ยังจำได้ไหม! ดาวร้ายชื่อดัง กล้ามล่ำ ‘เอ็กซ์ ปิยะ’ ผันตัวเป็นนักพากย์ งานนี้เสียงนุ่มละมุนไม่แพ้พระเอก!
ยังจำได้ไหม! ดาวร้ายชื่อดัง กล้ามล่ำ ‘เอ็กซ์ ปิยะ’ ผันตัวเป็นนักพากย์ งานนี้เสียงนุ่มละมุนไม่แพ้พระเอก!
เชื่อหลายๆคงคุ้นหูกับเสียงพากย์รายการดังอย่าง มาสเตอร์เชฟไทยแลนด์ ที่มีเอกลักษณ์นุ่มๆ ทุ้มๆ แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า เจ้าของเสียงนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นนักแสดงกล้ามล่ำ เอ็กซ์ ปิยะ แม้ในละครส่วนใหญ่จะได้รับบทเป็นตัวร้าย แต่เสียงพากย์ของเจ้าตัวนั้นเรียกว่า นุ่มละมุนไม่แพ้พระเอกเลยทีเดียว แต่กว่าจะเป็นเสียงพากย์แบบที่ได้ยินในรายการ หนุ่มเอ็กซ์ ก็ต้องใช้พลังการในพากย์มากจนถึงกับหอบเลย
View this post on Instagram
View this post on Instagram
กว่าจะได้แต่ละคำไม่ใช่เรื่องง่าย ถือเป็นอีกหนึ่งความสามารถที่ไม่เคยรู้มาก่อน และแม้จะไม่ต่อยได้เห็นหน้าค่าตาผ่านจอทีวีบ่อยนัก แต่เสียงมากน่าจะมีให้ได้ยินอยู่บ่อยๆ เพราะนอกจากพากย์รายการนี้แล้วก็ยังมีโฆษณาอีกหลายตัวเลยทีเดียวที่ทำให้ตอนนี้ หนุ่มเอ็กซ์ขึ้นแท่นเป็นเจ้าพ่อนักพากย์รายการและโฆษณาไปแล้ว สำหรับ เอ็กกซ์ มีผลงานที่โดดเด่นมาจากโฆษณาสบู่ตราดอกบัวคู่ ซึ่งรับบทเป็นจราจรที่เต้นท่ามกลางแสงแดง
และ หลอดไฟซิลวาเนีย ชุด เฮียรักยุทธ โดยรับบทเป็นยุทธ ลูกค้าที่มาซื้อหลอดไฟ หลังจากนั้นมีผลงานโฆษณาในอีกหลายชิ้นต่อมา รวมไปถึงผลงานทางด้านการเดินแบบให้กับสินค้าหลายชนิด ในปีพ.ศ. 2547 ได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง ปักษาวายุ และ คู่แท้ปาฏิหาริย์ จนเป็นที่รู้จักมากขึ้น ส่วนทางด้านละคร มีผลงานเรื่องแรกคือละคร พลิกฟ้าตามล่าเธอ ของค่ายโพลีพลัส ด้วยความที่มีใบหน้าดุดันและเคร่งขรึมทำให้ได้รับบทตัวร้าย นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ในเดือนมีนาคมพ.ศ. 2550 ได้ปรากฏเป็นข่าวเรื่องความรักต่างวัยกับเนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ ดารานักแสดงผู้มากฝีมือ โดยข่าวคราวดังกล่าวเกิดจากบทสัมภาษณ์หลังจากที่ได้ถ่ายแบบร่วมกันในนิตยสารOK โดยบทสัมภาษณ์นั้นได้กล่าวถึงนักแสดงสาวว่าเป็นดาราขวัญใจและอยากร่วมงานกันทำให้เกิดความรักต่างวัยขึ้น ชื่อเสียงของเอ็กซ์เริ่มเป็นที่รู้จักและมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปลายเดือนกันยายน พ.ศ. 2550
ได้ประกาศยุติความสัมพันธ์กับเนาวรัตน์ ลงเนื่องด้วยความคิดเห็นไม่ลงรอยกันจนเกิดอาการบาดหมางกันถึงขั้นไม่ขอร่วมงานเดียวกัน ในปีพ.ศ. 2551 ได้ประสบอุบัติเหตุจากเอ็ฟเฟ็กต์ในระหว่างการถ่ายทำละครธิดาวานร ทำให้เกิดอาการน้ำในหูไม่เท่ากันและมีเสียงคล้ายแมลงเมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีเสียงอึกทึก จึงได้พักรักษาอาการดังกล่าว อีกหนึ่งผู้ชายเซ็กซี่ หน้าเข้ม อย่าง “เอ็กซ์ ปิยะ”
ที่เรามักจำได้ในเรื่องรูปร่างที่เซ็กซี่ และมีผลงานถ่ายหวิวมาตลอด คุณเอ็กซ์เข้าวงการมาได้จากการประกวดเต้น และได้มีโอกาสไปแคสงานโฆษณา จนได้เริ่มงานเดินแบบ และมีโอกาสได้แสดงฝีมือในผลงานละครอย่างต่อเนื่อง และผลงานในวงการบันเทิงที่หลายๆ คนจำได้ คือ การถ่ายแบบเซ็กซี่ โชว์เรือนร่าง คุณเอ็กซ์บอกว่า บางทีเห็นผลงานของตัวเองยังแอบติตัวเองเลยว่ารูปร่างไม่ได้ดีมาก
แต่ก็ยังโชคดีที่ผู้ใหญ่ให้โอกาส เพราะเราก็ไม่ได้เลือกงาน เพียงแค่ทำตามที่ลูกค้าต้องการ สิ่งที่ได้ตามมาจากงานถ่ายเซ็กซี่นั่นก็คือ กระแสการวิจารณ์ หากถามว่า ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้นนั้นจะเริ่มพักการถ่ายแบบหรือไม่ คุณเอ็กซ์ บอกว่า “ไม่คิดที่จะเลิกถ่าย หากอายุมากขึ้นแล้วยังมีรูปร่างที่ดูดีอยู่ แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้ถ่ายเยอะแล้ว เพราะมีหน้าที่ที่รับผิดชอบมากขึ้น ทำให้ไม่มีเวลา”
ข่าวดราม่าที่ผ่านมา ทั้งข่าวลือ ว่าเป็นเกย์ ขายตัว คุณเอ็กซ์ขอเคลียร์ว่า “มันเป็นของคู่กับของคนวงการบันเทิง ชีวิตมันจะจบลงตรงไหนมันจะบอกเราเอง เพียงแค่ตอนนี้เราอยากทำอะไรก็ทำ กระแสวิจารณ์มันจะเปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งที่เราทำ” หากถามว่าซีเรียสกับกระแสที่ถาโถมเข้ามาหรือไม่ คุณเอ็กซ์ตอบว่า “ไม่มีเวลามานั่งซีเรียส เราทุกคนมีจุดยืน สังคมตอนนี้เปิดมากขึ้น
เราไม่จำเป็นต้องโฟกัสมากกว่านี้ ตอนเด็กเราเจออะไรมามากกว่านี้ สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นเพียงแค่ข่าว ข่าวต่างๆ ที่ผ่านมา ที่ทำให้คุณเอ็กซ์เครียดที่สุด นั่นคือ “ยอมไปนอนกับโปรดิวเซอร์เพื่อแลกงาน เจ้าตัวไม่คิดจะออกมาตอบโต้ถึงกระแสที่เกิดขึ้น เลือกที่จะเงียบเพื่อให้เรื่องมันจบไปเอง ตอนนั้นด้วยความที่ยังเด็ก ความเครียดก็จะมากขึ้นเพราะประสบการณ์ในการเจอข่าวน้อย
พอเลยอายุช่วงนั้นมาแล้วก็คิดได้ ว่าเวลาผ่านไปเรื่องราวต่างๆ ก็จะผ่านไปเอง” แม้จะผ่านเรื่องราวความรักมามากมาย มุมมองในความรักของผู้ชายที่ชื่อเอ็กซ์ ปิยะ เมื่อโตขึ้น มุมมองความรักเปลี่ยนไป เพราะความไม่คาดหวัง และไม่คิดจะแต่งงาน! เพราะสิ่งต่างๆ ที่เจอมาทำให้รู้ว่า ชีวิตคู่ชอบสรุปว่า ต้องแต่งงาน ต้องรีบมีลูก บางทีอาจจะไม่ใช่สูตรสำเร็จในการที่ทำให้ความรักยั่งยืน
บางคนใช้ชีวิตด้วยกันจนมีลูกแต่ไม่ได้แต่งงานก็อยู่ด้วยกันได้ เราเลยไม่คิดว่า “ต้องแต่งงาน” และตอนนี้เจ้าตัวยอมรับว่า กำลังมีคนที่คุยอยู่ด้วย แต่ไม่ขอจำกัดสถานะว่า แฟน! บางทีเบื่อก็ไม่คุย หายเบื่อก็คุย เราเลยไม่จำเป็นต้องมีสถานะกับคนนี้ว่าเป็นคนรัก หากแฟนๆ คิดถึงผลงานละคร คุณเอ็กซ์ แม้จะไม่ได้โลดแล่นบนหน้าจอมากนัก ตอนนี้ยังมีผลงานละครรับเชิญอยู่บ้างที่จะได้เห็นกัน
ด้วยเพราะเป็นคนรักษาสุขภาพ อาจจะอยู่ร่วมกับคนสูบบุหรี่เยอะไม่ได้เลยเลือกที่จะไม่ค่อยรับงานในกองถ่ายละคร แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งอาชีพพี่คุณเอ็กซ์ชอบ นั่นก็คือ การพากษ์เสียง นั่นคือความสุขเล็กๆ ของผู้ชายเซ็กซี่ “เอ็กซ์ ปิยะ” นอกจากหุ่นจะซี๊ดถูกใจสาวๆ แล้ว อีกเรื่องที่ฟังแลวซี๊ดไม่แพ้กันก็เห็นจะเป็นเรื่องที่เอ็กซ์ออกมายอมรับว่า “หลงรักคนแก่” ชอบเทกแคร์คุณป้า
เคยตามรับตามส่งมอบดอกไม้คนรุ่นแม่ทั้งโสดและไม่โสดตั้งแต่อายุ 18 จนเกือบจะถูกยิงตาย และแน่นอนว่า “จิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์” ก็เคยเป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นสาวสูงวัยของเอ็กซ์ ฮอตซะขนาดนี้บันเทิงผู้จัดการเลยไม่พลาดที่จะ “เปลือยเป้า….เปิดหัวใจ” ของ “เอ็กซ์ ปิยะ” ปั้น “มังกือ” ให้เป็น “มังกร” “คนจะรู้จักผมจากการถ่ายแบบ และที่ฮือฮากันมากคงเป็นแฟชั่นแนวเซ็กซี่
ส่วนใหญ่ผมจะถูกติดต่อให้ถ่ายกางเกงว่ายน้ำกับกางเกงในก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ซึ่งผมเองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองหุ่นดีก็เลยยังไม่ได้ถ่าย อย่างมากสุดก็คงเป็นแบบใส่กางเกงฟิตๆ แนบเนื้อหน่อย ซึ่งตรงนี้แต่ละคนก็มีเทคนิคของตัวเอง การถ่ายแบบกางเกงในนายแบบบางคนจะต้องปั่น แต่ทุกวันนี้ผมว่าเขาก็ไม่ค่อยสนใจกันแล้วล่ะ เน้นช่วงข้างบนแค่หุ่นดีก็โอเคแล้ว แต่ไอ้ตรงนั้นจะเน้นก็ต่อเมื่อใส่กางเกงในสีขาว
ฉากสีขาวเห็นชัดหน่อย มีน้ำพรมนิดนึงก็จะเปียกหน่อย จะไม่เสียเวลาปั่นกันแล้ว” “ที่ต้องทำคงเพราะอยากให้มันขึ้นมาหน่อย และไม่ให้เอียงซ้ายเอียงขวา อีกอย่างเป็นการโปรโมทหนังสือด้วย ถ้าเกิดคนฮือฮาเพราะตรงนั้นมันเด่นขึ้นมามันก็ดีกับหนังสือดีด้วย แต่ถ้าคนไม่ชอบก็โดนด่าไปเลย” “ผมเองก็ผ่านการถ่ายแบบเซ็กซี่มาเยอะ ทั้งถ่ายเดี่ยวและถ่ายประกบนางแบบ ถามว่ามันเกิดอารมณ์ได้หรือเปล่า
จริงๆ ขึ้นอยู่กับหน้างานว่าเก็บอารมณ์ได้รึเปล่า บางทีอาจมีเพลงด้วย แต่บางทีดีไม่ดีเราอาจเหี่ยวไปเลยก็ได้เพราะว่าเราเครียด กังวลว่าจะทำได้ไม่ดี คือ นาทีนั้นคงไม่ได้คิดถึงเรื่องอารมณ์แบบนั้น เรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับตัวผู้หญิงคนนั้นด้วย และเรามีความรู้สึกพิเศษกับเขารึเปล่า เพราะว่าไม่ใส่อะไรเลยเกิดเราคิดกับเขามันก็เกิดอารมณ์ได้เหมือนกันนะ” เส้นทางรัก “สาวแก่คราวแม่” “ชีวิตผมเจอกับผู้หญิงไม่ค่อยเยอะนะ
ส่วนมากจะอายุเยอะซะมากกว่า (หัวเราะ) ผมเริ่มไปไหนมาไหนกับผู้หญิงอายุเยอะตั้งแต่ผมอายุ 18 คือ คบแล้วมันมีความสุข ถามว่าผมแคร์คนอื่นไหนผมก็แคร์นะเวลาใครมอง แต่บางครั้งผมก็ไม่แคร์” “คนที่ผมไปด้วยจะมีทั้งคนที่โสดและไม่โสด แต่ส่วนมากจะมีลูกกันหมดแล้วอายุ 40 ขึ้นไปผมเรียกป้าหมด เขาก็เอ็นดูผมนะ เดี๋ยววันนี้มากินข้าวกับป้านะลูก เราก็มีความสุขที่ได้อยู่กับเขา
มันก็กุ๊กกิ๊กกันกระหนุงกระหนิงกันบ้างในสไตล์ของเรา ตอนนั้นใจหนึ่งก็กลัวจะโดนไล่ยิง (หัวเราะ) เพราะสามีเค้าไม่รู้ ก็ไม่รู้ว่าที่บ้านเขามีปืนหรือเปล่า ถามว่ากลัวมั้ย กลัวแต่ก็ช่วยไม่ได้…”“การที่เราออกเดตกับคนที่อายุมากกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ผิด เขาทำให้เรารู้สึกปลอดภัย เขาห่วงเรามากกว่าเราห่วงเขา บางทีเขาก็อยากจะเอาเราไปอวดกับเพื่อนๆ บางคนก็เป็นแม่หม้าย บางคนก็เหงา
ซึ่งเรารู้สึกว่าเขาต้องการสิ่งชดเชย เราต้องการความปลอดภัยส่วนเขาต้องการคนเอาใจ เหมือนเขาโดนสามีทิ้งคว้าง ซึ่งถ้าเราทำได้มันก็คือการเติมเต็มซึ่งกันและกัน” “การเทกแคร์ก็เหมือนทำให้แฟน เราไม่ได้ดูอายุเลย เราคิดว่านั่นคือสิ่งที่เราอยากทำ ป้อนน้ำป้อนข้าวให้ดอกไม้ ขับรถให้เพราะเขาก็สายตาไม่ดี ผมติดคนมีอายุมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ตั้งแต่มีความรู้สึกว่ายาย ป้าเลี้ยงมา ไปๆ มา
ก็มีความรู้สึกว่าอยู่กับคนสูงอายุปลอดภัยกว่า อยู่กับเด็กมีแต่ถูกแทงข้างหลัง ก็เลยรู้สึกว่าคนไหนอายุน้อยกว่าจะไม่อยากคบ” “ผมไม่ได้ทำเพื่อขอของกำนัลอะไร แต่ก็มีคนเสนออะไรมาเหมือนกัน นาฬิกาเก่าไปหรือเปล่า อยากได้นาฬิกาใหม่มั้ย มันเป็นปกติที่คนที่กระเป๋าตังค์หนักกว่า ต้องดูแลคนที่กระเป๋าตังค์เบากว่า แต่คนกระเป๋าตังค์เบากว่าจะรับเอามากน้อยแค่ไหน แต่ตอนนั้นผมชอบนาฬิกาเปิดไฟ
แต่ผมมีอยู่แล้วไม่อยากได้ของใหม่ บางทียี่ห้อดีแต่เปิดไฟไม่ได้ผมก็ไม่เอา” “บ้านรถยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย คือเราไม่ได้สานสัมพันธ์สึกซึ้งมากมายขนาดนั้น มันเป็นแค่สิ่งที่เราไปเทคแคร์เขา แล้วทำให้เขาแฮปปี้ ตอนเด็กๆ แค่ขับรถมารับมาส่งที่บ้านก็รู้สึกดีแล้ว แม่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร บอกด้วยซ้ำว่าไปเป็นเพื่อนป้าหน่อย ไปเป็นเพื่อนของแม่หน่อย หลังๆ กลับกลายเป็นว่าเรามีความสุขที่ได้ทำ
พอทำบ่อยๆ บางคนก็เลยมองว่าผมเป็นแมงดา ซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่ก็แค่การเทคแคร์ให้เขามีความสุขก็เท่านั้น มันไม่มีอะไรมากไปกว่า “ที่ผ่านมาผมรู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเอง ผมดูหงอๆ พูดง่ายๆ ก็คือผมเป็นลูกไก่มือเขา แต่คนอื่นอาจจะไม่คิดแบบนั้น คนคิดว่าผมต้องเป็นคนเลวมันต้องเป็นคนที่ข่มเหง แล้วก็ไม่มีใครเอามันอยู่ แต่จริงๆ แล้วผมเป็นคนอยู่นิ่งๆ หงอยๆ ยังไงก็ได้ครับ โอเคครับพี่ ซึ่งมันไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
คือถ้ามันเป็นแบบนี้ ผมมีความรู้สึกว่าเลิกดีกว่า ไม่งั้นผมเป็นตัวของตัวเองมาเมื่อไหล่เขาคงจะหนีผมไปเลย” “เราไม่อยากข้ามเส้นเพราะถ้าเราข้ามเส้นไปเทกโอเวอร์ชีวิตเขา แล้วเราจะแบบ…ไม่เอาห้ามกลับดึก นิสัยผมจะเป็นคนอย่างนี้ ซึ่งคาดว่าเขาคงรับเราไม่ได้หรอก และผมก็ไม่อยากทำแบบนั้นกับพี่เขาด้วย อีกอย่างคือเรารู้กันตั้งแต่แรกว่า คงเป็นคู่ชีวิตกันไม่ได้อยู่แล้ว
แต่ว่าถ้ามาถึงจุดที่ต้องเลิกมันจะต้องเป็นสิ่งที่รับกันไม่ได้จริงๆ แม้กระทั่งเป็นเพื่อนกันมันก็ต้องไม่ได้ เพราะฉะนั้นยังไม่เคยเจอที่รักกันมากเลิกกันแล้วมาเป็นเพื่อนกัน มันต้องหายไปจากชีวิตกันเลย” “เลิกกับเขาผมก็เสียใจนะ เวลาเสียใจผมจะชอบกรีดข้อมือตัวเอง มันเห็นมีดไม่ได้อยากจะกรีดๆ แต่ไม่เคยเข้าหรอกเพราะว่ามีดมันไม่คม แล้วผมจะเป็นประเภทคิดว่าเอ๊ะ…ถ้ากรีดไปแล้วมันไม่ตาย ถ้าเกิดเป็นบาดทะยักมันต้องเสียค่ารักษาเพิ่มอีกนะ
หลังๆ ก็ไม่ทำแล้วเพราะโตขึ้นด้วย สงสารพ่อแม่ ทุกวันนี้ก็เลยเลือกไม่มีแฟนดีกว่าถูกแฟนทิ้ง” “แต่ผมก็ต้องแอบเก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เรารู้สึกดีมาก สำหรับผมแล้วจะให้เขาเป็นคนที่สวยที่สุดในประเทศไทยก็ได้ พูดแบบไม่ต้องคิดเลยก็ได้ ซึ่งที่ผ่านมามันเป็นความภูมิใจอย่างมากเลยที่มีผู้หญิงที่สวยที่สุดมาเป็นแฟน มันก็เป็นความรู้สึกที่ดีมาก แต่พอมันไม่ใช่มันก็เป็นอย่างอื่นไม่ได้”
แหล่งที่มา: https://truststoreonline.com/2018/05/may05-ดาวร้ายผันตัว/