18 สถานที่สุดสวย 3 จังหวัดชายแดนใต้ ไม่ไปไม่ได้แล้วววววว
ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ดินแดนปลายด้ามขวานที่งดงามด้วยทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งสังคมที่เกื้อกูลกัน จนทำให้เรานั้นรู้สึกผิดที่ยึดติดกับทัศนคติที่เคยมีในใจต่อที่นี่ และวันนี้ จ ะ เ ที่ ย ว ไ ป ไ ห น ขอพาไปสวัสดีน้องๆพี่ๆใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้พาไปเปิดตา เปิดใจ ไปเยี่ยมชมวิถีชีวิต ไปพินิจธรรมชาติ ไปชมความปกติธรรมดาที่น่ารัก
เอาล่ะ เลื่อนหน้าจอลงมาดูเรื่อยๆสักพัก แล้วเราเชื่อว่าทุกคนจะหลงรักยะลา ปัตตานี และนราธิวาสแน่นอน!!
⌈ นราธิวาส ⌋
001 อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง
อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง ที่นี่จะมีหาดทรายขาว มีทิวสนร่มรื่นยาวตั้งแต่หาดอ่าวมะนาวจนถึงหาดเขาต้นหยงซึ่งเป็นอีกหนึ่งหาดที่มีเสน่ห์ตรงโขดหินธรรมชาติที่ตั้งพาดสลับกับหาดทรายเป็นพื้นหลังให้เรานั่งถ่ายรูปได้ตามใจ ส่วนพี่น้องเจ้าของบ้านเขาก็ค้าขายกันขวักไขว่ เมื่อเราเดินผ่านคนไหนก็ได้รอยยิ้มพิมพ์ใจจากทุกคนเลยนะ และด้วยความที่ยังไม่มีบ้านพักบริการนักท่องเที่ยว มีเพียงลานเต็นท์ผ้าใบเพียงอย่างเดียวจึงทำให้อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยงยังสงบและสะอาด
อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง นราธิวาสตั้งอยู่ที่ อ. เมือง จ. นราธิวาส ใกล้กับพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ซึ่งก่อนถึงพระตำหนักจะมีทางเลี้ยวเข้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยงฮะ สนใจก็ติดต่อที่อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง โทรศัพท์ 081-957-8166 ได้เลย
002 ผานับดาว
บ้ายบายสายทะเลก็ลองพาใจเซๆไปซบเขาที่ผานับดาว หรือที่ทุกคนที่นี่เรียกว่า ฆุนุง บาตูปูเต๊ะห์ แปลว่าภูผาหินขาว ภูเขาที่สามารถชมดาวยามค่ำคืนแล้วตื่นมาจ๊ะเอ๋ทะเลหมอกยามอรุณรุ่ง นอกจากนั้นผานับดาวเป็นภูเขาที่ยังอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ มีต้นน้ำสะอาดที่หล่อเลี้ยงทุกชีวิต ณ ที่แห่งนี้ ดังนั้นผาหินดาวจึงมีความสำคัญมากกว่าการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป แต่เป็นเสมือนหัวใจและศูนย์กลางของทั้งสัตว์ป่าและผู้คน
เมื่อลืมตามาตอนเช้า นอกจากอากาศเย็นสบายจะโอบกอดรอบตัวเราแล้ว บนยอดเขายังเต็มไปด้วยทะเลปุยเมฆที่ค่อยๆเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ขณะที่แสงตะวันก็เริ่มสาดทอมาเร่งเราให้รีบลุกออกจากเต้นท์เพื่อมาตื่นเต้นกับภาพสวยๆตรงหน้าที่กล้าการันตีเลยว่าทะเลหมอกภาคใต้สวยงามไม่เป็นเป็นสองรองใคร!!
ผานับดาวตั้งอยู่ที่ บ้านราษฎร์ประสาน ม.9 ต.สุคิริน อ.สุคิริน จ.นราธิวาส การเดินขึ้นเขาก็ไม่ยากมาก สามารถเดินขึ้นได้เรื่อยๆ สบายๆ ไม่ร้องไห้เพราะเหนื่อยแน่นอนฮะ
003 ล่องแพไม้ไผ่ ลานเฟิร์น
ลงจากยอดเขามาเข้าสู่โหมดความชุ่มชื้นของผืนป่าด้านล่างกับกิจกรรมล่องแพไม้ไผ่ ลอยตัวชิลล์ๆไปบนผืนน้ำใสใต้ม่านไม้เขียวๆกันที่ “ลานเฟิร์น” ที่นี่เป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่แวดล้อมไปด้วยใบเฟิร์นสมกับชื่อ ความดีงามคือทัศนียภาพเขียวขจีที่คงความดิบ ความบริสุทธิ์ให้เราได้มาหยุดพักผ่อน ได้เขวี้ยงความเหนื่อยล้าจากวันทำงานแล้วลองไปตั้งแคมป์ หรือพายเรือคายัคพักกันสักวัน โดยที่รอบข้างนั้นไร้สิ่งรบกวนใดๆ เหมือนกับได้กลับไปเป็นส่วนหนึ่งในธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง ลานเฟิร์นตั้งอยู่ที่ ต.ภูเขาทอง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ห่างจากหมู่บ้านโต๊ะโมะไม่ถึง 10 กิโลเมตรและการเดินทางก็ค่อนข้างสะดวกเนื่องจากมีเส้นทางรถเข้าถึง (แต่ควรเป็นกระบะ หรือ 4WD)
004 ล่องแก่งเรือคายัค แม่น้ำ
หากล่องแพน้ำนิ่งๆ แล้วยังไม่เต็มอิ่ม ขอแนะนำให้มาที่แม่น้ำสายบุรี ซึ่งเดิมเป็นเส้นทางเดินเรือโบราณจากต้นน้ำที่มีแหล่งเหมืองทองเราจะได้ล่องเรือบนน้ำใสๆเย็นๆ ผ่านเกาะแก่ง โขดหิน ผ่านน้ำเชี่ยวน้ำวนปะปนกันไป (แต่ก็ไม่รุนแรงมาก) เป็นระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งสิ่งที่น่าประทับใจในกิจกรรมนี้ก็คือภาพที่ผู้คนในท้องถิ่นกำลังร่อนทองคำ ทำให้เราได้เห็นชีวิตประจำวันริมสองฝั่งที่ยังดำเนินไปอย่างปกติธรรมดา เรียบง่าย สมถะ และน่ารักไปอีกแบบหนึ่งฮะ ส่วนอัตราค่าบริการถ้าจำไม่ผิดจะอยู่ที่เที่ยวละ 100 บาท นั่งได้ลำละ 2 คนแล้วก็ทุกวันพุธจะมีตลาดนัดริมน้ำที่เป็นแหล่งรวมของอาหารท้องถิ่นด้วยจ้า
005 เหมืองแร่ทองคำโต๊ะโมะ
แรกเริ่มเดิมทีสถานที่แห่งนี้เป็นเหมืองทองคำที่สร้างขึ้นเมื่อก่อนปี พ.ศ. 2474 ซึ่งถึงแม้ว่าปัจจุบันได้ยกเลิกสัมปทานเหมืองแร่ทองคำไปแล้ว แต่สิ่งก่อสร้างเช่นอุโมงค์ต่างๆยังคงมีอยู่ให้เราเข้าไปดูไปสัมผัสบรรยากาศด้านในกัน นอกจากนั้นบริเวณนี้ยังมีป่าไม้และลำธารใสไหลเย็นเห็นตัวปลา เราก็เอ็นจอยกับการก้าวช้าๆ ให้ความสดชื่นของสายน้ำรักษาความเหนื่อยล้าจากการเดินทางได้แบบหายสนิทเลย เหมืองแร่ทองคำโต๊ะโมะตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านโต๊ะโมะ ต.ภูเขาทอง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ซึ่งจะห่างจากตัวอำเภอประมาณ 30 นาที โดยขับตามถนนหมายเลขที่ 4217 จนกระทั่งเจอมัสยิดฮาดิทางขวามือ แต่ให้ขับรถตรงไปจ้า (เปิด Google Map ได้นะ ไม่หลงเชื่อเรา)
006 ต้นกระพงษ์ยักษ์
จากหมู่บ้านโต๊ะโม๊ะขับรถไปไม่ถึงห้านาที เราจะเข้าสู่เขตป่า ฮาลา – บาลา เพื่อแวะสวัสดีต้นกระพงษ์ยักษ์ใหญ่ขนาด 25 – 27 คนโอบ!! ขอบอกว่าต้นไม้พี่ใหญ่ต้นนี้เคยถวายการต้อนรับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ครั้งเมื่อเสด็จลงไปทรงเยี่ยมเยียนประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ซึ่งนอกเหนือจากความใหญ่ที่ขึ้นชื่อ รอบๆข้างยังเขียวชอุ่มชุ่มใจไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยนานาพันธุ์ บอกเลยว่าระบบการหายใจนั้นดีขึ้นทันที่เมื่อมาเที่ยวที่นี่ฮะ
ต้นกระพงษ์ยักษ์ต้นนี้ตั้งอยู่ที่ใกล้วัดพระธาตุภูเขาทอง เนินพิศวง น้ำตกศรีทักษิณ ถ้าแวะมาเที่ยวก็มาอินกับความดิบๆเขียวๆฟอกใจฟอกปอดกันจ้า แล้วก็แลนด์มาร์คนี้จะเป็นที่สุดท้ายของจังหวัดนราธิวาสเพราะว่าเน็นนี้เราจะไปพักกันที่ คูลแคมปิ้ง อัยเยอร์เวง จ. ยะลาจ้า
⌈ ยะลา ⌋
007 คูลแคมปิ้ง อัยเยอร์เวง
อรุณสวัสดิ์ทุกคนอีกทีกับวันนี้ที่ยะลา “ใต้สุดแดนสยาม ถ้ำงามหินอ่อน พระนอนศรีวิชัย ทะเลใหญ่บนภูเขา ชนเผ่าซาไก” ซึ่งที่เที่ยวสวยๆ ที่เราขออวยกันที่แรกก็คือที่พักของเราคูลแคมปิ้ง อัยเยอร์เวง ซึ่งเป็นที่พักชิลล์ๆ แนวกางเต๊นท์เอ็นจอยชีวิต Slow Life บนยอดเขาที่เราชอบมากๆที่หนึ่ง และอัยเยอร์เวงยังเป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามอันดับต้น ๆ ของประเทศไทยถึงขนาดได้รับความนิยมไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียเลยทีเดียว
จะดีแค่ไหนที่เราได้นั่งหอยขา เริ่มต้นชีวิตอย่างช้าๆ กับเบื้องหน้าที่มีทะเลหมอกล่องลอยยามเช้า จิบกาแฟแก้วโปรด โอดอ้อนคนรู้ใจ ซึ่งที่กล่าวไว้ ทุกคนสามารถไปสัมผัสได้ที่คูลแคมปิ้ง อัยเยอร์เวงจริงๆเราคอนเฟิร์มด้วยหัวใจสิบดวง ส่วนการเดินทางมาที่นี่ให้นั่งรถตู้จากตัวเมือง โดยใช้เส้นทางถนนสาย 410 ลงหมู่บ้านละหาดหรือที่เรียกว่าหมู่บ้านกิโลเมตรที่ 40 ศาลาแรก หลังจากนั้นพี่ๆที่รีสอร์ทจะมารับเราเอง
008 เบตง
เพราะเที่ยวภาคใต้มันเท่ เราเลยมาโอเคเบตงกันต่อ เบตงเป็นอำเภอที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย แวดล้อมไปด้วยภูเขาสูงใหญ่จึงทำให้อำเภอนี้มีสภาพอากาศที่ดีมากๆ และถ้ามาเบตงแล้วงงไม่รู้จะไปเริ่มต้นจากจุดไหน ก็จะแนะนำให้ไปหอนาฬิกาเบตงที่ตรงกลางเมืองก่อนเลย เพราะนอกจากจะสูงเด่นเป็นสง่า ยังช่วยให้เรามาเห็นวิถีชีวิตของผู้คนที่ไม่ได้แตกต่างจากที่ใดๆที่เราไปมาเลยนะ ทั้งคุณพ่อคุณแม่พาเด็กๆไปโรงเรียนยามเช้า พ่อค้าแม่ขายยืนเฝ้าแผงลอย และทุกๆคนที่ทยอยเริ่มต้นชีวิตประจำวันของตัวเอง
และส่วนใหญ่ถ้ามาเที่ยวเมืองเบตงเขาก็จะบอกให้ลองไปที่สนามกีฬาเบตง แรกๆก็งงว่ามันมีอะไร แต่คิดมาคิดไปก็พอเข้าใจกับตัวเองได้ว่า ก็เพราะความไม่มีอะไรนั่นแหล่ะที่ดีงาม เพราะเบตงก็เหมือนทุกที่ทั่วๆไปที่ทุกคนดำรงชีวิตกันตามปกติ สงบ เรียบง่าย ไม่ได้วุ่นวายหรือน่ากลัวเหมือนที่เราคิด เช้ามาทำงาน เย็นมาก็ออกกำลังกาย มีงานอะไรก็จัดกันไปในชุมชน เป็นความไม่มีอะไรที่ได้เปลี่ยนทัศนคติของเราใหม่ และเราก็อยากฝากความรู้สึกดีๆนี้ให้ทุกคนได้รับรู้และเรียนรู้ที่จะเข้าใจกันและกันมากขึ้น
ในเมืองเบตงจะมีสตรีทอาร์ตจากงานกราฟฟิตี้น่ารัก ๆ ประดับบนผนังตึกเห็นได้อยู่ทั่วไป เพิ่มความน่ารักสดใสให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปมา ส่วนที่เราชอบมากคือภาพ Street Art ที่เป็นคนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ด้านหลังแผงลอยร้านค้า ทำให้รู้สึกว่าผู้คนที่นี่เขามีศิลปะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ซึ่งเราเชื่อว่าคนที่อินกับศิลปะนั้นย่อมเป็นคนอ่อนโยนแน่นอน!
009 บาลา-ฮาลา
ก็บอกแล้วว่าสามจังหวัดนี้เขามีอะไรเขียว ๆ เยอะ ดังนั้นวันนี้เราจะเข้าไปที่ป่าบาลา-ฮาลา ป่าดงดิบสุดท้ายบนปลายด้ามขวานไทยที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ และยังเป็นต้นน้ำที่ไหลหล่อเลี้ยงผู้คนในจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ซึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจก็คือการแคมป์ปิ้งหรือล่องแพบนทะเลสาบเขื่อนบางลางเพื่อชื่นชมและศึกษาเส้นทางธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์เป็นอันดับต้นๆของประเทศไทยเลยฮะ สำหรับการมาท่องเที่ยวในสถานที่แห่งนี้สามารถติดต่อได้ที่ อบต.แม่หวาด อำเภอธารโต จังหวัดยะลา โทร. 073 280191, 073 280043
010 สตรีทอาร์ต ยะลา
ออกจากป่าก็มาเมืองต่อเพื่อขอดูผลงาน Street Art ของพี่ ALEX FACE กัน หากใครยังไม่คุ้นชื่อนี้ก็ก๊อปชื่อพี่เขาไปค้นเอาใน Facebook ดูได้เลย ซึ่งงานศิลปะเหล่านี้จะตั้งอยู่ที่ถนนนวลสกุลตรงข้ามห้างโคลิเซี่ยม จังหวัดยะลา และตอนที่เรามาก็พบเจอน้อง ๆ กำลังลั่นกล้องถ่ายภาพน่ารัก ๆ กันอยู่ เห็นดูแล้วก็ชื่นใจ เราคิดว่าศิลปะก็เหมือนการท่องเที่ยวนะ ไม่มีพรมแดน ไม่มีอะไรขวางกั้น และคนไม่ว่าจะศาสนาไหน จะอยู่ที่ใดก็สามารถมีศิลปะ หรือการท่องเที่ยวไว้เป็นภาษากลางที่สื่อสารถึงกันได้เข้าใจแม้ไม่ต้องพูดอะไรกันเลย
011 สะพานดำ
สะพานดำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวง่าย ๆ ภายในตัวเมืองยะลา ซึ่งจะตั้งอยู่บนแม่น้ำปัตตานีที่มีต้นน้ำอยู่บนเทือกเขาสันกาลาคีรี จุดเด่นของสะพานดำแห่งนี้คือเป็นที่ถ่ายรูปของนักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่น ที่ๆมายืนอินๆพักผ่อนกับลมเย็นๆที่พัดผ่านน่านน้ำบ้านเกิดของพวกเขาที่เราแอบรู้สึกอิจฉาว่าทำไมยะลาถึงมีที่เที่ยวในเมืองเยอะจัง
⌈ ปัตตานี ⌋
012 มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี
ละจากยะลาก็มาต่อกันที่ปัตตานีเมืองที่เราว่าลูกหยีอร่อยมาก (อันนี้ส่วนตัว) ปัตตานีเป็นหนึ่งในจังหวัดสามชายแดนภาคใต้ที่ติดกับนราธิวาส ยะลาและสงขลา ซึ่งเวลาที่เรามาถึงก็เป็นช่วงเย็นและภาพแรกที่เห็นคือชาวบ้านใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย บ้างก็ปั่นจักรยาน บ้างไปจ่ายตลาด ทำมาหากินกันปกติสุขดี และเป้าหมายแรกของเราจะเริ่มที่มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ที่ที่มีความสวยงามโดนเด่นทางด้านสถาปัตยกรรม (รูปทรงภายนอกมีต้นแบบมาจากทัชมาฮาลเลยนะ) ส่วนความสำคัญคือเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้นับถือศาสนาอิสลามขนาดใหญ่ในภาคใต้ ซึ่งช่วยให้พี่น้องชาวมุสลิมต่างชุมชนได้มาพบปะสังสรรค์แลกเปลี่ยนพูดคุยหรือละหมาดร่วมกันที่มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานีนี้อีกด้วย
013 อินตออัฟ (In-t-af)
เสร็จสิ้นจากการชื่นชมงานสถาปัตยกรรม นั่งเพลิน ๆ ฟังพี่ ๆ น้อง ๆ คุยกันก็ได้เวลาสังสรรค์กันที่สภากาแฟร้าน อินตออัฟ (In-t-af) ที่สร้างขึ้นจากสถาปนิกชาวมลายูสี่คนที่มาเก็บเกี่ยววิชาความรู้จากเมืองกรุงก่อนจะมุ่งกลับไปพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง อินตออัฟเป็นตึกแถวสองชั้นที่ตกแต่งแบบดิบๆ ที่เพิ่มความฮิปด้วยผลงานทางศิลปะของศิลปินในท้องถิ่น ชั้นล่างจะมีส่วนที่เป็นแบบนั่งพื้น และส่วนที่เปิดโล่งให้ชมวิวของแม่น้ำปัตตานีระหว่างจิบกาแฟแก้วโปรด ในขณะที่ชั้นสองเป็นจะห้องละหมาด ส่วนเมนูต้องห้ามพลาดเด็ดขาดก็คือ “กรือโป๊ะ” ที่เป็นเหมือนปลาทอดทานคู่กับของคาวหรือของหวานก็เข้ากันได้
014 มูเทียร่า รีสอร์ท & ซีฟู้ด ( ตะโล๊ะสะมิแล )
มูเทียร่า รีสอร์ท & ซีฟู้ด ตั้งโดดเด่นเป็นส่วนตัวอยู่บนหาดตะโล๊ะสะมิแล ซึ่งช่วงเช้าของที่นี่จะเป็นเวลาฟีลกู๊ดบนหาดทรายที่เราใช้เวลาช้าๆไปกับการนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้น ถ่ายรูปเล่น พูดคุย เสพความสุขจากคลื่นลมที่ได้ชมจากภาพก็น่าจะรู้ว่าสงบขนาดไหน เป็นอีกครั้งที่เรายังเชื่อว่าทะเลไทยไม่ว่าที่ไหนก็มีเอกลักษณ์ของตัวเองที่รอให้เราเข้าไปค้นหา และกลับมาบอกเล่าให้ฟัง
ด้วยความเป็นส่วนตัวทางรีสอร์ทเค้าจึงดูแลชายหาดได้เป็นอย่างดี ที่นี่จึงสวยสะอาด พอถ่ายรูปออกมาจะให้บรรยากาศดีไปอีกแบบ และนอกจากวิวสวยๆ น้ำทะเลใสๆ ใครที่สนใจมาพักที่รีสอร์ทนี้เราจะบอกว่าเขามีที่ปิ้งย่างให้ด้วยนะเธอ จะมาเป็นแฟมิลี่ หรือปาร์ตี้ของผองเพื่อนก็จัดปิ้งย่างได้หมด
015 แหลมตาชี
จัดกันต่อกับแหลมตาชี ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ. ยะหริ่ง จ. ปัตตานี ตัวแหลมมีลักษณะคล้ายๆเกาะรูปหัวง้าวที่ยื่นออกไปในทะเล ซึ่งจริงๆแล้วคือแผ่นดินที่ทอดยาวมาจากหาดตะโละกาโปร์ที่ขนานโอบล้อมอ่าวปัตตานีนั่นเอง เหตุผลหลักที่เราหลงรักที่นี่เพราะแหลมตาชีมีทำเลที่จะเห็นทั้งพระอาทิตย์ขึ้นจากอีกฝั่งและตกลงในอีกฝั่ง เราว่าเป็นสถานที่ที่ปังมากๆ ถ้าหากได้มีเวลาอยู่ถ่ายรูปนานๆ
หากเห็นภาพจากมุมสูงนี่อาจคิดว่าเป็นเกาะในดูไบ ที่เราชอบใจคือความสงบของที่นี่ รวมถึงความดูดีแบบดั้งเดิม กล่าวคือทางชาวบ้านไม่ได้แต่งเติมจนทุกอย่างดูผิดเพี้ยนไป และยังคงไว้ซึ่งสิ่งแวดล้อมที่สะอาดและระบบนิเวศน์ที่ดีเราว่าสิ่งเหล่านี้คือต้นแบบการสร้างสรรค์การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
016 หาดแฆแฆ
เขยิบจากแหลมตาชีไปอีกเกือบชั่วโมง เราก็จะมาเจอหาดแฆแฆที่แปลว่าอึกทึกครึกโครม ซึ่งสุดแสนจะผิดกับความเป็นจริงที่สงบเงียบตลอดหาดทรายที่โค้งเว้ายาวถึงห้ากิโลเมตร ชายหาดแฆแฆแห่งนี้มีชื่อเสียงเรียงนามว่าเป็นหาดที่งดงามที่สุดของปัตตานี เป็นหาดที่มีทรายขาวตัดกับน้ำทะเลสีครามและโดดเด่นด้วยหินแกรนิตธรรมชาติที่ตั้งพาดเรียงรายริมชายหาด รวมถึงมีศาลาพักผ่อนและจุดชมวิวอีกด้วย และอีกหนึ่งกิมมิคที่เราชอบมากของจังหวัดปัตตานี คือการที่มีน้องแพะอยู่เกือบทั่วทุกที่เลย
หาดแฆแฆตั้งอยู่ที่ ต. บ้านน้ำบ่อ อ. ปะนาเระ จ. ปัตตานี ส่วนการเดินทางมาที่หาดนี้ก็ง่ายๆ เปิด Google Map แล้วเลาะตามไปได้เลยไม่หลงชัวร์ๆจ้า ( จากตัวเมืองปัตตานีจะใช้เวลาประมาณ 50 นาทีฮะ )
016 น้ำตกทรายขาว
ต่อมาก็ขับรถออกจากหาดแฆแฆประมาณหนึ่งชั่วโมงนิดๆ เพื่อมาพิชิตน้ำตกทรายขาวที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว ที่มีอาณาบริเวณยาวครอบคลุม 3 จังหวัดชายแดนเลยนะ น้ำตกแห่งนี้จะมีความชื้นสูงมากรวมถึงอากาศที่เย็นสบายภายใต้ความชอุ่มชุ่มชื่นของป่าดิบชื้นที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ พี่เจ้าหน้าที่เขาเล่าว่าสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ที่นี่มีหลายสายพันธุ์ ถ้าโชคดีเราอาจจะได้เห็นเลียงผา หมูป่า เก้ง เม่น กระจง ลิง ค่าง เต็มไปหมด ซึ่งจนวันนี้ความยิ่งใหญ่อลังการของภาพน้ำตกยังคงปรากฏอยู่ในความคิดถึงของเราบ่อยๆ เพราะเราไม่ค่อยได้พบน้ำตกที่ไหนที่ยิ่งใหญ่ มีทั้งหน้าผา โขดหินที่เราสามารถไปยืนอินใกล้ๆได้อย่างปลอดภัย ส่วนตัวอุทยานนั้นตั้งอยู่ที่ ม.5 ต.ทรายขาว อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ถ้าสนใจโทรไปที่ 0 7342 0295 ได้เลยน้า
017 สะพานไม้บานา
หลังจากได้ภาพสวยๆด้วยแบล็คกราวน์ของน้ำตกใหญ่ๆ เราก็จะไปสะพานไม้บานาหรือสะพานไม้ปัตตานีกันต่อ สะพานไม้แห่งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือร่วมใจที่จะสร้างการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติบริเวณป่าชายเลนรอบอ่าวปัตตานีของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จุดเด่นคือทางสะพานไม้บนทะเลป่าชายเลนกว้างๆ ซึ่งเหมาะกับภาพมุมเหงาๆ หรือถ้าไม่อยากเศร้าเราก็สามารถล่องเรือเพื่อศึกษาวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่นและระบบนิเวศน์บริเวณนี้ก็ได้เช่นกันนะ สะพานไม้บานาจะตั้งอยู่ใกล้ๆกับมัสยิดกรือเซะ ซึ่งถ้าขับรถจากตัวเมืองมาจะใช้เวลาประมาณสามสิบนาทีจ้า
018 สกายวอล์ค ปัตตานี
เอาล่ะ ส่งท้ายทริปนี้กับแลนด์มาร์คที่มีคอนเซ็ปท์ว่า “มาแล้วต้องกลับมาใหม่” กับสกายวอล์ก ณ ปัตตานีที่อยู่สูงจากพื้นดินเทียบเท่าตึก 4 ชั้นจ้า บนสะพานนี้เราจะได้เดินชมทัศนียภาพสวยๆที่แสนสงบของเมืองในมุมกว้าง ยาวไปยันปลายแหลมตาชีอีกด้วย ไม่ใช่แค่ด้านบนที่เดินเที่ยวได้นะ เพราะด้านล่างยังมีทางเดินสวนป่าชายเลนที่ยาวมากกว่าหนึ่งกิโลเมตร เรียกได้ว่ามาหนึ่งได้ถึงสองสไตล์เที่ยวเลย สกายวอล์คปัตตานีจะตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับมัสยิดกลาง ห่างออกไปประมาณ 15 นาทีขับรถเท่านั้นจ้า ( เปิด Google Map หาคำว่า Pattani Sky Walk ได้เลย )
5 วัน 4 คืนผ่านไปไวกว่าที่คิด ภาพที่ติดตาเรามาตลอดการเดินทางครั้งนี้ คือรอยยิ้มของเจ้าบ้าน ความสนุกสนานของผู้คนที่มีต่อกัน และความสัมพันธ์ชุมชนที่ทุกคนต่างร่วมใจพัฒนาบ้านเกิดของตัวเอง “อย่าตัดสินคนที่ภายนอก” อย่าตัดสินคนที่นี่จากข่าวลือต่างๆ คือสิ่งที่หวนย้ำซ้ำในใจตลอดเวลาเมื่อเราได้มาสัมผัสกับพวกเขาจริงๆ เพราะยิ่งเราได้เดินทางไปรู้จักมากขึ้นเท่าไร เรายิ่งเข้าใจถึงวิถีชีวิตที่ธรรมดา สงบสุขที่ไม่ได้แตกต่างจากที่อื่นเลย และยิ่งมั่นใจว่าหาดทราย สายน้ำ ความสดชื่นจากผืนป่า และผู้คนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็จะพาให้เรากลับมาหาพวกเขาอีกหลาย ๆ ครั้ง และจะยังกลับมาเล่าถึงความน่ารักของเขาให้ทุกคนได้ฟังแน่นอน!!!
ขอบคุณข้อมูล/ภาพ