รีวิวดูฤกษ์แต่งงานกับหมอดูซินแส แชร์ประสบการณ์ชีวิตคู่หลังแต่งงาน
ชีวิตดีๆ หลังแต่งงาน มันมีอยู่จริงครับ สำหรับตัวผมกับแฟนนะครับ แต่สำหรับคนอื่นผมไม่รู้เพราะบางคู่หลังแต่งงานแล้วไปกันไม่รอดก็ถือเป็นเรื่องโชคชะตาหรือดวงใครดวงมันก็แล้วล่ะครับ เรื่องของผมมันมีอยู่ว่า เมื่อปลายปี ธ.ค. ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา ผมกับแฟนขึ้นไปเที่ยวที่เชียงใหม่ เพราะแฟนเป็นคนเชียงใหม่ก็เลยถือโอกาสมาเที่ยวพร้อมกับมาเยี่ยมพ่อกับแม่แฟนด้วย ซึ่งผมกับแฟนก็ตั้งใจอยู่แล้วที่จะมาพูดถึงเรื่องแต่งงานของเราทั้งสองคน หลังจากที่คบหาดูใจกันได้ 2 ปี แม้จะใช้เวลาคบกันไม่มากก็ตามที แต่ความจริงที่สัมผัสได้คือตั้งแต่คบกันอะไรๆ มันก็ดีและลงตัวไปหมดครับ ส่วนฝ่ายคุณพ่อคุณแม่ของแฟนผมท่านก็ยินดีที่จะให้ลูกสาวได้แต่งงาน ท่านทั้งสองบอกว่าก็ให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอให้ถูกต้อง ตอนนั้นผมรู้สึกดีใจมากเลยครับ หลังจากได้มากราบและพูดคุยกับพ่อแม่แฟนเสร็จเรียบร้อย แฟนก็พาไปเที่ยวเชียงใหม่พร้อมชวนผมไปดูดวงกับหมอดูท่านหนึ่ง แกชื่อว่า อาจารย์ อู๋ สมการ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ อ.อู๋ แกทายดวงผมกับแฟนได้อย่างแม่นมาก โดยแกทายดวงผมว่าทำงานเป็นช่าง ซึ่งก็จริง ปัจจุบันผมเป็นช่างเครื่องยนต์ อยู่ที่อู่รถแถวรังสิตปทุมธานี และก็ทายว่าแฟนทำงานด้านบัญชี ซึ่งก็ถูกต้อง แฟนทำงานบัญชีในโรงงานแถวนวนครปทุมธานี เราทั้งคู่ทำงานอยู่ละแวกใกล้ๆกัน พออาจารย์แกทำทายทายทักดวงผมกับดวงแฟนเสร็จ แฟนผมก็เลยเอ่ยปากอยากให้ อ.อู๋ ช่วยดูฤกษ์แต่งงานให้หน่อยเพราะมีแผนจะแต่งงานด้วยกัน อาจารย์ อู๋ แกใจดีครับ แกคำนวณฤกษ์แต่งงานให้เราทั้งสองคน ตรงกับวันที่ 5 ก.พ. 2561 ตอนแรกที่ผมกับแฟนได้ยินรู้สึกว่าเร็วจัง แต่ อ.อู๋ อธิบายว่ามันดีกับคุณทั้งคู่ เพราะเป็นการแก้เคล็ดแก้ชงทั้งดวงฝ่ายหญิงและดวงฝ่ายชาย เนื่องจากผมกับแฟนเกิดปีเดียวกันคือ ปี 2531 ซึ่งเป็นปีมะโรง แต่มาตัดสินใจแต่งงานในปี 2561 ซึ่งเป็นปีจอ อีกทั้ง อ.อู๋ ยังบอกว่าถ้าแต่งงานตามฤกษ์ที่ให้ไว้ นอกจากจะแก้เคล็ดแก้ชงแล้ว จะลบความเป็นอัปมงคลเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดี แกบอกว่าหลังแต่งงาน คุณทั้งคู่จะประสบแต่ความโชคดี เช่น สามารถปลดหนี้สินได้ ต่อไปจะตั้งตัวได้และมีกิจการเป็นของตนเอง รวมทั้งมีบุตรและทายาทสืบสกุลที่ดี พอดูดวงกับ อ.อู๋ เสร็จผมกับแฟนก็รีบกลับมาปรึกษาผู้ใหญ่ ซึ่งพ่อกับแม่แฟนบอกว่าดีเลยไม่ได้ทักท้วง หลังจากนั้นผมก็กลับบ้านที่ปทุมธานี มาปรึกษาและเล่าให้แม่ผมฟัง แม่ผมเห็นด้วยไม่คัดค้านอยากให้ผมมีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝา คงเห็นว่าผมก็อายุ ๓๐ ปีแล้ว เดี๋ยวจะมีลูกไม่ทันใช้ เพราะแก่ซะก่อน อีกทั้งแม่ผมเป็นคนรักเด็กคงอยากจะอุ้มหลานเร็วๆ ด้วย ช่วงปีใหม่ 2561 ก็เลยพาแม่ผมกับเถ้าแก่เจ้าของอู่ที่ผมนับถือไปด้วย เนื่องจากพ่อจริงๆของผมเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2556 ทุกวันนี้ผมก็มีเถ้าแก่ที่ผมนับถือเป็นญาติผู้ใหญ่ ท่านใจดีช่วยเหลือผมมาตลอด ผมทำงานที่อู่เถ้าแก่มาก็ 10 ปีเห็นจะได้ พอผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายได้พบปะพูดคุยกัน ให้แต่งงานกันตามฤกษ์ที่ไปดูกันมาคือ 5 ก.พ. 2561 แม้จะมีเวลาเตรียมงานน้อย ก็ให้จัดงานเล็กๆ ที่บ้านฝ่ายหญิง ไม่ต้องมากพิธีรีตอง ด้านฝ่ายคุณพ่อคุณแม่เจ้าสาวก็เรียกสินสอดทองหมั้น เป็นเงินสด 100,000 บาท ทองคำหนัก 10 บาท ตอนนั้นผมก็นั่งฟังด้วยถึงกับอึ้ง เพราะคิดในใจตัวเองว่าจะเอาเงินมาจากไหน แต่เถ้าแก่ที่ผมพาท่านไปด้วยช่วยต่อรองเจรจา จนได้ข้อสรุปว่าสินสอดทองหมั้น เป็นเงินสด 80,000 บาท และทองคำหนัก 8 บาท หลังจากผู้ใหญ่คุยกันเสร็จสิ้นเรียบร้อย ผมกับแม่ผมและเถ้าแก่ที่อู่ก็บินกลับ ช่วงที่เดินทางกลับผมก็ได้คุยกับแม่และเถ้าแก่ว่าผมทำงานกับเถ้าแก่มา 10ปี มีเงินเก็บในบัญชีแค่ 150,000 บาทจะทำยังไงดี เถ้าแก่ที่อู่ที่ผมเคารพท่านเอ่ยปากว่าจะช่วย เอาอย่างนี้ แกให้ผมเตรียมเงินสด 80,000 บาท ส่วนทองคำ 8 บาท กับค่าใช้จ่ายในงานแต่งงานที่เหลือทั้งหมด แกจะออกให้ก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยมาผ่อนกับแกทีหลัง ซึ่งผมกับแม่ก็เห็นด้วย ระหว่างนั้นผมกับแฟนก็ช่วยเหลือกัน อะไรที่พอจะประหยัดงบประมาณเราทั้งคู่จะช่วยกัน เช่น การ์ดแต่งงานก็ทำกันเอง+ออกแบบกันดี+พิมพ์และPrint แจกกันเอง ส่วนทางฝ่ายหญิงก็ไปจองสถานที่ เป็น Resort เล็กๆ แถวบ้านเกิดฝ่ายหญิงที่เชียงใหม่ และช่วงปลายเดือนน่าจะวันที่ 31 ม.ค. 2561 ได้เชิญ อาจารย์ อู๋ สมการ มาปรับ “ฮวงจุ้ย” ที่บ้านTown House ซึ่งผมอยู่กับแม่กับหลานแค่ 3 คน มาเป็นเรือนหอ เพราะผมกับแฟนตกลงกันว่าเมื่อแต่งงานกันแล้ว ต้องย้ายมาอยู่กับผมและแม่ผมที่ Town House ด้วยกัน พอถึงวันแต่งงาน 5 ก.พ. 2561 ทุกอย่างอลังการ สถานที่ Resort จัดอย่างหรูหรา ยอมรับว่าสวย แต่ผมในฐานะเจ้าบ่าวคิดในใจว่า ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่กันเนี่ย!!! แต่โชคดีการจัดงานทุกอย่างราบรื่น ผมเตรียมเงินสดมา 80,000 บาท ส่วนเถ้าแก่ที่อู่ท่านก็เตรียมทองคำหนัก 8 บาทมาด้วยเป็นค่าสินสอดทองหมั้น ซึ่งงานวันนั้นผ่านไปด้วยดี...อ่านต่อ
มีต่อ... แต่วันรุ่งขึ้น ค่าใช้จ่ายในวันแต่งงาน+ค่าสถานที่+ค่าดอกไม้+ค่าต่างๆจิปาถะ คิดเป็นยอดจำนวนเงิน 100,000 บาท ผมเห็นตัวเลขแทบ Shock ผมก็เลยไปบอกเถ้าแก่ที่อู่ ท่านบอกว่าไม่เป็นไร ท่านสำรองจ่ายให้ไปก่อน พอเสร็จงานแต่งกลับมาบ้าน Town House แฟนก็ย้ายเข้ามาอยู่กับผมและแม่ผมพร้อมหน้าพร้อมตากัน เราทั้งคู่มีความสุขมากครับ แต่ผมก็ปรึกษากับแฟนว่า เราทั้งคู่ต้องหาเงินไปใช้หนี้สินให้เถ้าแก่นะ เพราะท่านช่วยเหลือและมีบุญคุณกับผม มิเช่นนั้นเราคงไม่ได้แต่งงานกัน ผ่านไปได้หนึ่งสัปดาห์ผมกับแฟน ก็เข้าไปพบเถ้าแก่ที่อู่ที่ผมทำงานอยู่ เพื่อมาพูดคุยเรื่องเงิน+ทองและค่าใช้จ่ายในวันแต่งงาน ซึ่งเถ้าแก่ท่านก็คำนวณเงินให้เราทั้งคู่ดูว่าจ่ายไปเท่าไหร่ มีทองคำหนัก 8 บาท ราคา 160,000 บาท ค่าใช้จ่ายในวันงานที่ออกให้ก่อนอีก 100,000 บาท รวมเป็นเงิน 260,000 บาท แล้วเถ้าแก่ก็พูดว่าทยอยผ่อนก็ได้
แล้วถามเราทั้งสองคนมีเงินเดือนคนละเท่าไหร่ และสามารถผ่อนได้เดือนละเท่าไหร่ ผมเองทำงานกับเถ้าแก่ที่อู่ ตอนนี้เงินเดือนรายได้ประมาณ 16,000 บาท ซึ่งผมบอกกับเถ้าแกว่ามีค่าใช้จ่ายในบ้านเดือนละ 10,000 บาทที่ต้องให้แม่ เพราะแม่ผมเป็นแค่แม่บ้านไม่มีรายได้อะไรและก็มีหลานชายจากต่างจังหวัดมาอยู่ด้วย 1 คน ส่วนแฟนทำงานบัญชีที่โรงงานรายได้เดือนละ 18,950 บาท ซึ่งแฟนก็มีภาระที่ต้องส่งเงินให้ที่บ้านเหมือนกันเดือนละ 9,000 บาทให้พ่อกับแม่และน้องๆ ๒ คนที่กำลังเรียนอยู่ จากนั้นเถ้าแก่ถามผมว่าสามารถผ่อนได้เดือนละเท่าไหร่ ผมกับแฟนมองหน้ากัน แล้วพูดออกมาพร้อมกันว่า ขอทยอยจ่ายเดือนละ ๒, ๐๐๐ บาทได้ไหมครับ เถ้าแก่พูดกลับมาว่าตกลงตามนั้น ซึ่งช่วงเดือน ก.พ. , มี.ค. , เม.ย. ผมก็ทยอยจ่ายให้เถ้าแก่ผมมา 3 เดือนแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ เพราะไม่อยากเป็นหนี้ บอกตรงๆ ว่าเครียดเหมือนกัน ผมก็เลยโทรมาดูดวงกับ อ.อู๋ อีกครั้ง พร้อมกับเล่าเรื่องหนี้สินและระบายความในใจให้แกฟัง อาจารย์ อู๋ สมการ แกบอกใจเย็นๆ เมื่อคุณแต่งงานตามฤกษ์ที่คำนวณให้ไปแล้วอีกทั้งได้ปรับฮวงจุ้ยไปด้วย ในไม่ช้าคุณก็จะมีโชคก้อนโตแบบไม่คาดฝันเข้ามาเองแหละ จนเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2561 เป็นวันหยุดเพราะเป็นวันแรงงาน ผมกับแฟนอยู่บ้าน ส่วนแม่ผมท่านทำความสะอาดบ้าน แล้วไปเจอสมบัติเก่าของพ่อผมทิ้งไว้ให้ผมเป็นพระเครื่อง หลวงปู่ทวด รุ่น 2497 ใส่กรอบเลี่ยมทองพร้อมสร้อยคอทองคำ แม่เอามาให้ผมและบอกกับผมว่า ถ้าลูกจะเอาไปปล่อยให้คนอื่นเขาบูชาแม่ก็ไม่ว่าอะไร และคิดว่าพ่อที่ตายจากไปคงเข้าใจ บอกตามตรงผมไม่มีความรู้เรื่องพระเครื่อง ไม่รู้ว่าหลวงปู่ทวด รุ่น 2497 ที่อยู่ในมือ เป็นของจริงของแท้หรือไม่ ? ไม่รู้ราคาที่เซียนพระเขาบูชากันเท่าไหร่กันแน่ พอวันรุ่งขึ้นผมแขวนหลวงปู่ทวด ไปทำงานที่อู่ตามปกติ มีลูกค้าท่านหนึ่งเอารถมาซ่อมที่อู่ เห็นผมแขวนหลวงปู่ทวด ถามผมว่าน้องพี่ขอดูหลวงปู่ทวดที่คอได้ไหม พอดูเสร็จถามผมว่าปล่อยให้เช่าบูชาไหม ตอนนั้นผมหลุดปากออกไปโดยไม่คิดอะไร ปล่อยครับพี่ แล้วพี่จะให้ราคาหลวงปู่ทวดผมเท่าไหร่ ลูกค้าท่านนั้นพูดกับผมว่า 800,000 บาทได้ไหม ตอนที่ผมได้ยินผมแทบไม่เชื่อหูตัวเองเลยครับ คิดในใจว่ามีของดี+ของจริง+ของแท้อยู่กับตัวแล้ว ก็เลยกล้าพูดและสวนกลับไปว่าน้อยไปครับ ถ้าพี่จะบูชาในราคา 1,000,000 บาท ผมถึงจะยอมปล่อย ไม่น่าเชื่อครับว่าลูกค้าที่มาซ่อมรถที่อู่ท่านนี้จะตกลง และบอกผมว่าวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ จะนำเงินสด 1,000,000 บาทมาให้พร้อมนัดเจอผมที่บ้าน จากนั้นก็แลกเบอร์โทรศัพท์กันไว้ พอเลิกงานผมก็กลับมาบ้านมาเล่าให้แม่กับแฟนฟังทุกคนบอกว่าจริงหรือ? ผมเองก็หวั่นใจแต่อีกใจหนึ่งก็อยากให้เป็นจริงอยากให้ถึงวันอาทิตย์เร็วๆ และวันอาทิตย์ที่ตกลงนัดเจอกันก็มาถึง แล้วลูกค้าที่เอารถมาซ่อมที่อู่เขาชื่อพี่ยศก็โทรมาหาผมจริงๆ ผมก็บอกเส้นทางมาบ้านของผม พอพี่ยศเขามาถึงเขาหอบเงินสดมา 1,000,000 บาทมาด้วย ผมกับแม่กับแฟนตาโตเลยครับ อยากจะบอกว่าตั้งแต่เกิดมาเพิ่งจะเคยเห็นเงินสดเป็นตั้งๆ ครั้งแรกในชีวิตก็คราวนี้ แล้วผมก็มอบพระหลวงปู่ทวด รุ่น 2497 ให้กับพี่ยศไปตามที่ตกลงกันไว้ ผมมีความสุขแบบบอกไม่ถูก สิ่งที่ผมคิดในใจอันดับแรก คือมีเงินใช้หนี้เถ้าแก่ที่อู่แล้ว และยังมีเงินเหลือที่จะทำให้ความฝันที่อยากจะมีกิจการเป็นของตนเองมีสิทธิ์เป็นจริงกับเขาสักที จึงทำให้นึกถึงคำพูดที่ อ.อู๋ แกทายทักเอาไว้ว่าจะมีโชคก้อนโตอย่างไม่คาดฝันไม่คิดว่าจะเป็นจริง และยังมีอีกหลายอย่างที่ อ.อู๋ แกทายผมกับแฟนเอาไว้ ผมก็กำลังรอพิสูจน์ต่อไป ซึ่งส่วนตัวผมก็เชื่อเรื่องดวงและโชคชะตาเช่นกัน ส่วนคนอื่นจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ เพราะนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวผมที่อยากจะมาเล่าสู่กันฟังครับ...
นายวุฒิชัย เมืองก้องหล้า