ข้อคิดจากการ"นอนไม่หลับ" โดย โน้ส อุดม แต้พานิช
"ตอนสมัยเด็กๆ ผมสงสัยเสมอเวลาแม่บ่นนอนไม่หลับ นอนหลับมันยากตรงส่วนไหนวะ?
ก็แค่หลับตาแล้วก็อย่าคุย แค่เนี้ยะ ทำกันไม่เป็น
ผมมาหายสงสัยตอนโต ตอนที่ตนเองมีงาน มีภาระ มีเวลาว่างน้อย
แล้วผมก็ได้รู้จักมัน "ไอ้นอนไม่หลับ"
มันเหมือนมีรายการ MTV อยู่ในหัวผม มันยุ่งเหยิงสับสน หลายเรื่องตัดสลับไปมา
ผมนอนบิดไปมาจนครบทุกท่าก็ยังหลับไม่ลง
สุดท้ายผมก็พบทางออก ผมนอนหลับได้ผลดีมากครับ กินยานอนหลับ หลับปุ๋ย
ผมชอบมาก กินบ่อยมากกว่าวิตามินซี อยากหลับเวลาไหน เวลานั้น
แต่พักหลัง ๆกินอย่างไรก็ไม่หลับทำไมไม่รู้ หมอยงยุทธบอกว่า
เพราะผมใช้มันพร่ำเพรื่อ กะประมาณที่กินมันตั้งแต่เริ่มจนถึงปัจจุบันสามารถทำให้คนทั้ง 2 ซอย
หลับได้ 3 วันเต็ม ๆ ถึงวันนี้ให้ผมกิเป็นกำก็ไม่เกิดผล
อยากหลับมีอยู่ 2 ทาง
1. ใช้ยาสลบ
2. ถูกต่อยแรง ๆ
ข้อสองได้ผลดีมากแต่สิ้นเปลืองค่าปฐมพยาบาลสักหน่อย หมอยงยุทธบอกอีกว่า
วิธีทำให้หลับง่ายและประหยัดค่าใช้จ่ายที่สุดก็คือ "สมาธิ"
สมาธิ โอ้...ใช่แล้ว
ผมสั่งหมอ 2 แผงทันที หมอตบกบาลผมหัวทิ่ม และบอกว่าอย่าเพิ่งตลก
ตั้งใจฟังหน่อย สิ่งที่ผมตั้งใจฟังวันนั้นมีประโยชน์ต่อผมและครอบครัวมาถึงทุกวันนี้
เมื่อได้นอนอิ่มเราก็ตื่นอย่างกระปรี้กระเปร่าเหมือนแบตเตอรี่ 3k ที่พร้อมให้พลังงาน
เปี่ยมไปด้วยกำลังในการคิดทำสิ่งต่างๆ ทุกประเภท หลังการตื่นเรา
จะแปรงฟันอย่างถูกวิธี เราจะไม่หงุดหงิดกับการถูกแม่บ่นว่าไม่ชอบพับผ้าห่ม
เราจะกินข้าวได้มาก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่คนอดนอนทำได้ยากที่สุด (ครูจุรีรัตน์เคยบอกไว้ในชั่วโมงสุขศึกษา)
สมาธิคืออะไร? สารภาพตรง ผมไม่ทราบครับ หมอตบหัวแรงทำให้จำไม่ได้
แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นการนำใจของเราไปจรดอยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพียงสิ่งเดียว
ด้วยความสบายๆ เบิกบาน ไม่บังคับบีบเค้น
ว่าแกต้องหยุดอยู่ตรงนี้นะ อย่าขัดขืน พวกเราล้อมไว้หมดแล้ว
คืนนั้น ผมลองไปชวนใจไปจรดอยู่กลางท้อง
ผมจินตนาการว่าท้องผมเป็นกระป๋องอันใหญ่ๆ ในกระป๋องมีลำไยสีชมพูอยู่หนึ่งลูก
ผมหลับตาเบา ๆ ใช้ใจมองลำไยลูกนั้นเพียงอย่างเดียว
บางครั้งอาจจะมีเงาะและสับปะรดแว่บมาแจมบ้าง
แต่ผมไม่สนใจ ผมสนใจแต่ลำไยของผม ลูกกลม ๆ หนึ่งลูก ลูกนี้
แค่นี้เท่านั้น
เวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที ผมรู้สึกสงบใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนตลอดชีวิต
โลกทั้งโลกเงียบ.........................
มีเพียงลำไยกลม ๆ ลูกนี้ลูกเดียวเท่านั้น
นี่กระมัง...ที่เขาเรียกสมาธิ
ผมคงไม่มีปัญญาพอที่จะอธิบายถึงคุณวิเศษของสมาธิได้กระจ่างเหมือนหมอยงยุทธ
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกได้หลังการปฏิบัติก็คือ สมาธิ เป็นหัวใจหนึ่งในการดำรงชีวิต
นอกจากกระเป๋ายี่ห้อแพง ๆ อย่างที่ผู้หญิงเข้าใจ
ชีวิตคนเราทุกวันนี้ต้องผูกพันกับคนอื่น ๆ นับสิบนับร้อย
เรามักสนใจแต่เรื่องของคนอื่น ลูกน้องขี้โกง เจ้านายปากหมา
เพื่อนร่วมงานชอบนินทา เลขาชอบป้ายสี แฟนนิสัยไม่ดี สามีนอกใจ
อาไม่ยอมใช้หนี้ คนโน้นก็ไม่เข้าท่า ไอ้บ้านั่นก็ไม่เข้าที เกือบทุกคนเกือบทุกที่
มีแต่ถ่ายเทความหงุดหงิดให้แก่กัน เรามักสนใจเรื่องของคนอื่นมากกว่า
ถ้ามีใครมาถามเราว่าคนนั้นคนนี้มีนิสัยไม่ดีอย่างไร
เรามักจะตอบได้อย่างละเอียดลออ ยิ่งถ้าเป็นคนที่เราไม่ชอบขี้หน้าด้วยแล้ว
เรื่องนั้นจะสนุกสนานโลดโผน เมามัน
แต่ถ้ามีใครมาถามข้อเสียของเราบ้าง ความจำจะเสื่อมทันที นึกไม่ค่อยออก
นึกออกแต่เรื่องดีๆ ทำไมเราถึงแสนดีอย่างนี้นะ?
ถ้าใจเราเป็นน้ำครำ เรื่องราวมากมายเปรียบเสมือนขุ่นโคลน ภายใน 24 ชั่วโมง
เราน่าจะเจียดเวลาให้ใจของเราได้อยู่นิ่งเพื่อขุ่นตะกอนได้นอนก้นบ้างสัก 15 นาที
เมื่อตะกอนได้นอนก้น น้ำข้างบนก็จะใส ใจใส ๆ
มองปัญหาอะไรจะเห็นชัด เห็นใจเรา เห็นใจเขา เห็นความดีคนอื่น
เห็นความชั่วตัวเองเด่นชัด เรียงลำดับปัญหาได้ถนัดว่าอันไหนสำคัญก่อนหลัง
ใจตกตะกอนนอนก็หลับสนิท เหมือนปิดสวิทช์ เหมือนถูกการไฟฟ้าตัดไฟ
รายการ MTV หรือคอนเสิร์ตใจประสานใจ ก็ไม่สามารถออกอากาศกวนประสาท
เราได้หลับฝันดี มีขนมอร่อยกิน ได้ยินเพลงเพราะ และได้หัวเราะอย่างพอเพียง
ประโยคนี้ผมพูดบ่อย เพราะมันคือ ทัศนคติในการดำเนินชีวิตของผม ชีวิตเป็นเรื่องสบาย ๆ
แล้วแต่ใครจะชอบทำให้มันยุ่งยาก"
~ อุดม แต้พานิช~