แนะนำ 8 เมนูเปรี๊ยวซี๊ดซ๊าด น้ำลายแตกฟอง
8 เมนูพื้นบ้าน เปรี๊ยวซี๊ดซ๊าด แค่เห็นก็ชวนน้ำลายสอ และคิดฮอดบ้าน
8 เมนูพื้นบ้าน แค่เห็นก็ชวนน้ำลายสอแล้ว ถ้าได้ลองลิ้มชิมรสแล้วต่างก็ต้องประทับใจไม่ว่าคนไทยหรือต่างชาติ นี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต่างชาติมาเมืองไทยแล้วถ้าไม่ได้ลองลิ้มชิมรส นั่นก็หมายความว่า คุณยังมาไม่ถึงและยังเข้าไม่ถึงจิตวิญญาณอาหารของไทยบอกเลย และเมนูที่ว่านี้ก็คือผลไม้เปรี้ยวจิ้มพริกต่างๆนั่นเองครับ วันนี้มีอะไรบ้างเราไปดูกัน
1.ตำมะยม พูดถึงอาหารไทยที่หลายคนเห็นแล้วต้องซี้ดปาก อยากกินให้ได้ คงหนีไม่พ้นเมนูประเภทตำยำ ที่ทำให้เปรี้ยวปากและทำให้น้ำลายไหลได้แบบอัตโนมัติ เช่นเดียวกับ “ตำมะยม”
2.มะขามจิ้มพริกเกลืออาหารเปรี้ยวที่ไม่ต้องบรรยายอะไรให้มาก แค่นึกอยากกิน ก็น้ำลายสอแล้ว นอกจากจิ้มพริกเกลือแล้ว เรายังสามารถนำมะขามมาตำก็ได้นะ
3. ยำมะนาว เมนูซี๊ดดด.ขั้นตอนการทำก็ไม่อยากอะไรเลย เราสามารถปรุงรสแบบเปรี้ยวจี๊ดเลยก็ได้ เผ็ดหน่อยก็ได้ จะเผ็ดนำเปรี้ยวตามหรือเปี้ยวนำเผ็ดตามก็ยังไง จะแบบไหนรสชาติก็ออกมาแซ่บ แต่จะทำเมนูแนะนำนะครับว่าอย่าปรุงจัดเกินอาจจะมีวิ่งเข้าห้องน้ำหลายรอบเลยล่ะ 55555555
4.เมนูยำมะม่วงรสเปรี้ยว แซ่บจัดจ้าน ที่ใช้เพียงวัตถุดิบง่าย ๆ อย่าง มะม่วงเปรี้ยวสับเป็นเส้น เคล้ารวมกับหอมแดง อาจจะใส่กุ้งแห้ง ปลาจิ้งจั้ง เพิ่มเติมก็ได้ เราแล้วแต่คและส่วนผสมต่าง ๆ ปรุงรสจนกลายเป็นเมนูอร่อยเลิศ ที่สัมผัสได้ถึงความกรุบกรอบและเปรี้ยวของมะม่วง ซึ่งเข้ากับน้ำยำได้อย่างลงตัวสุด ๆ
5.ยำตะลิงปิง ผลไม้ที่แค่เห็นก็น้ำลายสอ เปรี้ยวปากโดยที่ยังไม่ทำอะไรเลย อย่างตะลิงปลิง ที่ตอนสมัยที่ผู้เขียนเป็นเด็กชอบเก็บมาจิ้มกินกับพริกเกลือหรือกะปิ
6. ตะคร้อจิ้มพริกเกลือ หมากค้อนั้นมีรสเปรี้ยวๆอมหวานนิดหน่อยพอมาจิ้มพริกเกลือหรือแกะเปลือกแล้วเอาลอยน้ำปลาซดโหยยาระบายชั้นดีเลยล่ะ555.พูดแล้วน้ำลายสอ
7. ยำกระท้อน เป็นผลไม้ที่นำมาทำอาหารได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแกง ผัด หรือขนมหวานคลายร้อน ด้วยความเปรี้ยวฝาดของเนื้อกระท้อนและความหวานอมเปรี้ยวของปุยกระท้อน เมนูที่เหมาะที่สุดก็ต้องเป็นเมนูแซ่บๆ อย่างเช่น ตำหรือยำเป็นต้น
8. มะม่วงแจ่วปลาแดก เป็นเมนูกินเล่นหน้าร้อนได้ดีเยี่ยม เพราะว่าเมษาปิดเทอม ฝนฮำดอกมะม่วงแล้ว ถึงแม้ว่าจะร้อนเราก็ชุมนุมกันกินหมากม่วงมะม่วงแจ่วปลาแดก อย่างเอร็ดอร่อย กับพี่ป้าน้าอาเพื่อนข้างบ้านเรา ย้อนไปวัยเด็กแล้วกะคึดฮอดบ้าน
ที่มา - http://พื้นเมืองอีสาน.com/567/
ขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต