เข้าคิว เป็นเรื่องไม่ควรทำ
คนไทยเราถูกสอนให้เข้าใจอย่างผิดๆว่า
การเข้าคิว
คือการสร้างระเบียบวินัย
ถูกสอนให้เชื่อฟังท่องจำ ว่าต้องเข้าคิวให้เป็นระเบียบ
จนมีหน่วยงานราชการบางหน่วย มีการตั้งโครงการเข้าคิว แต่แล้วก็ล้มเหลว
บางครั้งก็ยกตัวอย่างการเข้าคิวของญี่ปุ่น มาโปรปะกันด้า โดยที่คนไทยเรา ไม่เคยศึกษา ไม่เคยเรียนรู้ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ว่าควรทำหรือไม่ควรทำ เหมาะสมหรือเปล่า เยาวชนและนักศึกษา ถูกฝึกจนเป็นนิสัยแบบไม่ใช้สมอง
จะยกตัวอย่างให้ดู ในงานเกษตรแฟร์ ตรงที่มีขายอาหาร ออกร้าน แล้วมีลูกค้ามากมาย
เขาให้เข้าคิวรอซื้อกันหรือเปล่า ทำไมถึงเข้าคิวกัน ใครสั่งใครสอนมาให้ทำอะไรผิดๆแบบนั้นนะ
เพราะการเข้าคิว ในช่วงที่นักศึกษา นิสิต มาออกร้าน ทำให้ประชาชนที่สัญจรไปมา ซื้อของ เที่ยวงาน เคลื่นที่ไม่สะดวก มีการแออัดคับคั่ง
มีรายงานมาว่า บางคนขาดอากาศหายใจถึงกับเป็นลม คนแก่ๆบางคนเดินไม่ไหว น้องๆเกษตรต้องให้ออกไปเดินบนถนน
เสี่ยงรถทับ
พวกประชาสัมพันธ์ก็ดีแต่ประกาศมั่วๆ ว่าอย่าไปเดินบนถนน แต่ไม่ได้ดูเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ต้องโทษคนที่ไปรายงานประชาสัมพันธ์กับกองอำนวยการ แล้วคนที่รับรายงานมาบอกอย่างผิดๆ
ถ้าตอนนั้น ประชาสัมพันธ์บอกให้เลิกเข้าคิว สถานการณ์ก็คลี่คลาย
โชคดีมากที่ยังไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรง ถึงขั้นมีคนเหยียบกันตาย แต่มันก็เป็นบทเรียนที่ไม่รู้ว่าเยาวชนไทยกับเหล่าผู้จัดงานจะรู้สึกตัวหรือไม่ และจะแก้ความผิดพลาดนี้อย่างไร หรือทำตามวิธีเดิมแล้วเกิดความผิดพลาดเช่นเดิมอีก
เพราะฉะนั้น ข้าขอบอกให้พวกเจ้าจงเลิกโครงการเข้าคิว เลิกสอนให้คนเข้าคิว เพื่อความปลอดภัยต่อประชาชนที่สัญจรไปมา
ถนนคนเดิน เปรียบเสมือนวงจรน้ำ วงจรการไหลของของเหลว ถ้ามีอะไรมาขัดขวาง จะเกิดการตีบ ไหลไม่สะดวก หรือถึงขั้นอุดตัน #การเข้าคิว ก็คือการทำให้วงจรมีการตีบ หรือถึงขั้นอุดตัน ทำให้ทางแคบลง เดินไม่สะดวก
ทางแก้ที่ดีที่สุดคือการแซง การแย่งกันซื้อขาย ถ้าเบาๆก็เข้าแถวหน้ากระดานไปเรื่อยๆ อย่าขัดขวางทางเดิน
ส่วนพวกที่ให้เข้าคิวกันยาวหมือนงูเลื้อย อันนี้คือการบริหารงานที่ผิดพลาด แทนที่จะขยายส่วนติดต่อ แล้วทำให้แถวสั้นลง
อันนี้ฝ่ายบริหารจัดการ ฝ่ายออกคำสั่ง รับภารกิจ ต้องกลับไปศึกษาใหม่ให้มากๆ อย่าได้สั่งเพราะตนเองมีอำนาจ แต่จงสั่งจงทำด้วยสติ
เลิกเข้าคิวเสียแต่วันนี้ เพื่อความสะดวกและความปลอดภัย