หุบเขาแสงจันทร์ ตอนที่ 42 (ความลับในคลื่นลวง)
ซายอไม่ชอบฮารีและครอบครัวของหล่อน นับแต่คนกลุ่มนี้ทำตัวเป็นนายหน้าหาชายหนุ่มในชนเผ่าไปทำงานเป็นลูกเรือของไต๋กงเชาว์ ด้วยข้อเสนอที่สวยงามคือเงินค่าจ้างที่สามารถซื้อหาความสบายอะไรก็ได้บนฝั่งทางโน้น
“นับแต่นี้ไป กูห้ามพวก-ึงชักชวนคนในหมู่บ้านเราไปเป็นลูกเรือของไต๋กงเชาว์อีก”
สายตาซายอจ้องมองฮารีอย่างจับจด..
ถ้อยคำของเขาคราวนี้ เป็นคำบังคับจริงจัง
ปานะซึ่งอยู่ข้างๆฮารีน้องสาว ก้าวเท้าออกมายืนนอกกลุ่มชาวบ้าน
“-ึงมีสิทธิ์อะไรมาสั่งพวกกู ถึงพวกกูจะยกให้-ึงเป็นหัวหน้า แต่ชีวิตการกินอยู่พวกกูทุกคนมีสิทธิ์ตัดสินใจเอง”
ซายอค่อยๆย้ายสายตาจับจดที่จ้องฮารี หันมาจ้องมองชายหนุ่มวัยใกล้ๆกันแทน ซายอค่อยๆก้าวเท้ามายืนประจันหน้าปานะ พร้อมๆกับถ้อยคำอันเยือกเย็น
“แต่พวก-ึงก็ไม่สิทธิ์ยื่นความตายให้กับพวกกู”
จนถึงวันนี้ซายอยังไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมพี่น้องคู่นี้รวมถึงพ่อของมัน ถึงทำตัวสนิทชิดเชื้อกับไต๋กงเชาว์นัก
วันเวลาเพียงแค่ปีเศษๆ มันจะมักคุ้นได้สักเพียงไหนกัน แล้วคนพวกนั้นกับคนอย่างพวกเขา ก็คนละสายเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ มันอาจจะใช่อยู่บ้าง หากไต๋กงเชาว์จะทำดีกับสามคนพ่อลูก เพราะสิ่งที่ไต๋กงต้องการคือแรงงานจากมอแกนราคาแสนถูก ที่พ่อลูกกลุ่มนี้เป็นธุระจัดหามาให้ได้ง่ายๆ
และมันก็ใช่อยู่บ้างที่ฮารี ปานะและพ่อของมัน จะชอบพอและเดือดร้อนแทนไต๋กงเชาว์ หากจะมีใครสักคนมาให้ร้าย เพราะไต๋กงเป็นนายจ้างซึ่งปานะและพ่อของมันทำงานเป็นลูกเรืออยู่ด้วย ทั้งเงินค่าจ้างจากการเป็นลูกเรือและเงินค่านายหน้าที่ช่วยจัดหาแรงงานมอแกนในหมู่บ้านไปให้ไต๋กง อาจจะไม่มากมาย แต่มันก็ทำให้การดำรงชีวิตอยู่ของครอบครัวนี้ดีกว่าใครๆบนเกาะแสงจันทร์
ดีจนใครหลายคนอยากเดินรอยตาม
เพราะหวังฝันว่าชีวิตของพวกเขาจะดีขึ้น
แต่หลายคนที่ว่า ก็เอาชีวิตไปทิ้งอยู่กลางทะเลอย่างมีเงื่อนงำ
ปล่อยญาติพี่น้องทางนี้ ทุกข์โศกอยู่กับความสูญเสีย และไม่อาจเรียกร้องเอาความจากใครได้เลย แม้ในบางครั้งทั้งปานะและพ่อของมันจะอยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้นด้วย แต่สองคนพ่อลูกก็พูดด้วยถ้อยความเดิมๆว่าคนพวกนั้นเมาตกทะเลไปเอง
“ลูกของกูมันกินเหล้าไม่เป็น -ึงจะมาใส่ความมันทำไมอีฮารี”
เสียงของหญิงมอแกนสูงวัยดังขึ้น แม้ร่างกายของหล่อนจะชราภาพไปมากมาย แต่การต้องสูญเสียบุตรชายคนสุดท้ายไปอย่างไม่นึกฝัน ไม่ได้พบเห็นแม้เพียงร่าง ไม่ได้แม้แต่ทำพิธีกรรม มันยิ่งทำให้หล่อนเจ็บร้าวหัวใจนัก และความเจ็บร้าวนั้นมันไม่อาจทำให้หล่อนทานทนได้อีกต่อไป
ฮารีหันหลังกลับไปมองยังเจ้าของเสียง ที่ยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของชาวบ้านน้อยใหญ่อย่างนึกเคือง
“ก็ไต๋กงฝากเงินมาให้ป้าแล้วไง”
“นี่มันหมายความว่ายังไง”
เสียงสอดแทรกของบูงอดังขึ้นอีกหน
หญิงสาวงุนงงกับเรื่องที่กำลังโต้แย้งกันอยู่ตรงหน้า หล่อนเพิ่งกลับมาเพียงแค่ยามสายของเมื่อวาน ยังไม่มีเวลาได้ถามข่าวคราวจากใครเลยสักนิด ไอ้มีดะห์เด็กรุ่นน้องที่หล่อนเคยวิ่งเล่นหัวด้วย นี่มันจบชีวิตไปอีกคน กับเหตุผลและเรื่องเล่าแบบเดิมๆอีกหรือนี่
“จะหมายความว่ายังไง ก็ไต๋กงเชาว์ฝากเงินมากับกูให้ป้ามีแลแล้วเจ็ดพัน ไอ้สามคนก่อนที่มันตกทะเลตายไป ไต๋กงยังให้เงินญาติพวกมันแค่คนละห้าพันเอง หรือ-ึงว่ามันน้อย”
ฮารีหันกลับมามองบูงอที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างไม่พรั่นพรึง
บูงอจ้องมองหญิงสาวมอแกนรุ่นน้องอย่างนึกชัง ชังทั้งกิริยาท่าทีและคำพูดที่แสดงความคิดแบบโง่ๆ
“-ึงจำไว้นะอีฮารี ชีวิตของพวกเราทุกคนมันมีค่ามากกว่าเงินพวกนั้น”
กล่าวถ้อยคำเสร็จ บูงอก็รีบก้าวเท้าเดินมาฝั่งตรงข้ามหาป้ามีแล
เสียงสะอื้นไห้ของหญิงมอแกนวัยชรา ทำให้บรรยากาศการประชุมตึงเครียดขึ้น บูงอรีบดึงป้ามีแล พร้อมเรียกบอกป้าบูแลและลางิให้ปลีกตัวออกมา เพื่อกลับเรือนทันที
เหตุการณ์เริ่มผ่อนคลาย..
เมื่อบูงอพาร่างของป้ามีแลหายลับไปจากหน้าเรือนของซายอ
วาทะประจันหน้าระหว่างปานะและซายอ
เริ่มคลายความเร่าร้อนแห่งอารมณ์..
เพราะซายอนึกได้ว่า ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องแจ้งให้ชาวบ้านทุกคนทราบอีก ซายอค่อยๆหันหน้ากลับมามองชาวบ้านน้อยใหญ่ที่กำลังตั้งใจฟังความจากเขาต่อ เรื่องราวของคนบนฝั่งที่เป็นตัวแทนของทางราชการ กำลังจะเข้ามาพัฒนาพื้นที่บนเกาะแห่งนี้พรั่งพรูออกมา คำถามและความไม่เข้าใจมากมายเกิดขึ้นในแววตาของมอแกนน้อยใหญ่ ที่กำลังรายล้อมฟังเรื่องราว
หลายชีวิตกลัวว่า คนบนฝั่งพวกนั้นอาจจะเข้ามายึดพื้นที่บนเกาะแห่งนี้เอาไปเป็นของพวกมันก็เป็นได้ คำอ้างว่าเข้ามาพัฒนาพื้นที่ฟังดูดี แม้จะไม่เข้าใจความหมายของมันเต็มร้อยก็ตาม แต่มอแกนหลายชีวิตก็รู้สึกไม่ชอบพอการตัดสินใจของซายอนักที่ยอมให้คนพวกนั้นขึ้นมาบนเกาะแสงจันทร์
หากเรื่องร้ายๆเป็นอย่างที่คิด มอแกนทั้งหมดอย่างพวกเขาจะเป็นเช่นไร นับวันผ่านปี เกาะแก่งทั่วทะเลอันดามันเริ่มถูกคนบนฝั่งเข้ามายึดครองมากขึ้นทุกที แล้วล่าสุดก็คือเกาะดาวเหนือที่ซายอเพิ่งบอกเล่า
หากสักวันคนบนฝั่งพวกนั้น เข้ามายึดครองเกาะแก่งทั้งหมดแล้วเล่า หน้ามรสุมฝนหลากกว่าหกเดือนในแต่ละปี มอแกนอย่างพวกเขาจะมีพื้นดินที่ไหนหลบพักได้อีกหรือ
ในจิตใต้สำนึกของมอแกนบางชีวิต
แล้วทำไมเราไม่ลุกขึ้นสู้
ทำไมเราต้องกลัวกฎหมายพวกนั้น
จนยอมแม้จะไม่เหลือแผ่นดินให้อาศัยอย่างนั้นหรือ..
“-ึงคิดยังไงถึงยอมให้คนพวกนั้นขึ้นมาบนเกาะของพวกเรา”
ชายมอแกนสูงวัยคนหนึ่ง ถามซายออย่างนึกสงสัย เพราะกว่าหกปีที่มาผ่านมา ชายฉกรรจ์ผู้นำชนเผ่าคนนี้ไม่เคยแม้สักครั้งจะยอมให้คนภายนอกขึ้นมาบนเกาะแสงจันทร์.. ..
อ่านต่อในครั้งหน้า
หุบเขาแสงจันทร์ / นฤดม
สำนักพิมพ์บ้านทะเลล้อม 2008
ความเดิม ตอนที่ 41 https://board.postjung.com/1093564.html