” สิ้นเสียงของฉัน ก็ไม่มีเสียงตอบกลับใด ๆ จากเรียว แต่ทว่า มือของเรียวตอนนี้กำมือฉันแน่น
“ฉันบอกให้เธอไปเรียน และไปขอโทษยูซะ นี้เป็นคำสั่ง”
“เดียวนี้นายกล้าออกคำสั่งกับฉันแล้วรึไง”
“ก็เธอคือผู้รับใช้ ในเมื่อฉันเป็นเจ้านาย สิ่งเธอควรทำควรเชื่อฟังฉัน” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรต่อ เรียวก็ดึงมือฉันเพื่อให้ฉันเดินตาม แต่ทำไมกันนะแววตาหมอนั้นเปลี่ยนไปไม่เหมือนคนเดิม หรือว่านี้จะเป็นพลังแฝงของหมอนั้น ความกล้า ความอ่อนโยน ที่อยู่ในตัวหมอนี้ คือสิ่งที่คนอย่างฉันไม่มี
ในที่สุดเราก็มาถึงห้องเรียน ห้องเรียนที่เต็มไปด้วยเสียงเอะอะโวยวาย ฉันหันไปสอบตากับยูพอดี แต่ทว่าเธอกลับยิ้มให้ฉันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ทว่าฉันกลับเมินหน้าหนี้เธอ โดยที่ไม่หันกลับไปมองว่าตอนนี้เธอกำลังทำหน้ายังไงอยู่
ฉันนั่งอยู่ริมสุดของหน้าต่างนั่งคิดสิ่งที่ยัยนั้นพูด เพื่อนงั้นเหรอ คนสำคัญงั้นเหรอ เพราะมนุษย์นั้นอ่อนแอมีแต่จะทำให้เป็นตัวถ่วงงานฉัน ฉันจะไม่สนหน้าไหนแม้แต่เรียวก็เถอะ
ฉันนั่งคิดอะไรเพลินๆ แต่เสียงที่ทำให้ฉันต้องหันกลับมาฟังนั้นมันคือเรียว
“นี้นายมานั่งตรงนี้ตังแต่เมื่อไหร่”
“ก็ปกติที่ตรงนี้มันคือที่ฉัน แต่เพราะเธอแย่งที่นั่งฉันไปแล้วก็ถือซะว่าให้ฉันนั่งข้างๆแล้วกันนะ”
“แล้ววันนี้ไม่สอนรึไง”
“จะสอนได้ไง ผมยังแค่เด็กมอต้นเองนะ ที่สอนก็จะสอนเฉพาะแทนปู่เท่านั้นแหละ” ฉันหันหน้ากลับมาทางหน้าต่างเหมือนเดิม แต่ทว่าฉันสัมผัสได้ถึงที่อบอุ่นที่ตอนนี้กำลังจับมือฉันอยู่
“โอกิ ผมไม่รู้ว่าโอกิผ่านอะไรมาบ้าง ไม่รู้ว่าโอกิคือใคร และเป็นคนแบบไหน แต่ผมขอให้โอกิเชื่อในตัวผม เพราะไม่ว่ายังไงผมก็จะยืนข้างยูกิเสมอ” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไร เสียงของนักเรียนหญิงในห้องก็ดังขึ้น
“ยัยลูกครึ่งปีศาจนี่เอาอีกแล้ว จะอารวาทอีกแล้วรึไง เป็นแบบนี้ที่ไร มีคนตายทุกที” ฉันหันไปมองเด็กผู้หญิงคนที่ถูกเรียกว่าครึ่งปีศาจ แต่นั้นยิ่งทำให้ฉันแทบช๊อคเพราะครึ่งปีศาจที่ว่านั้นคือ ยู
เรียวปล่อยมือฉันและรีบวิ่งไปหายู แต่ทว่ายูผลักเรียวกระเด็นแล้วพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“เรียวอย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ ฉันไม่อยากฆ่านาย ฉันไม่อยากย้ายโรงเรียนอีกแล้ว ขอร้องหละ อย่าเข้ามานะ”
ยูกระโดดลงจากหน้าต่างในทันที ทำให้ฉันต้องรีบตามไป แต่นั้นกลับทำให้ปีศาจที่ไม่เคยปรากฏตัวยามรุ่งอรุณโผล่ออกมานั้นเพราะมีครึ่งปีศาจที่พวกมันสามารถดูดกลืนพลังวิญาณและพวกมันจะกลายเป็นอัมตะนิรันดร์
ฉันกระโดดตามยูมาได้สักพัก เหมือนยัยนั้นเหมือนจะรู้ตัวว่าฉันตามมา
“โอกิจัง ขอฉันเรียก โอกิจังได้ไหม” น้ำตาของยัยนั้นไหลออกมาพรั่งพรูแต่ทว่าฉันกลับยังคงทำหน้าเย็นชาเหมือนทุกครั้ง ฉันนิ่งไม่ตอบอะไรได้แต่ฟังสิ่งที่ยัยนั้นพูด
“โอกิจัง ฉันหนะนะดีใจที่สุดที่ได้เจอโอกิจัง เพราะเธอเหมือนกับฉัน แต่ฉันกลับอ่อนแอ ไม่มีแม้แต่พลังที่จะปกป้องใคร ฉันถูกมองว่าเป็นปีศาจ มาตั้งแต่จำความได้ เพราะเวลาที่ฉันคุมสติไม่อยู่ฉันจะทำร้ายผู้คนและเพื่อนๆ จนฉันต้องย้ายโรงเรียนอยู่บ่อยๆ แต่ถ้าเป็นตอนนี้ฉันจะไม่ย้ายหรือไม่หนี้อีกแล้ว เพราะฉันจะยอมให้พวกปีศาจแห่งรัตติกาลนี้กลืนกิน ฉันจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดอีกแล้ว”
สิ้นเสียงของยู ปีศาจสวะที่แห่มารวมตัวกันก็พุ่งชนร่างของยูและค่อยกัดกินจิตวิญญาณ มันทำให้เส้นเลือดใหญ่ของฉันทำงานและสูบฉีดขึ้นทันที
“ฉันยังไม่อนุญาตให้เธอตาย เพราะฉะนั้นอย่ารีบตาย เพราะคนอย่างเธอฉันก็คงหาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว”
ฉันดึงอาบออกจากฝั่งแล้วเดินเข้าไปหายู ก่อนเอยด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่ทำให้คนฟังดีใจ
“ถ้าเธอรีบตายฉันจะไม่มีวันยกโทษให้เธอ” แววตาของฉันเปลี่ยนไปเหมือนทุกครั้งที่ฉันเข้าสู่ความเป็นปีศาจ ฉันตะหวัดดาบไปมา แต่ทว่าปีศาจพวกนี้กลับเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยเพราะ การปรากฏตัวของครึ่งปีศาจทั้งสองตน แต่ทว่ากลับมีแสงสีฟ้าพุ่งเข้าหาปีศาจทำให้พวกปีศาจลดจำนวนลงไปมาก แต่ทว่าว่านั้นกลับเป็นธนูปราบปีศาจของเรียว นี้เหรอคืออาวุธของเรียว ฉันคิดในใจก่อนที่เรียวจะกระโดดมาทางฉัน
“เป็นอะไรหรือเปล่า โอกิ รีบถอยออกไปก่อน ฉันจะใช้พลังขั้นสูงสุด”
“แต่ว่า..”
“ไม่มีแต่ นี้เป็นคำสั่งของเจ้านาย” และทุกครั้งที่เรียวสั่งฉันจะขัดเขาไม่ได้เพราะนั้นถือเป็นคำสั่งที่ศักด์สิทธ์
เรียวใช้ธนูปราบปีศาจยิ่งเข้าใส่ปีศาจในครั้งเดียวไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว มันทำให้ฉันสงสัยในพลังของเรียวนิดหน่อยว่าเรียวนี้คือนักล่าปีศาจมือสมัครเล่นจริงรึเปล่า ทุกอย่างจบลงแสงสีฟ้าก็หายไปพร้อมปีศาจ แต่ฉันยังคงมองดูเรียวที่ตอนนี้เก่งกว่าเมื่อก่อนมาตั้งแต่เมื่อไหร่
สุดท้ายเราสองคนก็พายูมาโรงพยาบาล และเดินทางกลับบ้าน แต่จะว่าไปวันนี้คือวันที่ฉันไปอยู่บ้านเรียวนี้นะ ในระหว่างทางกลับบ้าน เรียวเอยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ อ่อนโยนจังนะ โอกิ” ฉันหันไปมองหน้าหมอนั้น ด้วยสายตาแบบเดิมทุกครั้ง แต่ทว่าหมอนั้นกลับเข้าใกล้ตัวฉันมากขึ้น เรียวใช้มือลูบเส้นผมฉัน แล้วก็พูดอีกครั้งว่า “อ่อนโยนจังนะ โอกิจัง” แล้วหมอนั้นก็จูบที่หน้าผากฉัน มันทำให้ฉันตอนนี้หน้าถอดสี ได้แต่เดินก้มหน้าโดยมีมือคู่นั้นของเรียวจับมือฉันแน่น ราวกับว่าฉันเป็นของเขา