ร้อย (ไหม) ยกกระชับ
เมื่อตัวเลขอายุเพิ่มมากขึ้น ใบหน้าก็เหมือนอวัยวะอื่นๆ ของร่างกายที่จะต้องเกิดภาวะเสื่อมสภาพตามธรรมชาติ โดยมีหลักฐานแสดงชัดเจนให้เห็นบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย ความเหี่ยวย่น ความหย่อนคล้อย และร่องลึก แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับช่วงวัยของแต่ละคน รวมทั้ง ปัจจัยแวดล้อมต่างๆ เช่น การใช้ชีวิตประจำวัน การดูแลสุขภาพ การออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร การพักผ่อน การไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ เป็นต้น
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับชั้นผิวหนังของมนุษย์กันก่อน ชั้นผิวหนังของมนุษย์ประกอบด้วย 4 ชั้นหลัก ได้แก่
- ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) เป็นผิวชั้นนอกสุด ประกอบด้วยเซลล์ที่ตายแล้วเป็นส่วนมาก ทำหน้าที่เป็นเยื่อห่อหุ้มร่างกาย และรองรับการเสียดสี นอกจากนี้ ยังมีท่อต่างๆ ที่ต่อออกมาจากต่อมที่อยู่ในชั้นหนังแท้อีกด้วย
- ชั้นหนังแท้ (Dermis) เป็นผิวหนังชั้นกลาง ถือว่าเป็นจุดหลักในการทำงานของผิวหนัง ประกอบด้วยเซลล์ประสาท, เส้นประสาท, เส้นเลือด, ต่อมเหงื่อ, ต่อมไขมัน และเซลล์ต่างๆ อีกมากมาย รวมถึง คอลลาเจน(Collagen) และ เนื้อเยื่ออีลาสติน (Elastin) ด้วย
- ชั้นใต้ผิวหนัง (Hypodermis) ชั้นนี้ส่วนใหญ่เป็นไขมัน ทำหน้าที่ในการรับแรงกระแทก เป็นฉนวนกันอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง และยึดเหนี่ยวระบบผิวหนังไว้กับร่างกาย
- ชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) อยู่ลึกจากชั้นไขมัน เป็นเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อของใบหน้า ลักษณะเป็นเนื้อเยื่อพังผืด ซึ่งมีความเหนียวและหนา อีกทั้งมีความสำคัญที่สุดต่อการดึงหน้าให้ยกกระชับ เนื่องมาจากชั้น SMAS มีความสัมพันธ์กับผิวหนังและชั้นผิวหนังด้านบน และยังมีคอลลาเจนแนวนอนเกาะสอดประสานกันเป็นเส้นใยเหมือนเกลียวเชือก มีความแข็งแรงและทนทานอยู่ในบริเวณนี้เป็นจำนวนมาก
ดังนั้น เมื่ออายุเข้าสู่วัย 30 ปีเป็นต้นไป ผิวหนังจะเริ่มแสดงสัญญาณการเสื่อมสภาพของผิวหนังให้เห็นเป็นริ้วรอย ความหย่อนคล้อย ร่องลึกบริเวณมุมปาก เกิดเหนียงใต้คาง และลำคอไม่กระชับ เนื่องจากไขมันในชั้นใต้ผิวหนังเริ่มเกิดการแยกตัว และเมื่ออายุเริ่มมากขึ้นก็จะยิ่งแสดงความเหี่ยวย่น หย่อนคล้อยเพิ่มขึ้น
การใช้ไหมในการยกกระชับใบหน้า เป็นหนึ่งวิธีการยกกระชับใบหน้าสำหรับคนที่มีใบหน้าหย่อนคล้อย ซึ่งเริ่มเป็นที่นิยมทางศัลยกรรมตกแต่งมาตั้งแต่ปี 2012 หรือเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา โดยไหมที่มีการนำมาใช้ในช่วงแรกคือ ไหมก้างปลา ต่อมาได้มีการพัฒนาไหมชนิดต่างๆ ขึ้นมาเพื่อแก้ไขจุดด้อยของไหมก้างปลาที่ให้ผลระยะสั้นๆ และการเกาะเกี่ยวที่แข็งแรงขึ้น เช่น ไหมรูปกรวย ไหมชนิดตาข่าย เป็นต้น แม้การร้อยไหม แม้จะดูง่าย แต่จะให้ได้ผลดีต้องอาศัยความรู้พื้นฐานทางศัลยกรรม รวมถึง ไหมที่สามารถยกกระชับหน้าได้จริง ต้องเป็นไหมที่มีการเกาะเกี่ยวที่แข็งแรง เพื่อดึงผิวหน้าที่หย่อนคล้อยขึ้นมา
ข้อดีของการร้อยไหม คือ ไม่มีบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น ไหมสามารถย่อยสลายได้ภายใน 6-10 เดือน ค่าใช้จ่ายไม่สูง นอกจากนี้ ยังสามารถเข้าถึงชั้นผิวที่การผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า (Facelift) เลาะเข้าไม่ได้ เพราะอาจเกิดอันตราย ดังนั้น ในกลุ่มที่มีการผ่าตัดดึงหน้ามาแล้ว ประมาณ 6 เดือนขึ้นไป สามารถเข้ารับการร้อยไหมควบคู่ เพื่อให้ผลในการยกกระชับผิวเพิ่มขึ้น