10 ปีแรกดูแลแม่ผัว 10 ปีหลังดูแลลูกสะไภ้
คุณนายตรงข้ามบ้านหกล้ม ต้องทำกายภาพประมาณ 3 เดือน ลูกสะใภ้แสนกตัญญู หาข้าวหาน้ำมาป้อนถึงที่ ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้ว เมื่อลูกสะใภ้เลิกจากทำงาน ก็พาไปเดินเล่น แกบอกกับใคร ๆ ว่า
“ลูกสะใภ้กตัญญูกว่าลูกสาวซะอีก”
เหล่าคุณนายในชุมชนต่างก็รู้สึกอิจฉา ทุกครั้งที่เห็นลูกสะใภ้กตัญญูคนนี้ต่างก็พากันทอดถอนหายใจ
“แหม๊! ถ้าเปลี่ยนเป็นอั๊วล้มหมอนนอนเสื่อบ้าง ลูกสะใภ้อั๊วมันคงเตรียมฉลองแน่ ๆ เลย”
พูดเสร็จ นางก็หายใจฮึดฮัดไม่สบอารมณ์
นางมีลูกชายคนเดียว เมื่อลูกชายแต่งสะใภ้เข้าบ้าน แต่สะใภ้คนนี้ทำอะไรก็ไม่เป็น งานบ้านก็ไม่แตะ กับข้าวก็ไม่ทำ เวลาจะทำอะไรก็เรียกลูกชายของนางไปช่วย นางจึงรู้สึกไม่ถูกชะตากับลูกสะใภ้เลย
วันหยุดวันหนึ่ง ในขณะที่นางนั่งอยู่หน้าบ้าน ก็เห็นลูกสะใภ้ตรงข้ามบ้านกำลังเล่นกับลูกอยู่ นางจึงเรียกให้เธอเข้ามานั่งเล่นที่บ้านของนาง บทสนทนาจึงเริ่มต้นขึ้น
“แม่ผัวเธอนี่โชคดีจริง ๆ เลย ได้ลูกสะใภ้กตัญญูอย่างเธอมาอยู่ด้วย”
จากนั้นก็นินทาลูกสะใภ้ของตัวเองให้เธอฟังชุดใหญ่
ลูกสะใภ้ตรงข้ามบ้านนั่งฟังไปก็ยิ้มไป เมื่อนางระบายความอัดอั้นเสร็จ เธอจึงเอ่ยขึ้นว่า
“คุณป้าคะ หนูขอถามคำถามสัก 2-3 คำถาม คุณป้าอย่าเพิ่งโกรธหนูนะคะ!”
“ถามได้เลย ป้าจะโกรธหนูทำไม?” นางกล่าว
“เวลาที่เธอกลับบ้านค่ำ เธอเรียกให้ลูกชายของคุณป้าออกไปรับ คุณป้ารู้สึกยังไงคะ?”
“โมโหนะสิ ถามได้ ลูกชายของป้าทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน หล่อนก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ทางกลับบ้านซะหน่อย”
“ลูกสะใภ้ของคุณป้าคลอดลูกชายหรือลูกสาวคะ?”
“ลูกสาว”
“แล้วคุณป้ารู้สึกยังไงคะ?”
เธอถามคำถามต่อ
“โมโห ดูสิ ลูกสะใภ้บ้านอื่นคลอดมาเป็นเด็กผู้ชายหมดเลย นี่อะไร คลอดมาท้องแรกก็เป็นเด็กผู้หญิงซะแล้ว”
“ตอนที่เธออยู่เดือน คุณป้าได้ดูแลเธอบ้างหรือเปล่าคะ? คุณป้าใส่ใจความรู้สึกของเธอบ้างไหมคะ?”
“ฉันรู้สึกว่า คนสมัยนี้อยู่ในท่ามกลางวาสนาแต่ไม่รู้จักถนอมรักษา อะไรก็ไม่ทำ ยังมีหน้ามาบอกว่าเบื่อ คลอดลูกก็ต้องอยู่เดือนสิ พวกฉันอยู่เดือนกันทุกคน” นางระบายความในใจ
“ที่จริงหนูกับเธอก็ไม่ต่างกันหรอกคะ”
“อุ๊ย อย่าพูดอย่างนั้นนะ ใคร ๆ ก็รู้ก็เห็น หนูนะเป็นลูกสะใภ้กตัญญูจะตาย”
“เมื่อก่อนหนูก็ทำกับข้าวไม่เป็นค่ะ เวลาเข้าไปช่วยแม่สามีทำกับข้าวในครัว ท่านก็ไล่ให้ไปดูทีวี ท่านบอกว่า ท่านทำคนเดียวก็ได้แล้ว” นางได้ยินดังนั้นก็นิ่งไปครู่หนึ่ง
“เวลาที่หนูกลับบ้านค่ำเพราะทำโอที ท่านก็บอกให้สามีหนูออกไปรับหนู
ท่านบอกว่า เป็นผู้หญิงเดินคนเดียวกลางค่ำกลางคืนมันอันตราย”
“ตอนที่หนูคลอดลูก แม่สามีดูแลหนูทุกวัน ไม่ให้หนูทำอะไรเลย ท่านเป็นคนเตรียมข้าวของเครื่องใช้ให้หนูและลูก ” ถึงตอนนี้ นางเริ่มรู้สึกชา ๆ ที่ใบหน้า
“หนูก็คลอดลูกสาวเหมือนกันคะ ก็อยู่ไฟครบเดือน ทุกวันแม่สามีจะทำกับข้าวให้หนูทานทั้ง 3 มื้อ มีเวลาก็นั่งคุยเป็นเพื่อนหนู ตอนกลางคืนท่านก็อาสาดูแลหลานเอง ไม่ยอมให้หนูอุ้มลูกเลย ท่านบอกว่า ลูกผู้หญิงลำบากที่สุดอันตรายที่สุดก็ตอนคลอดลูก จะทำอะไรก็ต้องระมัดระวัง นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในห้องสี่เหลี่ยม ออกไปไหนก็ไม่ได้ กินอะไรก็ต้องระวัง กลัวว่าจะแสลง” ถึงตรงนี้ นางเริ่มก้มหน้า
“แม่สามีบอกกับหนูว่า ระหว่างแม่ผัวลูกสะใภ้ 10 ปีแรกดูที่แม่ผัว 10 ปีหลังดูที่ลูกสะใภ้ ตอนนี้ ใคร ๆ ก็เห็นว่าหนูปรนนิบัติท่านเหมือนแม่แท้ ๆ ของหนู แต่ที่ใคร ๆ ไม่เคยเห็นก็คือ ท่านดูแลหนูเหมือนลูกแท้ ๆ มาก่อน” นางอ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้พูด
“คุณป้าคะ หนูเจอแม่ผัวที่ดีขนาดนี้ แล้วหนูจะไม่เป็นลูกสะใภ้ที่ดีได้ยังไงคะ”
.....?????
แหล่งที่มา: นานานำมาฝาก on internet