หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

"ความเป็นมาของภาษากลาง"ของโลก "จักรวรรดิบริติช (: British Empire) หรือจะเรียกว่าจักรวรรดิอังกฤษ

โพสท์โดย warrior B

"ความเป็นมาของภาษากลาง"ของโลก "จักรวรรดิบริติช (: British Empire)  : หรือจะเรียกว่าจักรวรรดิอังกฤษ

พื้นที่ต่าง ๆ ของโลกซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิบริติช ปัจจุบันดินแดนโพ้นทะเลอังกฤษถูกขีดเส้นใต้สีแดง

ในปัจจุบันถ้าถามคนทั่วไปไม่ว่าจะประเทศไหนๆ ว่าภาษากลาง (Lingua Franca) ของโลก คืออะไร คงจะเดากันไม่ยากว่า คนส่วนใหญ่จะตอบว่าภาษาอังกฤษ

หากแต่ว่าท่านทราบหรือไม่ ภาษาอังกฤษนั้นเพิ่งจะแทนที่ภาษาฝรั่งเศสในฐานะภาษากลางเมื่อร้อยปีที่ผ่านมาเท่านั้นเอง

ย้อนกลับไปที่สมัยจักรวรรดิโรมัน (Roman Empire) ภาษากลางที่ใช้กันในอาณาจักรก็คือ ภาษากรีก และ ภาษาโรมัน ส่วนในจีนนั้นก็ใช้ภาษาจีน ส่วนอินเดียนั้นก็มีภาษานับร้อยนับพัน

ดังนั้นเราน่าจะเรียกได้ว่า ในโลกยุคโบราณนั้นยังไม่มีภาษากลางแตอย่างใด

หลังจากอาณาจักรโรมันตะวันตกล่มสลาย ดินแดนในยุโรปตะวันตกก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆในยุคกลาง หนึ่งในอาณาจักรที่เข้มแข็งและมีพลเมืองมากที่สุดของยุโรปก็คือ ฝรั่งเศส ภาษาฝรั่งเศสจึงเริ่มเป็นที่นิยมกันโดยทั่วไป

ในปี 1066 วิลเลียมผู้พิชิตได้ยกกองทัพนอร์มันจากฝรั่งเศสเข้ายึดครองอังกฤษได้ หลังจากนั้นชนชั้นสูงของอังกฤษจึงใช้ภาษาฝรั่งเศสแบบนอรมันในการสื่อสาร และนี่เองเป็นที่มาของการที่คำในภาษาอังกฤษบางคำนั้นได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศสมาเต็มๆ

หลังจากยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance) ในปี 1634 พระคาร์ดินัลริเชลิว (Cardinal Richelieu) จัดตั้งสถาบัน Académie française ขึ้นเพื่อทำให้ภาษาฝรั่งเศสนั้นเป็นภาษามาตรฐาน และควบคุมการพูด และการเขียนภาษาฝรั่งเศสให้เป็นระเบียบแบบแผน

ด้วยเหตุนี้เองภาษาฝรั่งเศสจึงมีมาตรฐานมากกว่าภาษาอื่นที่ใช้กัน การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่มีระเบียบ ตรงประเด็น ไม่มีความหมายซ้อนกันไปมาเหมือนกับภาษาอื่น เช่น ภาษาอังกฤษ

ดังนั้นชนชั้นสูงโดยเฉพาะเชื้อพระวงศ์ในยุโรปจะใช้ภาษาฝรั่งเศสกันเป็นหลักในการสื่อสาร ปัญญาชนอย่างพวกนักปราชญ์ก็ใช้ภาษาฝรั่งเศสโดยทั่วไป (เพราะฝรั่งเศสเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิด Enlightenment) นอกจากนี้ภาษาฝรั่งเศสเองก็เป็นภาษากลางที่ใช้ในการต่อรองทางการทูต และกฎหมาย แทนที่ภาษาละตินตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา

หากแต่ว่ามันเป็นเรื่องแปลกที่ชาวฝรั่งเศสจำนวนมากถึง 75% ในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศสนั้นไม่ได้พูดภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาแม่ จากผลการสำรวจพบว่าชาวฝรั่งเศสจำนวน 6 ล้านคนจากประชากร 28 ล้านคนไม่เข้าใจภาษาฝรั่งเศสเลย ในขณะที่อีก 6 ล้านคนไม่สามารถสื่อสารโดยใช้ภาษาฝรั่งเศสได้ ชาวดัชท์และชาวเยอรมันโดยทั่วไปกลับพูดฝรั่งเศสได้มากกว่าคนฝรั่งเศสเองเสียอีก!

หลังจากนโปเลียนได้ขึ้นสู่อำนาจ เขาได้ออกประมวลกฎหมายนโปเลียนขึ้น และได้สั่งให้มีการเผยแพร่ภาษาฝรั่งเศสให้กับชาวฝรั่งเศส ทำให้ชาวฝรั่งเศสนั้นสามารถพูดฝรั่งเศสได้มากยิ่งขึ้น

ในช่วงศตวรรษที่ 18- ต้นศตวรรษที่ 19 นั้นเป็นช่วงที่ภาษาฝรั่งเศสได้รับความนิยมสูงสุด และเริ่มเผยแพร่ไปทั่วโลกจากการที่ฝรั่งเศสนั้นมีอาณานิคมอยู่ทุกทวีป หากแต่ว่าส่วนมากแล้วคนทั่วไปที่ไม่ใช่ชนชั้นสูงหรือปัญญาชนก็มักจะพูดภาษาถิ่นของตนเองต่อไป เช่นคนรัสเซียธรรมดาก็พูดรัสเซียเป็นต้น ชาวสเปนทั่วไปก็พูดภาษาสเปน

เราอาจจะกล่าวได้ว่าภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษากลางเฉพาะสำหรับชนชั้นสูงและปัญญาชนเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ภาษาฝรั่งเศสนั้นก็เผชิญกับคู่แข่งในไม่ช้า นั่นก็คือภาษาอังกฤษนั่นเอง

ในช่วงศตวรรษที่ 18 นั้นเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่อังกฤษเป็นที่แรก อังกฤษนั้นคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย ดังนั้นถ้าใครอยากจะเรียนรู้เทคโนโลยีเหล่านี้ไปเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจก็ต้องเรียนภาษาอังกฤษ ทำให้ภาษาอังกฤษเริ่มเป็นที่นิยมขึ้น

เมื่อยุคล่าอาณานิคมกำเนิดขึ้น อังกฤษหรือเกรทบริเตนได้กลายเป็นจักรวรรดิบริติช (British Empire) ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ชาวอังกฤษนั้นได้สร้างสถานีการค้าและมหาวิทยาลัยมากมายในดินแดนที่ตนเองยึดครองได้ ภาษาอังกฤษจึงเริ่มเป็นที่ใช้กันโดยทั่วไปในดินแดนแทบนั้น 

นอกจากนี้เมื่อสหรัฐอเมริกา (อาณานิคมของอังกฤษ) ได้ประกาศเอกราช และเริ่มเติบโตขึ้นเป็นมหาอำนาจในโลก ชาติต่างๆมากมายจึงต้องการจะค้าขายกับอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ภาษาอังกฤษจึงเป็นที่ใช้กันโดยทั่วไปในทางการค้า ซึ่งแน่นอนว่าการค้านี้ไม่ได้ผูกขาดอยู่เพียงแต่ชนชั้นสูง การใช้ภาษาอังกฤษจึงแพร่หลายไปสู่ชนชั้นกลางและชนชั้นล่างด้วยในส่วนต่างๆ ของโลก ต่างกับภาษาฝรั่งเศสที่ใช้กันในหมู่ปัญญาชนและชนชั้นสูงเท่านั้น

โดยสรุปแล้ว ภาษาอังกฤษจึงกลายเป็นภาษาที่เกี่ยวข้องกับเงินทอง และสำหรับคนทั่วไปแล้ว เงินทอง (กินได้) สำคัญกว่า ปรัชญา (กินไม่ได้) ภาษาอังกฤษจึงเริ่มแย่งพื้นที่่ของภาษาฝรั่งเศสในฐานะภาษากลางของโลกเรื่อยๆ

 

(หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2 จบสิ้นลง สหรัฐอเมริกาได้กลายเป็นมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลกอย่างเต็มตัว แทนที่อังกฤษและฝรั่งเศส ดังนั้นภาษาของชาวอเมริกัน หรือ ภาษาอังกฤษจึงกลายเป็นภาษากลางของโลกแทนที่ภาษาฝรั่งเศสอย่างสมบูรณ์มาจนถึงปัจจุบัน)

หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2 จบสิ้นลง สหรัฐอเมริกาได้กลายเป็นมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลกอย่างเต็มตัว แทนที่อังกฤษและฝรั่งเศส ดังนั้นภาษาของชาวอเมริกัน หรือ ภาษาอังกฤษจึงกลายเป็นภาษากลางของโลกแทนที่ภาษาฝรั่งเศสอย่างสมบูรณ์มาจนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตามภาษาฝรั่งเศสก็ยังคงใช้กันอยู่มากในทางการทูตและกฎหมาย รวมไปถึงประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส (เช่นในแอฟริกา)

หากแต่ว่าภาษาที่กำลังเป็นที่นิยมและมีผู้ใช้จำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นก็คือ ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ

ว่าแต่ เรามาทำความรู้จักกับจักรวรรดิบริติชหรือจะเรียกว่าจักรวรรดิอังกฤษกันสักหน่อยดีกว่าค่ะ ^^

จักรวรรดิบริติช (อังกฤษ: British Empire) 
: หรือจะเรียกว่าจักรวรรดิอังกฤษ

มีดินแดนปกครองอยู่ทั่วโลกมีต้นกำเนิดมาจากดินแดนอาณานิคมโพ้นทะเลและสถานี
การค้าที่ก่อตั้งโดยราชอาณาจักรอังกฤษในช่วงที่รุ่งเรืองมากที่สุด จักรวรรดิบริติช นั้น
มีอำนาจมีแผ่นดินในอารักขาอาณานนิคมจนได้ชื่อว่า ....."ดินแดนพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน "ก็เพราะ จักรวรรดิอังกฤษนั้น มีอาณานิคมมากมายในหลายทวีปเช่น ออสเตรเลีย แคนาดา...ใน เอเชีย อย่าง อินเดีย พม่าและในหลายๆที่ทั่วโลก ...

ในดินแดนโพ้นทะเลนอกจาก สหราชอาณาจักรคือ อังกฤษ สก็อตแลนด์ เวลส์ รวมไปถึง ไอร์แลนเหนือ และทวีปอเมริกา แอฟริกา พวก ซูดาน ส่วนนึงของอียิปต์ ไนจีเรีย สวาซิแลนด์ เคนย่า แอฟริกาใต้ หมู่เกาะโซโลมอน ปาปัวนิวกีนี และอีกเยอะแยะ. !! 


ความยิ่งใหญ่เกรียงไกลของพวกเขาจัดให้อยู่เป็นอันดับ 1 ของทุกอาณาจักรที่เคยมีมาความรุ่งเรืองที่สุดของ จักรวรรดิบริติช อยู่ในยุค 1783-1815 มีพื้นที่มากที่สุดกว่า33,700,000 ตารางกิโลเมตร

อเมริกา จีน รัสเซีย

 

❤️แหล่งข้อมูล/ประวัติศาสตร์โลก:

ขอบคุณที่มา: ตันหยง เพชรน้ำหนึ่ง
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1841095962867817&set=pcb.1841096452867768&type=3&theater
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
warrior B's profile


โพสท์โดย: warrior B
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
24 VOTES (4/5 จาก 6 คน)
VOTED: YtpmEEmpty, เอ๋ง ไม่ดัดจริต, robin123, สูตรกลมกล่อม
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
รัฐจ่าย เช็คสิทธิผ่านเว็บ เงินดิจิทัล 10000 บาท เข้าวันไหน ทำง่ายมากระทึก! ครูคลุ้มคลั่งถือปืนอัดลมในวิทยาลัย6 ชาที่ชอบ..บอกนิสัยคุณเปิดธุรกิจ “แม่ตั๊ก กรกนก” นอกจากขายทอง เคยขายอะไรมาบ้าง?ใช้มือกินไก่ทอด KFC ผิดมั๊ย..ทำไมรู้สึกเหมือนมีคนมองทั้งร้านนาทีระทึก! น้ำป่าซัด "บ้านห้วยหินลาด" เวียงป่าเป้า จ.เชียงรายหนุ่ม กรรชัย สั่งชั่งน้ำหนัก ‘กำไลปี่เซี๊ยะ’ ขายเกือบสี่หมื่น แท้จริงแล้วไม่ถึง 2 สลึงสะเทือนวงการสงฆ์! โซเชียลโพสต์วิจารณ์ เอาครูต่างชาติสอนภาษาสามเณร แอบแฝงสอนศาสนาอื่น เหมาะเหมาะสมหรือไม่ห้องอภิเษกสมรสของจักรพรรดิราชวงศ์​ชิง​แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์ ยินดีรับผิดชอบ ‘ซื้อทองคืน ให้ราคาเต็ม’ พร้อมเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายเส้นทางรัก ‘อ๋อม อรรคพันธ์’ กับภรรยา ‘ดาเรีย เชฟรุก’ ผู้อยู่เคียงข้างจนวันสุดท้าย"ลีน่า จัง" แหวกฝูงชนไปดู "หมูเด้ง" อ้างไลฟ์สดอยู่..โซเชียลออกมาวิจารณ์ยับ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
งานแต่งสุดแฮปปี้..เพราะรักนี้มีแค่เราสามคนแม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์ ยินดีรับผิดชอบ ‘ซื้อทองคืน ให้ราคาเต็ม’ พร้อมเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายช็อก!! เมื่อเยือนบ้านมหาเศรษฐี! อลังการเกินคาด เห็นชุดเพื่อนถึงกับอึ้ง ลบภาพจำจากละครนาทีระทึก! น้ำป่าซัด "บ้านห้วยหินลาด" เวียงป่าเป้า จ.เชียงรายห้องอภิเษกสมรสของจักรพรรดิราชวงศ์​ชิง​
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
smash: ทุบ ตีแตกห้องอภิเษกสมรสของจักรพรรดิราชวงศ์​ชิง​careless: ไม่ระมัดระวังเปิดตำนาน ประวัติความเป็นมา ของเสาชิงช้า
ตั้งกระทู้ใหม่