ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ห้ามเจ้าหน้าที่สาธารณสุขชาร์จมือถือในที่ทำงาน ห้ามใช้ทรัพย์สินราชการ
เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อปลัดกระทรวงสาธารณสุขประกาศส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยมาตรการป้องกันการใช้ทรัพย์สินทางราชการ ตีความไปถึงการห้ามชาร์จแบตมือถือในที่ทำงาน ห้ามล้างรถส่วนตัวและ ห้ามจอดรถค้างคืนในที่ราชการ ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์แง่ลบในแวดวงบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข
เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2561 ที่กระทรวงสาธารณสุข รายงานกระแสข่าวแวดวงบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขออกมาวิพากษ์วิจารณ์ประกาศของ นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ได้ทำหนังสือที่ สธ. 0201.04/ว 3784 ลงวันที่ 29 ธ.ค. 2560 ที่ผ่านมา เรื่อง มาตรการป้องกันกรณีการใช้ทรัพย์สินของทางราชการ ระบุว่า สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้แสดงเจตจำนงสุจริตในการบริหารราชการและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ให้เกิดการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวในตำแหน่งหน้าที่อันมิควรได้ โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นแบบอย่างที่ดี ยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อความเชื่อมั่น ศรัทธาแก่ประชาชน
เพื่อป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จึงออกประกาศมาตรการป้องกันกรณีการใช้ทรัพย์สินของทางราชการ ให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขทุกคนถือปฏิบัติ
สำหรับมาตรการป้องกันกรณีการใช้ทรัพย์สินของทางราชการ ระบุว่า เพื่อเป็นกลไกในการป้องกันและปราบปรามการกระทำอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวมให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยกำหนดการใช้ทรัพย์สินของทางราชการ ได้แก่
ข้อ 1 ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐนำวัสดุ อุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงานต่างๆ ไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว
ข้อ 2 ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐนำโทรศัพท์เคลื่อนที่ส่วนตัวมาชาร์ตไฟในสถานที่ราชการ
ข้อ 3 ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ของทางราชการไปใช้ในกิจธุระส่วนตัว
ข้อ 4 ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐให้พนักงานขับรถยนต์ของหน่วยงาน ไปกระทำภารกิจส่วนตัว ซึ่งไม่เกี่ยวข้องในหน้าที่หรือภารกิจของทางราชการ
ข้อ 5 ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐนำรถยนต์ส่วนตัวและครอบครัวมาจอดค้างคืนในสถานที่ราชการ
ข้อ 6 ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ส่วนตัวมาล้างในสถานที่ราชการ
กลไกการกำกับตามมาตรการป้องกันกรณีการใช้ทรัพย์สินของทางราชการ ข้อ 1 ผู้บริหารต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการประพฤติปฏิบัติตามมาตรการ ข้อ 2 ผู้บริหารต้องเห็นความสำคัญในการส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรการ ข้อ 3 หน่วยงานประชาสัมพันธ์ให้เจ้าหน้าที่ทุกคนได้ทราบมาตรการ ทั้งนี้ ให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขทุกคนถือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันกรณีการใช้ทรัพย์สินของทางราชการ หากฝ่าฝืนจะมีความผิดทางวินัยและได้รับโทษทางวินัยตามควรแก่กรณี
ในเฟซบุ๊กเพจ "หมออนามัยขี้mouth" ได้มีผู้วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับคำสั่งดังกล่าว เห็นว่าในทางปฏิบัติเป็นไปได้ยาก งานอยากได้ ผลงานอยากมี แต่ไม่อำนวยความสะดวกให้ลูกน้องตัวเอง เช่น ต้องใช้เพาเวอร์แบงก์ในการชาร์จโทรศัพท์มือถือ ซึ่งปัจจุบันมีการสั่งงานผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ และโทรศัพท์มือถือ รถส่วนตัวนอนบ้านพักในสถานที่ราชการ เช่น สถานีอนามัย ก็คงต้องเอาไปจอดนอกรั้ว อีกทั้งยังต้องนำรถยนต์ส่วนตัวออกปฏิบัติงานในหน้าที่ โดยใช้เงินส่วนตัวในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเห็นว่าถ้าหากใครใช้ทรัพย์สินของทางราชการเกิดความเสียหาย ก็ควรพิจารณาเป็นรายๆ ไป
ขณะที่ นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรมป้องกัน ในฐานะรักษาราชการแทนหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต กระทรวงสาธารณสุข (ศปท.) ให้สัมภาษณ์กับช่อง NEW18ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เรื่องมาตรการป้องกันการใช้ทรัพย์สินทางราชการ เพื่อแสดงเจตจำนงสุจริตในการบริหารราชการและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ให้เกิดการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวในตำแหน่งหน้าที่อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นแบบอย่างที่ดี ยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อความเชื่อมั่นศรัทธาต่อประชาชน โดยมุ่งหวังที่จะปรับเปลี่ยนแนวคิดของคนในหน่วยงานให้สามารถคิดแยกแยะว่า “เรื่องใดเป็นประโยชน์ส่วนตนและเรื่องใดเป็นประโยชน์ส่วนรวม”
นพ.ยงยศ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ในการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2560 ที่รับทราบร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ. .... พร้อมมอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำระเบียบว่าด้วยการอนุญาตให้ใช้ทรัพย์สินสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือกำกับดูแล โดยให้พิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้เป็นไปในแนวทางเดียวกันไม่สร้างภาระให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุขที่มีกว่า 4 แสนคน รายละเอียดในประกาศที่ได้แจ้งไป บางข้ออาจทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความไม่สะดวกในการปฏิบัติงาน เช่น การชาร์จโทรศัพท์มือถือ ซึ่งอยู่ในวิจารณญาณของเจ้าหน้าที่ถึงความเหมาะสม
“จริง ๆ ประกาศที่ออกมาเป็นการขอความร่วมมือ อย่างการชาร์จโทรศัพท์มือถือในที่ทำงาน คือ ผมเจอที่ผ่านมา คือ เรื่องการใช้รถของทางราชการ ได้รับการรายงานเรื่องนี้ค่อนข้างเยอะ และมีคนถูกตั้งคณะกรรมการสอบก็เยอะ รวมถึงการใช้อุปกรณ์สำนักงาน บางคนทำวิทยานิพนธ์ใช้อุปกรณ์ของหลวงทั้งหมด ”นพ.ยงยศ กล่าว