!!หมูกระทะจะเยียวยาทุกสิ่ง!!
คำฮิตติดปาก เฮ้ยเพื่อน หมูกระทะ ป่ะ สอบตก สอบได้ อกหัก เครียดกับงาน เงินเดือนออกหมูกระทะจะเยียวยาทุกสิ่ง เหรอ???? อยากให้คนที่เข้ามาอ่าน อ่านให้จบและลองกลับไปคิดดูใหม่ได้เลย ฮะ
!!เตือนภัย !!คนไทยป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่โดยเฉพาะ บุฟเฟ่ต์ – หมูกระทะ เสี่ยงสูงสุด
ยอดคนไทยป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่พุ่ง โดย ‘สถาบันมะเร็งแห่งชาติ’ ย้ำ หากไม่คัดกรองจริงจังมีสิทธิ์ยอดผู้ป่วยเพิ่ม 2 เท่าภายใน 10 ปี จากการเก็บข้อมูลอัตราผู้ป่วยโรคมะเร็งลําไส้ใหญ่และไส้ตรงพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อเนื่องถึงยอดผู้เสียชีวิตจำนวนมากกว่า 3,000 รายต่อปีอีกด้วย ชี้ชัดนิสัยกินบุฟเฟ่ต์-หมูกระทะเจอภาวะเสี่ยงสูง
โดยเรื่องนี้ ดร.ศุลีพร แสงกระจ่าง รองผู้อํานวยการด้านพัฒนาระบบสุขภาพ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สาเหตุของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ฯมาจาก 7 ประเด็นคือ
- การรับประทานอาหารประเภทเนื้อแดง หรือเนื้อสัตว์แปรรูปอื่นๆ
- น้ำหนักตัวเกินมาตรฐานหรืออยู่ในภาวะอ้วน
- ขาดการออกกําลังกาย
- สูบบุหรี่
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจํา
- มีประวัติเนื้องอกที่ผนังลําไส้ใหญ่และไม่ใช่เนื้อร้าย และ
- ประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลําไส้ใหญ่และทวารหนัก
อนึ่ง สถาบันมะเร็งฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มุ่งเน้นการหารือไปที่สาเหตุเฉพาะอันดับต้นๆ ของมะเร็งลำไส้ใหญ่ฯ ซึ่งน่าวิตกกังวลมากที่สุดนั่นคือการรับประทานอาหารประเภทเนื้อแดง หรือเนื้อสัตว์แปรรูปอื่นๆ ที่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่นิยม โดยเฉพาะเมื่อมีกระแสบุฟเฟ่ต์-ปิ้งย่าง ยิ่งกระตุ้นการบริโภคมากขึ้นไปอีก และมองข้ามอันตราย เนื่องจากเนื้อแดงและเนื้อสัตว์แปรรูปใส่สารไนเตรทและไนไตรท์หรือดินประสิวเพื่อให้เนื้อสัตว์มีสีแดง รวมทั้งในกุนเชียง ไส้กรอก เบคอน เนื้อเค็ม ลูกชิ้น แหนมสด ปลาแห้ง เนื้อแห้ง เป็นต้น เพื่อให้มีอายุยาวนานขึ้น
โดยแนวทางการรณรงค์ต้องเน้นให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสาธารณะ ลดหรือหลีกเลี่ยงเนื้อแดงและเนื้อสัตว์ที่ผ่านกระบวนแปรรูปทั้งแบบอุตสาหกรรมและการผลิตแบบชุมชนที่ไม่มีมาตรฐาน รวมถึงเนื้อสัตว์ปิ้งย่างที่ไหม้เกรียม หรือทอดด้วยน้ำมันทอดซ้ำ รวมถึงให้ความรู้ถึงปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงร่วมของมะเร็งต่างๆ เช่น การไม่ออกกำลังกาย น้ำหนักเกิน และการสูบบุหรี่ ขณะเดียวกันต้องให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์เพื่อให้คนนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องด้วย โดยเฉพาะการบริโภคเนื้อแดงต้องไม่ควรมากกว่า 500 กรัมต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่หลายประเทศใช้อ้างอิง
ขณะเดียวกัน จะต้องร่วมมือกับผู้ผลิตเนื้อสัตว์แปรรูปให้ติดฉลากให้ชัดเจนเพื่อให้ผู้บริโภคได้เห็นข้อมูลได้ง่ายว่ามีไนเตรทและไนไตรท์มากน้อยอย่างไร เพื่อตัดสินใจเลือกซื้อโดยยึดหลักเกณฑ์ของ อย.เป็นหลัก อาทิ ในผลิตภัณฑ์เนื้อหมักที่กำหนดให้มีเกลือโซเดียมไนไตรท์ได้ปริมาณไม่เกิน 125 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และโซเดียมไนเตรทได้ปริมาณไม่เกิน 500 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
ไม่ใช่ว่าห้าม แต่เลือกกินได้ก็ดี เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเราเอง
แหล่งที่มา: http:// https://www.hfocus.org/content/2018/07/16037(URL แบบเต็ม)