Hetty Green ผู้หญิงที่ขี้เหนียวที่สุดในโลก ( บันทึกใน Guiness Book )
เฮตตี้ กรีน (Hetty Green) ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าตระหนี่ถี่เหนียวที่สุดในโลก เธอมีนามเดิมว่า เฮ็ตตี้ ฮาวแลนด์ โรบินสัน เกิดวันที่ 21 พฤศจิกายน 1834 ที่นิวเบดฟอร์ด รัฐแมสสาชูเสทท์ บิดาและปู่เป็นเจ้าของเรือล่าปลาวาฬลำใหญ่ ฐานะดี
เมื่อบิดาเสียชีวิตเธอได้รับมรดกมหาศาล และนำเงินมรดกบิดาไปลงทุนเล่นหุ้นในวอลล์สตรีทและอาศัยความเฉลียวฉลาดทำเงินได้มากมายจนร่ำรวย เธอจึงได้รับฉายาว่าเป็น “แม่มดแห่งวอลล์สตรีท” และได้รับการยอมรับว่าเป็นหญิงที่รวยที่สุดในอเมริกา
แต่เรื่องที่ทำให้คนจดจำเธอกลับเป็นเรื่องความ "ขี้เหนียวสุดๆ" ของเธอ วีรกรรมของเธอมีดังนี้
-เมื่อป้าของเธอเสียชีวิต เธอทราบว่าป้ายกเงินมรดกจำนวน 2,000,000 เหรียญ ( เทียบเท่า 31,290,000 เหรียญในปี 2016 ) ให้กับการกุศล เธอก็ยื่นคำร้องต่อศาลให้เงินทั้งหมดมาเป็นกรรมสิทธิ์ของเธอ ซึ่งศาลตัดสินให้เธอได้รับเงินมา 600,000 เหรียญ ( เทียบเท่า 11,364,000 เหรียญในปี 2016 )
- เธอไม่เคยอาบน้ำร้อนเพราะเปลืองค่าฟืนค่าไฟ
- เธอใส่เสื้อผ้าสีดำตัวเดียวซ้ำกันทุกวัน ใส่จนสีซีด เวลาซักก็ซักแค่ส่วนเรี่ยพื้น เนื่องจากเปลืองผงซักฟอก และจะเปลี่ยนชุดใหม่ต่อเมื่อมันขาดสุดๆแล้วเท่านั้น
- เธอไม่เคยล้างมือเพราะกลัวเปลืองน้ำ
- ที่พักอาศัยของเธอในนครนิวยอร์คมีสภาพซอมซ่อราคาถูกทั้งนั้นและย้ายที่ไปเรื่อยๆเพื่อเลี่ยงภาษี
- เธอไปไหนมาไหนด้วยรถม้าที่เดิมเคยเป็นรถบรรทุกเป็ดไก่เก่าๆ
- อาหารส่วนใหญ่ของเธอเป็นพายชิ้นละ 15 เซนต์ + ข้าวโอ้ตที่อุ่นในสำนักงาน
- มีอยู่คืนหนึ่งเฮ็ตตี้ใช้เวลาครึ่งคืนควานหาแสตมป์ที่หล่นหายในรถม้า ทั้งที่มูลค่าของแสตมป์เพียง 2 เซนต์เท่านั้น
- ที่โด่งดังที่สุดได้แก่เฮตตี้ไม่ยอมตั้งสำนักงานธุรกิจของเธอเองเพราะกลัวสิ้นเปลือง เธออาศัยมุมหนึ่งในธนาคารซีบอร์ดเนชันแนลเป็นที่ทำการรอบๆตัวเธอและหีบที่บรรจุเอกสารการค้าหุ้นทั้งหมด
-เธออาศัยเครื่องทำความอุ่นของธนาคารเป็นที่อุ่นอาหารของเธออีกด้วย
- หลังแต่งงานเธอมักจะเดินไปยังร้านชำเพื่อซื้อคุกกี้แตกๆป่นๆที่แม่ค้ารวมใส่ในถุงราคาถูก กล่องเปล่าที่ใส่ลูกเบอรี่ก็นำไปขายคืนในราคาใบละ 5 เซนต์ จะซื้อนมก็นำกระป๋องไปใส่เองเพราะจะได้ราคาถูกสำหรับเลี้ยงแมว เมื่อจะซื้อเนื้อวัวเธอก็จะขอกระดูกเอามาเลี้ยงหมา
- ในวัยเด็ก เนด ลูกชายเธอหกล้มขาหัก เฮตตี้พยายามจะส่งเขาเข้ารักษาฟรีในสถานพยาบาลสำหรับคนจนแต่เจ้าหน้าที่จำเธอได้ จึงไม่ยอมอนุมัติการรักษาฟรีให้ เธอจึงยอมจ่ายเงินแล้วพาลูกกลับมารักษาต่อที่บ้าน เพื่อประหยัดเงินการรักษานั้นไม่ดีขึ้นในที่สุดลูกของเธอถูกตัดขาและต้องใส่ขาเทียมไปตลอดชีวิต
-แรกทีเดียวเธอไม่ไว้ใจและไม่ยอมรับผู้ชายคนใดที่มารักซิลเวีย ลูกสาวของเธอเลยเพราะกลัวว่าจะมาหวังสมบัติเธอ สุดท้ายแมทธิว วิลค์ ผู้ที่จะแต่งงานกับซิลเวียต้องหาเงินมาให้เธอดู 2,000,000 เหรียญ ซึ่งมหาศาลมากในสมัยนั้น เธอจึงใจอ่อนยอมยกลูกสาวให้ แต่เธอก็ไม่ยอมให้ลูกเขยมีสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้นในสมบัติและมรดกของลูกสาว
- เมื่อลูกๆออกไปมีครอบครัวกันหมด เฮตตี้ได้ย้ายไปอยู่ตามอพาร์ตเม้นต์เล็กๆแห่งโน้นแห่งนี้ เธอเปลี่ยนทีพำนักบ่อยเพื่อว่าเจ้าหน้าที่สรรพากรจะได้ไม่รู้ว่าจะตามเก็บภาษีเธอที่ไหน
- พอสูงวัยเฮตตี้เป็นโรคไส้เลื่อนแต่ไม่ยอมผ่าตัดเนื่องจากหมอจะคิดค่าผ่าตัด 150 ดอลลาร์ แพงเกินไปสำหรับเธอผู้มีเงินนับร้อยล้าน นอกจากนี้ยังเป็นอัมพฤกษ์จนต้องนั่งเก้าอี้ล้อเลื่อน (วีลแชร์)
-นอกจากนี้เฮตตี้จะเปลี่ยนเส้นทางการไปไหนมาไหนประจำทุกวันเพราะเธอกลัวจะถูกลักพาตัวอย่างมาก
- นอกจากนี้เธอกลัวการถูกวางยาจนขึ้นสมอง เธอหวาดระแวงสงสัยว่าพ่อและป้าของเธอถูกวางยา
- เธอเสียชีวิตเมื่ออายุ 81ปี เมื่อ 3 ก.ค. 1916ด้วยเส้นโลหิตในสมองแตก เพราะทะเลาะกับคนอื่นเรื่องต่อรองราคานม ( ขี้เหนียวจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ)
- หลังเสียชีวิต ลูกทั้งสองได้รับมรดกนับร้อยล้านดอลล่าร์
เนดผู้เป็นลูกชายนั้นมีนิสัยตรงข้ามกับแม่โดยสิ้นเชิง เขาชอบใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือย และใช้เงินไปกับปาร์ตี้และผู้หญิงมากมาย จนกระทั่งเขาไปตกหลุมรักโสเภณีคนหนึ่งนาม มาเบล อี. แฮโรล แน่นอนว่าเฮตตี้ผู้เป็นแม่ขัดขวางรักครั้งนี้สุดตัว แต่เนดก็รอจนมารดาเสียชีวิตก่อนจึงแต่งงานกับเธอ หลังจากได้มรดก เนดก็สร้างคฤหาสน์หรูมูลค่า 1.5 ล้านเหรียญ บนที่ดินขนาดใหญ่ ต่อมาได้สร้างสนามบินในเขตบ้าน โดยคนที่ขับเครื่องบินผ่านทุกคนสามารถแวะจอดได้
เนดสนใจในการสะสม แสตมป์ เหรียญและรถยนต์มาก เขาทุ่มเงินไม่อั้นในการซื้อเหรียญและแสตมป์ที่หายาก บางครั้งทุ่มไปนับหมื่นเหรียญ นอกจากนี้เนดยังมีรถยนต์มากมายหลายคัน รถส่วนมากปรับเป็นพิเศษสำหรับเขาเนื่องจากเขาใช้ขาเทียม
เนดเสียชีวิตในปี 1936
โดยมีทรัพย์สินเหลือกว่า 44 ล้านเหรียญ ซึ่งทรัพย์สินส่วนใหญ่ตกเป็นของซิลเวียน้องสาวเพราะเนดไม่ได้เขียนพินัยกรรมมอบทรัพย์สินให้มาเบล มีเพียงสัญญาก่อนแต่งงานว่ามาเบลจะได้รับเงินเดือนละ 1,500 เหรียญหลังเขาเสียชีวิตเท่านั้น แต่หลังจากตกลงกันในศาล มาเบลก็ได้เงินมาอีก 500,000 เหรียญ
คฤหาสน์หรูของเนด
ซิลเวียเสียชีวิตในปี 1951 โดยมีทรัพย์สินเหลือกว่า 94 ล้านเหรียญ อย่างไรก็ดีเธอได้มอบทรัพย์สินเกือบทั้งหมดแบ่งให้สถาบันการศึกษาและองค์กรการกุศลต่างๆรวม 63 แห่งไป
เนดกับหนึ่งในคอลเล็คชั่นรถหรูของเขา
เนดขับรถมาทักทายนักบินสองคนที่แวะมาจอดที่สนามบินในบ้านเขา
เฮตตี้ ( นั่ง ) กับซิลเวีย ลูกสาว
นี่คือรถไฮบริดรุ่นแรกของโลก ซึ่งแน่นอนว่าราคาแพงมากในยุคนั้น แต่เนดก็ไม่พลาดที่จะถอยมาใช้โดยไม่รอช้า
แม้แต่รถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าในยุคนั้นซึ่งแพงเช่นกัน เนดก็ไม่พลาดที่จะซื้อเป็นเจ้าของ
คฤหาสน์ของเนดปัจจุบันเปิดเป็นคอนโดมิเนียมให้พักอาศัย คฤหาสต์นี้มีพื้นที่ถึง 231 เอเคอร์ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งสระว่ายน้ำติดเครื่องทำความร้อน สนามเทนนิส สนามเด็กเล่น สนามกอล์ฟ บาร์ และคฤหาสน์นี้ยังอยู่ริมทะเล มีวิวที่ดี มีหาดทรายส่วนตัวสำหรับผู้พักอาศัยที่อยากเล่นน้ำทะเลหรืออาบแดด และมีสวนมีบึงสำหรับพักผ่อนหย่อนใจด้วย#เนดใช้มรดกจากแม่จอมขี้เหนียวของตัวเองได้คุ้มสุดๆจริงๆ
เนดขับรถมารับเรือเหาะที่มาจอดในสนามบินในบ้าน
เฮตตี้กับซิลเวียลูกสาวและแมทธิว วิลค์ผู้เป็นเขย โดยวิลค์ต้องหาเงินมา 2 ล้านเหรียญมาให้เธอดูเธอจึงยอมยกลูกสาวให้
ภาพล้อเลียนเฮตตี้ที่ไม่ยอมเปิดสำนักงานตัวเองเพราะกลัวเสียเงิน แต่มายึดมุมในธนาคารเป็นที่ทำงานตัวเอง แถมยังเอาเครื่องทำความร้อนของธนาคารมาอุ่นอาหารด้วย
https://www.facebook.com/groups/1490033434592210/permalink/1998539137074968/