เรื่องพุงๆ ต่อให้หยุดกิน ก็ลดไม่ได้
กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง ไขมันอยู่กับพุง เรื่องกินไม่เข้าใครแต่ออกพุงเนอะ เราก็เป็นคนนึงที่ชอบกินพวกน้ำหวาน และหมูกระทะมากกกก น้ำหวานเรากินแทบทุกวันค่ะ ชาเขียวนมเข้มๆ เนี่ย คือของโปรด ถ้าไม่ได้กินแล้วแทบไม่มีพลังทำงานเลยล่ะ ส่วนหมูกระทะก็ไม่แพ้กันจร้า กินแทบทุกอาทิตย์ จนพนักงานจำหน้าได้แล้วอ่ะ
สุดท้ายจากที่เราเคยคิดว่า ถ้าเราแขนไม่ใหญ่ ขาไม่บวม ก็เป็นคนผอม ที่จริงไม่ใช่เลยค่ะ เพราะไขมันมันไปจุกอยู่ที่พุงล้วนๆ เจ็บใจนะเวลาเห็นใครใส่ชุดรัดๆ ชุดโชว์พุงแล้วดูสวย มองกลับมาที่ตัวเอง แต่ละชุดมีแต่ชุดพรางท้อง เพื่อให้ดูไม่ออกว่าพุงโต
ปล่อยตัวเองจนลืมว่าครั้งสุดท้ายที่ใส่บิกินี่โชว์หุ่นสวยๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ต้องไปเอาออกด้วยการลดน้ำหนัก ซึ่งส่วนใหญ่ เราจะเน้นไปทางพวกทานอาหารสายยำ หรือแกงเปรอะ ส่วนพวกหมูกระทะ ก็ยังพอกินบ้างค่ะ เดือนละครั้ง พอให้หายอยาก ส่วนชาเขียวนม ก็ลดลงบ้างตามลำดับ ทำอย่างนี้อยู่ครึ่งปีได้ แต่หน้าท้องเราก็ไม่ค่อยลดเท่าไหร่ค่ะ มันดูไม่เพรียวเอาซะเลย
เราก็หาวิธีใหม่ค่ะ คือเรื่องอาหารก็ยังลดกินของหวานๆ มันๆ อยู่นะคะ แต่ก็อยากมีตัวช่วยเพิ่ม จนได้มาเจอวิธีดูดไขมันออกไปค่ะ เราคิดว่านี่น่าจะเป็นวิธีที่ง่ายและปลอดภัยกว่าการกินยาลดน้ำหนักที่โฆษณาตามเฟสแน่ๆ และจากที่เข้าไปปรึกษากับคุณหมอที่คลินิกแห่งหนึ่งก็ได้ความรู้กลับมาอีกบานเลย คุณหมอบอกว่าไขมันส่วนใหญ่ของเรานั้น จะสะสมได้สองช่วง คือใต้ผิวหนัง และใต้กล้ามเนื้อ
-ไขมันใต้ผิวหนังส่วนใหญ่จะเกิดจากการที่เรากินเยอะ แต่ไม่ค่อยได้ขยับร่างกาย ทำให้มีไขมันสะสมง่าย ดูจากเวลาเราจับพุงแล้วมีเนื้อนิ่มๆ หนาๆ ติดมือเยอะๆ นี่แหละค่ะ
-ไขมันช่องท้อง เป็นส่วนมีไขมันสะสมได้มากเหมือนกัน แต่เราจับไม่ได้ ถ้าใครมีไขมันตรงนี้เยอะให้สังเกตว่าท้องเราจะป่องอยู่ตลอดเวลา
ที่จริงมีไขมันส่วนอื่นในพุงเราอีก แต่จะไม่เยอะมากเท่า 2 ข้อบนค่ะ
ทีนี้จะทำยังไงให้ไขมันลดลงเร็วๆ ได้ คุณหมอบอกแบบไม่อุ๊บอิ๊บเลยว่าออกกำลังกายดีที่สุด แต่ต้องใช้เวลา เห็นผลช้า ถ้าอยากพึ่งทางลัดอย่างการดูดไขมันก็ได้เหมือนกันค่ะ เพียงแต่หลังดูดไขมันแล้วก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีด้วย ไม่งั้นถ้าปล่อยตัวเองนานไป เราก็มีโอกาสกลับมามีไขมันส่วนเกินได้อีก
หลังจากที่ฟังและตัดสินใจซักพัก เราก็คิดว่าเราอยากดูดไขมันค่ะ ซึ่งคุณหมอก็ขอนะคะ ว่าหลังจากดูดไขมันออกไปแล้ว เราต้องออกกำลังกายบ้าง ซักอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง อย่าให้ขาด เพื่อให้ร่างกายเราเกิดการเผาผลาญบ้างค่ะ
ซึ่งการดูดไขมันเราก็ต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนนะคะ จะได้ไม่เกิดผลเสียหลังการดูดไขมันค่ะ อย่างเช่น อาหารเสริม แอลกอฮอล์ งดไปเลย แล้วก็พักผ่อนให้พอ อย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมงค่ะ
ส่วนขั้นตอนการทำก็คงเหมือนที่คลินิกอื่นๆ เค้าทำกันนี่แหละเนอะ มีฉีดยาชา และก็ดูดไขมัน ซึ่งเราว่าไม่เจ็บเลย ชาๆมากกว่า
ไขมันเราหลังดูดไขมันออกไปค่ะ
หลังดูดไขมันก็ต้องดูแลตัวเองเหมือนกันนะคะ ของเราช่วง 2 วันแรก จะมีน้ำเกลือและเลือดบางส่วน ซึ่งเป็นของเสียขับออกมาจากแผลตลอด ช่วงนี้ก็ต้องดูแลดีหน่อย เปลี่ยนผ้าที่ซับบ่อยๆ อย่าปล่อยให้ชุ่มเดี๋ยวแผลจะติดเชื้อง่าย พอครบอาทิตย์ก็ต้องตัดไหมค่ะ
นี่ไหมของเราค่ะ เส้นไม่ยาวเพราะเป็นแค่แผลเล็กๆ
หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรมากค่ะ แต่ต้องใส่สเตย์รัดหน้าท้องตลอดเวลา 1 เดือน หลังจากนั้นจะใส่บ้างก็ได้ เพื่อพุงกระชับ ไม่ให้หย่อน หรือเป็นคลื่น แต่เราก็มีแอบอุ๊บอิ๊บไม่ใส่บ้างเป็นบางวันเพราะมันอึดอัดจริงๆ แต่กลับมานอนก็ใส่ค่ะ
สเตย์ที่ใส่เป็นแบบนี้ค่ะ แน่นพุงสุดๆ
พุงแฟบอยู่นะคะ ตอนนี้ใส่บิกินี่สวยเลยค่ะ ไม่อายใครแล้ว
มีกำลังใจออกกำลังกายขึ้นเยอะเลยค่ะ
พุงสวยใส่อะไรก็สวยเนอะ 5555
ผ่านมาตอนนี้ก็ครบเดือนแล้วค่ะ เราเริ่มออกกำลังกาย เข้าฟิตเนส ฟิตพุง ไม่ให้กลับไปย้วยอีก เราว่าการดูดไขมัน มันไม่ได้แย่อย่างที่หลายคนคิด ที่ว่า อ้วนก็ออกกำลังกายสิ อ้วนก็ลดการกินซะสิ คือถ้าให้ทำเราว่ามันก็ทำได้นะคะ แต่ว่าบางทีการเริ่มจาก 0 มันท้อมากกว่าจะถึง 100 สู้เริ่มจาก 100 แล้วไม่ให้กลับไปเป็น 0 ดูเหมือนจะง่ายกว่า นานาจิตตังเนอะ เราไม่ได้อยากให้ทุกคนไปดูดไขมันนะคะ ถ้าฟิต มีกำลังใจ ในการลดน้ำหนักได้ ก็น่าชื่นชมมากๆ แต่เราแค่มาบอกประสบการณ์ที่เราได้ไปทำมาและได้ผลเท่านั้น แค่ชอบ เราก็พอใจแล้วล่ะค่ะ