หุบเขาแสงจันทร์ ตอนที่ 41 (ความลับในคลื่นลวง)
แล้วหากเป็นเช่นนั้นจริง หล่อนจะมีหน้ามีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร หล่อนจะทนต่อความผิดหวังอันรุนแรงนั้นได้สักแค่ไหนหนอ
แม้หล่อนจะถือกำเนิดมาอย่างมีเผ่าพันธุ์แตกต่างจากคนบนฝั่ง ไร้ค่า ไร้สิทธิ์ ไร้เสียงในโลกใบนี้ แต่ความเป็นตัวตนของหล่อนก็ยังมีอยู่ หล่อนมีเลือดเนื้อ มีชีวิต มีหัวใจเหมือนมนุษย์ทุกคนบนโลก หล่อนหวาดกลัวแม้จะถามใจตัวเอง หากทุกอย่างเป็นจริง หล่อนคิดอยู่ว่าลมหายใจของหล่อนอาจหยุดหายไปในบัดนั้น พร้อมๆกับหัวใจที่แตกสลายลง..
เสียงครื้นเครงดั่งงานเริงระรื่นเบาบางลงเมื่อยามดึก
หากแต่บูงอ..ก็ยังคงฝังตัวมิดชิดอยู่บนเรือน จวบจนป้าและหลานกลับเข้ามา จึงได้ถึงเวลาหลับนอน คืนนี้ยิ่งดึกพระจันทร์ยิ่งทอแสงสวย แต่อาณาบริเวณรอบเกาะและแผ่นน้ำทะเลที่รายล้อม ยิ่งดึกก็ยิ่งเงียบสงัด..จนน่ากลัว
พระจันทร์ดวงเหลืองอร่าม
ค่อยๆจางเลือนเมื่อยามรุ่งสาง
เมื่อพระอาทิตย์แสงสวย
เริ่มจับริมขอบฟ้าแรกด้านทิศตะวันออก
ฟ้าที่เคยมืดดำ ค่อยๆกลายเป็นสีทองทั่วแผ่นฟ้ากว้างใหญ่ และค่อยๆกลายเป็นสีฟ้ากระจ่างตา เมื่อพระอาทิตย์เริ่มขึ้นจับขอบฟ้ามาได้ระยะหนึ่ง
หน้าชายหาดบรรยากาศยามนี้ ผิดกับเมื่อค่ำคืนที่เพิ่งพ้นผ่านลิบลับ ไร้ผู้ ไร้คน ไร้เสียงของงานรื่นเริง มีเพียงเสียงสาดซัดของคลื่นทะเลที่กระทบเข้าหาฝั่งระลอกแล้วระลอกเล่า ภาพเค้ารางของงานค่ำคืนที่เพิ่งผ่านพ้น เหลือเพียงซากเหงาๆของลอโปงยังคงตั้งวางอยู่เรียงราย และเศษสิ่งของต่างๆในงานพิธีที่เกลื่อนกลาดทั่วอาณาบริเวณ
กว่าชีวิตชีวาจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ก็เมื่อตะวันส่องแสงกระจ่างฟ้ามาได้ระยะใหญ่ เสียงร้องเรียกตะโกนบอกให้ชาวบ้านทุกคนมาร่วมประชุมที่หน้าเรือนของซายอดังขึ้น เมื่อยามสายที่แสงแห่งตะวันยังไม่ร้อนแรง
“ที่เรียกทุกคนมาในวันนี้ กูมีเรื่องสำคัญจะบอกกล่าวอยู่สามเรื่อง”
ซายอซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของชาวบ้านทั้งหมด ตะเบ่งเสียงบอกเล่าขณะกวาดสายตาไปทั่วยังชาวมอแกนน้อยใหญ่ ที่กำลังตั้งใจฟังคำของเขาอย่างเชื่อและศรัทธา
“เรื่องแรกนับจากวันนี้ เมื่อถึงฤดูออกหาปลา ห้ามพวกเราไปหยุดพักเรือที่เกาะดาวเหนืออีก เพราะที่นั่นมีคนจากบนฝั่งมาครอบครองพื้นที่ไปแล้ว หากพวกเราขึ้นไปอาจจะถูกพวกมันทำร้ายด้วยแรงคน หรือไม่ก็ด้วยกฎหมาย”
คำว่า “ถูกทำร้ายด้วยแรงคน” ชนเผ่าอย่างพวกเขาทุกคนพอจะเข้าใจ แต่คำว่า “ถูกทำร้ายด้วยกฎหมาย” ยังคงมีอีกหลายคนในชนเผ่าที่ไม่เข้าใจความหมายของมัน และที่เข้าใจก็พอปะติดปะต่อเอาจากประสบการณ์ เมื่อยามต้องเจอคนบนฝั่ง ทั้งไทย พม่า อินเดีย หรือไม่ว่าชายฝั่งไหนๆ ทั่วทะเลย่านนี้ เขารับรู้และพอเข้าใจเป็นทำนองว่า คนเหล่านั้นดำรงชีวิตอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์บางอย่าง ที่แตกต่างจากพวกเขาโดยสิ้นเชิง
“กฎหมายนี่ท่ามันจะดี ที่ทำให้พวกมันทำอะไรก็ได้ทั่วทะเลและเกาะแถบนี้”
เสียงของบูงอดังขึ้น เลือดคนทะเลของหล่อน มันข้นไม่มีจาง แม้จะมีเสียงเงียบอยู่ชั่วครู่กับคำสอดแทรกของหล่อน
แต่ชั่วครู่นั้นก็ไม่มีใครใส่ใจอะไรอีก ซายอเริ่มต้นบอกเล่าเรื่องที่ต้องการให้ทุกคนทราบต่อ มีเพียงสายตาเคืองๆนิดๆของชายหนุ่ม ที่ยามกวาดมองยิปซีสาวอยู่เป็นระยะ หรือความเคืองอารมณ์นี้มันจะมีอยู่ทุกครั้งที่พบเจอหล่อน
“เรื่องที่สอง พวก-ึงทุกคนคงรู้เรื่องของมีดะห์ที่ไปทำงานเป็นลูกเรือของไต๋กงเชาว์แล้ว มันเป็นคนที่สี่ของพวกเรา ที่ตกเรือตายขณะออกไปหาปลากับเรือเดินทะเลของไต๋กง นับจากนี้กูขอให้ใครก็ตามที่กำลังตัดสินใจจะไปทำงานกับไต๋กงเชาว์ ให้เลิกความคิดนี้เสีย จนกว่าพวกเราจะรู้ความจริง”
ยังไม่ทันที่ซายอจะกล่าวคำต่อ
เสียงสอดแทรกของหญิงสาวอีกคน ก็ดังขึ้นอีกหน
“ความจริงของ-ึงมันคืออะไร”
เสียงของฮารี เหมือนไม่ค่อยพอใจคำบอกกล่าวของซายอนัก
“พี่กูกับพ่อกู ก็ทำงานกับไต๋กงมากว่าปี ไม่เห็นจะมีอะไร เท่าที่กูรู้ ไอ้ดะห์มันเมาตกทะเลไปเอง พี่ชายกูอยู่ในเหตุการณ์ ลงไปช่วยก็ไม่ทันแล้ว”
สายตาของซายอหันขวับไปที่เจ้าของเสียงสอดแทรกนั้น เขาจ้องมองหล่อนอย่างไม่สบอารมณ์ มันคือความรู้สึกไม่ชอบพอ เกลียดชังที่แตกต่างจากหญิงสาวที่พูดสอดแรกคนก่อนหน้า
สำหรับบูงอแล้ว
เขาเกลียดหล่อน เพราะหัวใจสั่งให้เป็นแบบนั้น
แต่สำหรับฮารี
เขาเกลียดหล่อน ด้วยเหตุและผลแท้ๆประการเดียว
อ่านต่อในครั้งหน้า
หุบเขาแสงจันทร์ / นฤดม
สำนักพิมพ์บ้านทะเลล้อม 2008
ความเดิม ตอนที่ 40 https://board.postjung.com/1092872.html