หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เหล่าเปรต(บางส่วน)ในกรุงราชคฤห์ เมืองหลวงแห่งแคว้นมคธ

โพสท์โดย นาคเฝ้าคัมภีร์
จาก อรรถกถา สังยุตตนิกาย นิทานวรรค ลักขณสังยุตต์ ปฐมวรรคที่ ๑อัณฑภารีสูตร(รวมพระ สูตรที่มีในวรรค) + ติโรกุฑฑสูตร + ติโรกุฑฑสูตร[ฉบับมหาจุฬาฯ] + เปรต ; ชีวิตหลังความตายในคติพุทธ ตอนที่ ๓ + อรรถกถา จตุตถปาราชิกสิกขาบท อนาปัตติวาร วินีตวัตถุ
 
เปรต คือ บิดา(ผู้เป็นใหญ่ตระกูล)ซึ่งล่วงลับไปแล้ว
ในเปตวิสัย(ปิตติวิสัย) คือ ภูมิหรือกำเนิดแห่งเปรต(โลกแห่งเปรต) เหล่ามีความเป็นอยู่ ดังนี้
ในเปตวิสัยนั้น
ไม่มีการทำไร่ ไถนา ปลูกข้าว(กสิกรรม)
ไม่มีการปศุสัตว์ เช่น การเลี้ยงโคเพื่อรีดเอานมมาทำอาหาร(โครักขกรรม)
ไม่มีการค้าขาย(พานิชยกรรม)
ไม่มีการซื้อการขายแลกเปลี่ยนเงินตรา
ผู้ทำกาละละไปแล้วในเปตวิสัยนั้น ย่อม ยังอัตตภาพให้เป็นไปในเปรตวิสัย ด้วยทานที่ญาติอุทิศให้แล้วจากโลกนี้
 
เปรตที่เหล่าญาติยังสามารถอุทิศส่วนทานให้ได้อยู่ เรียกว่า ปรทัตตูปชีวีเปรต คือ เปรตที่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่เหล่าญาติเป็นผู้อุทิศให้(ปุพพเปตพลี)
แต่เปรตใด ที่ลูกหลานอุทิศทานให้ไม่สม่ำเสมอ หรือ ลูกหลานไม่ทำบุญส่งทานไปให้เลย(ไม่มีญาติคนไหนนึกถึงเลย) สถานภาพของเปรตเหล่านั้นจะลดต่ำลงไปอีก กลายเป็นเปรตขอทานที่ต้องเที่ยวขอแบ่งส่วนบุญจากเปรตอื่น ด้วยการขอแบ่งส่วนทานหรือส่วนบุญจากผู้อื่นที่ไม่ใช่ญาติของตนเองเพื่อดำรงชีพแทน
อนึ่ง การตายจาก“สถานภาพของเปรต”นั้นเป็นไปได้ยากมากๆ เพราะ หากพยายามไปขอแบ่งบุญจากเปรตอื่นโดยรับทานจากคนเป็นที่ไม่ใช่ญาติตัวเอง(ตามพิธีต่างๆ เช่น การเซ่นผีไร้ญาติ ชิงเปรต ฯลฯ)แต่ก็ไปไม่ทันเปรตอื่นๆอีก(ไปไม่ทันกิน) เปรตเหล่านั้นก็ยังเหลือวิธีดำรงชีพด้วยสิ่งอื่นอีก ซึ่งการดำรงชีพวิธีการเหล่านี้ คือวิธีการดำรงชีพของเหล่าเปรตที่อดอยากมากที่สุด ซึ่งสิ่งที่เปรตเหล่านี้สามารถใช้ดำรงชีพได้ มีอยู่หลักๆ ๓ ชนิด ได้แก่
วันตสาตะ(วันตาสะ) คือ เปรตที่กินของเสียที่เขาสำรอก บ้วน หรือคายทิ้งแล้ว
กุณปขาทา(กุณปาสะ) คือ เปรตที่กินน้ำเลือดน้ำหนองอสุภะซากสิ่งมีชีวิตต่างๆ
คูถขาทา(คูถขาทกะ) คือ เปรตที่กินซาก-กากอุจจาระและปัสสาวะ
ซึ่งเปรตที่ยังชีพด้วยสิ่งปฏิกูลเหล่านี้ คือ เปรตที่มีสถานภาพต่ำที่สุด และเพราะยังมีวิธีดำรงชีพเหลืออยู่อีกมาก การตายจาก“สถานภาพของเปรต”จึงเป็นไปได้ยากยิ่ง สภาวะของเปรตทั้งหลายจึงถูกบัญญัติไว้โดยรวมว่า เป็นผู้หิวกระหายอยู่เป็นนิจ
 
แต่หากว่ากันตามจริง สภาวะความเป็นเปรตนั้น เริ่มต้นตั้งแต่ครั้งที่เป็นมนุษย์แล้ว เรียกว่า มนุสสเปโต(มนุษย์เปรต) คือ ผู้มีความหิวกระหาย“จากภายใน(จิตใจ)”อยู่เป็นนิจ เกิดจากความอยากครอบครอง และไขว่คว้าจนได้ครอบครอง แต่เมื่อได้ครอบครองกลับรู้สึกเบื่อหน่าย และไม่มีความสุขทั้งๆที่ได้สิ่งสิ่งนั้นมาครอบครองแล้ว และพยายามไขว่คว้าสิ่งอื่นต่อไปๆอย่างไม่สิ้นสุด โดยที่ไม่ยอมปลดปล่อยของเดิมถึงแม้จะเบื่อมันแล้วก็ตาม เพราะมนุสเปโต ไม่ได้มีความสุขจากการครอบครอง(เพียงอย่างเดียว) แต่มีความสุขจากการแย่งชิง! การไขว่คว้า! ฉกฉวย! สะสม! ที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจยิ่งกว่าการครอบครอง
 
การทำลายและแย่งชิงประโยชน์ส่วนรวมให้มาเป็นประโยชน์ส่วนตน(และของพวกตน) การเบียดเบียนทั้งมนุษย์ด้วยกัน สัตว์เดรัจฉาน และทรัพยากรในธรรมชาติ คือ การสร้างสภาวะความเป็นเปรตให้กับตนเองจากภายใน และสะสมลงในจิตใต้สำนึกไปเรื่อยๆจนกระทั่งตาย สภาวะจิตที่สะสมความเป็นเปรตนั้นจึงได้แสดงตัวออกมาด้วยการสังเคราะห์รูปกายภายนอกให้กับเปรตตนนั้นๆ
ในสมัยพุทธกาล เปรตทั้งหลาย ล้วนพบได้มากในแคว้นมคธจนแทบจะกลายเป็นสิ่งชินตา ผลการสำรวจเส้นทางจาก เขาคิชฌกูฏ ถึง เขตพระนครราชคฤห์ ของท่านพระมหาโมคคัลลานะ พบเปรตนานาชนิด จึงได้มีการรวบรวมข้อมูลของเปรตชนิดต่างๆ และพฤติกรรมการกระทำซึ่งนำไปสู่ความเป็นเปรตชนิดต่างๆขณะที่ยังเป็นมนุสสเปโต ไว้ดังนี้
๑. อัฏฐิสังขลิกเปรต(อัฏฐีสังขสิกเปรต)
ลักษณะทางกายภาพ
ร่างกายเป็น(โครง)กระดูก เที่ยวลอยไปในท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง(เวหาส) ฝูงนกแร้ง นกกา และนกเหยี่ยว(ฝูงนกอันเกิดแต่กรรม) พากันโฉบอยู่ขวักไขว่ จิกสับโดยแรง จิกทึ้ง ยื้อแย่งเนื้อที่ติดอยู่ตามระหว่างช่องซี่โครงเปรตนั้นสะบัดไปมา ทำให้เปรตนั้นร้องครวญคราง
พฤติกรรมโดยเจตนาเมื่อครั้งเป็นมนุษย์
มีอาชีพฆ่าโคอยู่ในพระนครราชคฤห์ ด้วยวิธีการแล่และปลิ้นเนื้อออกจากกระดูก แล้วนำเนื้อที่แล่นั้นมาขายเลี้ยงชีพอยู่หลายปี(นัยว่ายึดอาชีพนี้มาตลอดชีวิต)
(ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีการขายโก่งราคา ลักวัวผู้อื่นมาขาย ฯลฯ เป็นกรรมประกอบร่วมด้วยรึไม่)
เมื่อ อปราปรเวทนียกรรม[อปรปริยายเวทนียกรรม/อปราปริยเวทนียกรรม](การกระทำที่ให้ผลในชาติภพต่อๆไป)ของเจตนาต่างๆ(ในครั้งเป็นมนุษย์)ได้ประมวลแล้ว จึงนำให้ปฏิสนธิในนรกตามเจตนาที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้หมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ในอัตภาพนั้น ด้วยวิบากแห่งกรรม และเมื่อวิบากแห่งเจตนาดวงนั้นสิ้นสุดแล้ว จึงปฏิสนธิในโลกของเปรต(เปรตวิสัย)ด้วยวิบากที่เหลือแห่งกรรม(เศษกรรมที่เหลือ) เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยการกระทำ หรือ กรรมนิมิตให้เป็นอารมณ์ เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยอารมณ์
ในกรณีของนักฆ่าโคนี้ ในเวลาเคลื่อนออกจากนรก ได้มีนิมิตคือ กองกระดูกของโคทั้งหลายซึ่งแล่เนื้อออกแล้ว(เพียงอย่างเดียว) ดังนั้น เมื่อจะแสดงผลจากการกระทำที่เคยปกปิดไว้ให้ปรากฏแก่วิญญูชนทั้งหลาย จึงจุติเป็น อัฏฐิสังขลิกเปรต
 
๒. มังสเปสิเปรต(มังสเปสีเปรต/มังสเปสิกเปรต)
ลักษณะทางกายภาพ
ร่างกายเป็นชิ้นเนื้อ เที่ยวลอยไปในท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง(เวหาส) ฝูงนกแร้ง นกกา และนกเหยี่ยว(ฝูงนกอันเกิดแต่กรรม) พากันโฉบอยู่ขวักไขว่ จิกสับโดยแรง จิกทึ้ง ยื้อแย่งร่างเปรตนั้นสะบัดไปมา ทำให้เปรตนั้นร้องครวญคราง
พฤติกรรมโดยเจตนาเมื่อครั้งเป็นมนุษย์
มีอาชีพฆ่าโคอยู่ในพระนครราชคฤห์ ด้วยวิธีการชำแหละเนื้อโคเป็นชิ้นๆนำไปตากให้แห้ง แล้วนำเนื้อที่ตากจนแห้งนั้นมาขายเลี้ยงชีพอยู่หลายปี(นัยว่ายึดอาชีพนี้มาตลอดชีวิต)
(ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีการขายโก่งราคา ลักวัวผู้อื่นมาขาย ฯลฯ เป็นกรรมประกอบร่วมด้วยรึไม่)
เมื่อ อปราปรเวทนียกรรม[อปรปริยายเวทนียกรรม/อปราปริยเวทนียกรรม](การกระทำที่ให้ผลในชาติภพต่อๆไป)ของเจตนาต่างๆ(ในครั้งเป็นมนุษย์)ได้ประมวลแล้ว จึงนำให้ปฏิสนธิในนรกตามเจตนาที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้หมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ในอัตภาพนั้น ด้วยวิบากแห่งกรรม และเมื่อวิบากแห่งเจตนาดวงนั้นสิ้นสุดแล้ว จึงปฏิสนธิในโลกของเปรต(เปรตวิสัย)ด้วยวิบากที่เหลือแห่งกรรม(เศษกรรมที่เหลือ) เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยการกระทำ หรือ กรรมนิมิตให้เป็นอารมณ์ เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยอารมณ์
ในกรณีของนักฆ่าโคนี้ ในเวลาเคลื่อนออกจากนรก ได้มีนิมิตคือ กองชิ้นเนื้อโคทั้งหลาย(เพียงอย่างเดียว) ดังนั้น เมื่อจะแสดงผลจากการกระทำที่เคยปกปิดไว้ให้ปรากฏแก่วิญญูชนทั้งหลาย จึงจุติเป็น มังสเปสิเปรต
 
๓. มังสปิณฑเปรต
ลักษณะทางกายภาพ
ร่างกายเป็นก้อนเนื้อ เที่ยวลอยไปในท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง(เวหาส) ฝูงนกแร้ง นกกา และนกเหยี่ยว(ฝูงนกอันเกิดแต่กรรม) พากันโฉบอยู่ขวักไขว่ จิกสับโดยแรง จิกทึ้ง ยื้อแย่งร่างเปรตนั้นสะบัดไปมา ทำให้เปรตนั้นร้องครวญคราง
พฤติกรรมโดยเจตนาเมื่อครั้งเป็นมนุษย์
มีอาชีพฆ่านก(สัตว์ปีกทั้งหลาย)อยู่ในพระนครราชคฤห์ ด้วยวิธีการถอนขนและถลกหนังออกจนหมด กระทำนกนั้นให้เป็นเพียงก้อนเนื้อ แล้วนำเนื้อที่ทำให้เป็นก้อนนั้นมาขายเลี้ยงชีพอยู่หลายปี(นัยว่ายึดอาชีพนี้มาตลอดชีวิต)
(ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีการขายโก่งราคา ลักนกผู้อื่นมาขาย ฯลฯ เป็นกรรมประกอบร่วมด้วยรึไม่)
เมื่อ อปราปรเวทนียกรรม[อปรปริยายเวทนียกรรม/อปราปริยเวทนียกรรม](การกระทำที่ให้ผลในชาติภพต่อๆไป)ของเจตนาต่างๆ(ในครั้งเป็นมนุษย์)ได้ประมวลแล้ว จึงนำให้ปฏิสนธิในนรกตามเจตนาที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้หมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ในอัตภาพนั้น ด้วยวิบากแห่งกรรม และเมื่อวิบากแห่งเจตนาดวงนั้นสิ้นสุดแล้ว จึงปฏิสนธิในโลกของเปรต(เปรตวิสัย)ด้วยวิบากที่เหลือแห่งกรรม(เศษกรรมที่เหลือ) เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยการกระทำ หรือ กรรมนิมิตให้เป็นอารมณ์ เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยอารมณ์
ในกรณีของนักฆ่านกนี้ ในเวลาเคลื่อนออกจากนรก ได้มีนิมิตคือ กองก้อนเนื้อนกทั้งหลาย(เพียงอย่างเดียว) ดังนั้น เมื่อจะแสดงผลจากการกระทำที่เคยปกปิดไว้ให้ปรากฏแก่วิญญูชนทั้งหลาย จึงจุติเป็น มังสปิณฑเปรต
 
๔. นิจฉวีเปรต(นิจฉวิเปรต/นิจฉวิปริสเปรต)
ลักษณะทางกายภาพ
ร่างกายเป็นองคาพยพเช่นเดียวกับมนุษย์ แต่ร่างกายไม่มีผิวหนัง เที่ยวลอยไปในท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง(เวหาส) ฝูงนกแร้ง นกกา และนกเหยี่ยว(ฝูงนกอันเกิดแต่กรรม) พากันโฉบอยู่ขวักไขว่ จิกสับโดยแรง จิกทึ้ง ยื้อแย่งร่างเปรตนั้นสะบัดไปมา ทำให้เปรตนั้นร้องครวญคราง
พฤติกรรมโดยเจตนาเมื่อครั้งเป็นมนุษย์
มีอาชีพฆ่าแกะ(และแพะ)อยู่ในพระนครราชคฤห์ เพื่อถลกหนังออกขายเลี้ยงชีพอยู่หลายปี(นัยว่ายึดอาชีพนี้มาตลอดชีวิต)
(ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีการขายโก่งราคา ลักแกะผู้อื่นมาขาย ฯลฯ เป็นกรรมประกอบร่วมด้วยรึไม่)
เมื่อ อปราปรเวทนียกรรม[อปรปริยายเวทนียกรรม/อปราปริยเวทนียกรรม](การกระทำที่ให้ผลในชาติภพต่อๆไป)ของเจตนาต่างๆ(ในครั้งเป็นมนุษย์)ได้ประมวลแล้ว จึงนำให้ปฏิสนธิในนรกตามเจตนาที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้หมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ในอัตภาพนั้น ด้วยวิบากแห่งกรรม และเมื่อวิบากแห่งเจตนาดวงนั้นสิ้นสุดแล้ว จึงปฏิสนธิในโลกของเปรต(เปรตวิสัย)ด้วยวิบากที่เหลือแห่งกรรม(เศษกรรมที่เหลือ) เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยการกระทำ หรือ กรรมนิมิตให้เป็นอารมณ์ เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยอารมณ์
ในกรณีของนักฆ่าแกะนี้ ในเวลาเคลื่อนออกจากนรก ได้มีนิมิตคือ ร่างของแกะที่ไม่มีหนังทั้งหลาย(เพียงอย่างเดียว) ดังนั้น เมื่อจะแสดงผลจากการกระทำที่เคยปกปิดไว้ให้ปรากฏแก่วิญญูชนทั้งหลาย จึงจุติเป็น นิจฉวีเปรต
 
๕. อสิโลมเปรต
ลักษณะทางกายภาพ
ร่างกายเป็นองคาพยพเช่นเดียวกับมนุษย์ แต่มีขนเป็นดาบ เที่ยวลอยไปในท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง(เวหาส) (ขน)ดาบเหล่านั้นของมันหลุดลอยขึ้นไปแล้วกลับตกลงที่ร่างของมันเอง ทำให้เปรตนั้นร้องครวญคราง
พฤติกรรมโดยเจตนาเมื่อครั้งเป็นมนุษย์
มีอาชีพฆ่าหมูอยู่ในพระนครราชคฤห์ ด้วยวิธีการใช้ดาบฆ่าหมูซึ่งตนเลี้ยงไว้ นำขายเลี้ยงชีพอยู่หลายปี(นัยว่ายึดอาชีพนี้มาตลอดชีวิต)
(ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีการขายโก่งราคา โกงน้ำหนักหมู ฯลฯ เป็นกรรมประกอบร่วมด้วยรึไม่)
เมื่อ อปราปรเวทนียกรรม[อปรปริยายเวทนียกรรม/อปราปริยเวทนียกรรม](การกระทำที่ให้ผลในชาติภพต่อๆไป)ของเจตนาต่างๆ(ในครั้งเป็นมนุษย์)ได้ประมวลแล้ว จึงนำให้ปฏิสนธิในนรกตามเจตนาที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้หมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ในอัตภาพนั้น ด้วยวิบากแห่งกรรม และเมื่อวิบากแห่งเจตนาดวงนั้นสิ้นสุดแล้ว จึงปฏิสนธิในโลกของเปรต(เปรตวิสัย)ด้วยวิบากที่เหลือแห่งกรรม(เศษกรรมที่เหลือ) เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยการกระทำ หรือ กรรมนิมิตให้เป็นอารมณ์ เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยอารมณ์
ในกรณีของนักฆ่าหมูนี้ ในเวลาเคลื่อนออกจากนรก ได้มีนิมิตคือ กิริยาที่เขาเงื้อดาบ (เพียงอย่างเดียว) ดังนั้น เมื่อจะแสดงผลจากการกระทำที่เคยปกปิดไว้ให้ปรากฏแก่วิญญูชนทั้งหลาย จึงจุติเป็น อสิโลมเปรต
 
๖. สัตติโลมเปรต
ลักษณะทางกายภาพ
ร่างกายเป็นองคาพยพเช่นเดียวกับมนุษย์ แต่มีขนเป็นหอก เที่ยวลอยไปในท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง(เวหาส) (ขน)หอกเหล่านั้นของมันหลุดลอยขึ้นไปแล้วกลับตกลงที่ร่างของมันเอง ทำให้เปรตนั้นร้องครวญคราง
พฤติกรรมโดยเจตนาเมื่อครั้งเป็นมนุษย์
มีอาชีพพรานเนื้อ(สัตว์จำพวกกวาง)อยู่ในพระนครราชคฤห์ ด้วยวิธีการพาเนื้อตัวหนึ่ง[ที่เตรียมไว้สำหรับล่อเนื้อ]และถือหอกเข้าไปในป่า ใช้หอกแทงพวกเนื้อที่มายืนอยู่ใกล้ๆกับเนื้อที่ตนนำไปล่อนั้นให้ตาย นำขายเลี้ยงชีพอยู่หลายปี(นัยว่ายึดอาชีพนี้มาตลอดชีวิต)
(ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีการขายโก่งราคา โกงน้ำหนักตัวเนื้อ ฯลฯ เป็นกรรมประกอบร่วมด้วยรึไม่)
เมื่อ อปราปรเวทนียกรรม[อปรปริยายเวทนียกรรม/อปราปริยเวทนียกรรม](การกระทำที่ให้ผลในชาติภพต่อๆไป)ของเจตนาต่างๆ(ในครั้งเป็นมนุษย์)ได้ประมวลแล้ว จึงนำให้ปฏิสนธิในนรกตามเจตนาที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้หมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ในอัตภาพนั้น ด้วยวิบากแห่งกรรม และเมื่อวิบากแห่งเจตนาดวงนั้นสิ้นสุดแล้ว จึงปฏิสนธิในโลกของเปรต(เปรตวิสัย)ด้วยวิบากที่เหลือแห่งกรรม(เศษกรรมที่เหลือ) เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยการกระทำ หรือ กรรมนิมิตให้เป็นอารมณ์ เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยอารมณ์
ในกรณีของพรานเนื้อนี้ ในเวลาเคลื่อนออกจากนรก ได้มีนิมิตคือ กิริยาที่เขาใช้หอกแทงเนื้อ(เพียงอย่างเดียว) ดังนั้น เมื่อจะแสดงผลจากการกระทำที่เคยปกปิดไว้ให้ปรากฏแก่วิญญูชนทั้งหลาย จึงจุติเป็น สัตติโลมเปรต
 
๗. อุสุโลมเปรต
ลักษณะทางกายภาพ
ร่างกายเป็นองคาพยพเช่นเดียวกับมนุษย์ แต่มีขนเป็นลูกธนู เที่ยวลอยไปในท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง(เวหาส) (ขน)ลูกธนูเหล่านั้นของมันหลุดลอยขึ้นไปแล้วกลับตกลงที่ร่างของมันเอง ทำให้เปรตนั้นร้องครวญคราง
พฤติกรรมโดยเจตนาเมื่อครั้งเป็นมนุษย์
เป็นนักเบียดเบียนเหล่าคนผู้ผิดต่อพระราชาในพระนครราชคฤห์(นักก่อความไม่สงบ?) ด้วยวิธีการสร้างเหตุ(ก่อกวน)มากมาย และในที่สุด(หากก่อกวนไม่สำเร็จ)ก็ใช้ลูกธนูยิงให้ตาย(ลอบสังหาร) ทั้งยังมีความรู้ว่า ต้องยิงคนที่ส่วนใดจึงจะตาย(ประมาณว่า ถึงสวมเกราะกันไว้ก็ไม่รอด) เลี้ยงชีพด้วยวิธีนี้อยู่หลายปี(นัยว่ายึดอาชีพนี้มาตลอดชีวิต)
(ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีการทำให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเดือดร้อน ฆ่าคนเกินใบสั่ง ฉกสมบัติเหยื่อ ฯลฯ เป็นกรรมประกอบร่วมด้วยรึไม่)
เมื่อ อปราปรเวทนียกรรม[อปรปริยายเวทนียกรรม/อปราปริยเวทนียกรรม](การกระทำที่ให้ผลในชาติภพต่อๆไป)ของเจตนาต่างๆ(ในครั้งเป็นมนุษย์)ได้ประมวลแล้ว จึงนำให้ปฏิสนธิในนรกตามเจตนาที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้หมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ในอัตภาพนั้น ด้วยวิบากแห่งกรรม และเมื่อวิบากแห่งเจตนาดวงนั้นสิ้นสุดแล้ว จึงปฏิสนธิในโลกของเปรต(เปรตวิสัย)ด้วยวิบากที่เหลือแห่งกรรม(เศษกรรมที่เหลือ) เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยการกระทำ หรือ กรรมนิมิตให้เป็นอารมณ์ เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยอารมณ์
ในกรณีของนักก่อความไม่สงบนี้ ในเวลาเคลื่อนออกจากนรก ได้มีนิมิตคือ กิริยาที่เขาใช้ลูกธนูยิง(เพียงอย่างเดียว) ดังนั้น เมื่อจะแสดงผลจากการกระทำที่เคยปกปิดไว้ให้ปรากฏแก่วิญญูชนทั้งหลาย จึงจุติเป็น อุสุโลมเปรต
 
๘. สูจิโลมเปรต
ลักษณะทางกายภาพ
ร่างกายเป็นองคาพยพเช่นเดียวกับมนุษย์ แต่มีขนเป็นเข็ม เที่ยวลอยไปในท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง(เวหาส) (ขน)เข็มเหล่านั้นของมันหลุดลอยขึ้นไปแล้วกลับตกลงที่ร่างของมันเอง ทำให้เปรตนั้นร้องครวญคราง
พฤติกรรมโดยเจตนาเมื่อครั้งเป็นมนุษย์
มีอาชีพสารถี[คนฝึกและบังคับม้า(บ้างว่า คนฝึกและบังคับโค)] ฝึกฝนและใช้งานม้าด้วยวิธีการใช้วัตถุปลายแหลมเช่นปฏัก แทงม้าและโคเหล่านั้นอยู่ในพระนครราชคฤห์ และเลี้ยงชีพด้วยวิธีนี้อยู่หลายปี(นัยว่ายึดอาชีพนี้มาตลอดชีวิต)
(ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีการใช้ปฏักแทงม้าและวัวจนตายรึไม่ และไม่ทราบว่า เป็นการรับจ้างฝึกด้วยปฏักจนม้า(ของคนที่มันรับจ้างฝึก)ตายไปหลายตัว โดยที่รับค่าจ้างเขามาก่อน พอฝึกจนม้าเขาตายก็ไม่รับผิดชอบ เชิดเงินหนี หรือเป็นพวกสารถีที่ชอบบรรทุกสินค้าจนน้ำหนักเกิน พอม้าลากไม่ไหวมันก็แทงจนตาย ว่าง่ายๆ คือ เป็นการหากินจากการตายของม้าชาวบ้าน ฯลฯ เป็นกรรมประกอบร่วมด้วยรึไม่)
เมื่อ อปราปรเวทนียกรรม[อปรปริยายเวทนียกรรม/อปราปริยเวทนียกรรม](การกระทำที่ให้ผลในชาติภพต่อๆไป)ของเจตนาต่างๆ(ในครั้งเป็นมนุษย์)ได้ประมวลแล้ว จึงนำให้ปฏิสนธิในนรกตามเจตนาที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้หมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ในอัตภาพนั้น ด้วยวิบากแห่งกรรม และเมื่อวิบากแห่งเจตนาดวงนั้นสิ้นสุดแล้ว จึงปฏิสนธิในโลกของเปรต(เปรตวิสัย)ด้วยวิบากที่เหลือแห่งกรรม(เศษกรรมที่เหลือ) เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยการกระทำ หรือ กรรมนิมิตให้เป็นอารมณ์ เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยอารมณ์
ในกรณีของสารถีนี้ ในเวลาเคลื่อนออกจากนรก ได้มีนิมิตคือ กิริยาที่เขาเอาปลายแหลมปฏักแทง(เพียงอย่างเดียว) ดังนั้น เมื่อจะแสดงผลจากการกระทำที่เคยปกปิดไว้ให้ปรากฏแก่วิญญูชนทั้งหลาย จึงจุติเป็น สูจิโลมเปรต
 
๙. สูจกเปรต(สูจกโลมเปรต/ทุติยสูจิโลมเปรต)
ลักษณะทางกายภาพ
ร่างกายเป็นองคาพยพเช่นเดียวกับมนุษย์ แต่มีขนเป็นเข็ม เที่ยวลอยไปในท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง(เวหาส) (ขน)เข็มเหล่านั้นของมันทิ่มเข้าไปในศีรษะ แล้วออกทางปาก ทิ่มเข้าไปในปาก แล้วออกทางอก เข็มออกทางอก ทิ่มเข้าไปในอก แล้วออกทางปาก ทิ่มเข้าไปในปาก แล้วออกทางอก ทิ่มเข้าไปในอก แล้วออกทางท้อง ทิ่มเข้าไปในท้อง แล้วออกทางขาทั้งสอง ทิ่มเข้าไปในขาทั้งสอง แล้วออกทางแข้งทั้งสองทิ่มเข้าไปในแข้งทั้งสอง แล้วออกทางเท้าทั้งสอง ทำให้เปรตนั้นร้องครวญคราง
พฤติกรรมโดยเจตนาเมื่อครั้งเป็นมนุษย์
มีอาชีพเป็นนักส่อเสียดอยู่ในพระนครราชคฤห์ คอยยุยงหมู่มนุษย์(ประชาชนในเมือง)ให้แตกกัน และภายในราชตระกูลก็สามารถยุยงแล้วยุยงเล่าว่า ผู้นี้มีสิ่งนี้ ผู้นี้ทำสิ่งนี้ด้วยสิ่งนี้ ทำให้(แผ่นดิน)ถึงความพินาศย่อยยับ และเลี้ยงชีพด้วยวิธีนี้อยู่หลายปี(นัยว่ายึดอาชีพนี้มาตลอดชีวิต)
(เมื่อพิจารณาจากศักยภาพในการยุยงแล้ว พอจะสรุปได้ว่า อาชีพนักส่อเสียด ในที่นี้ หมายถึง ผู้อยู่ในอาชีพวงการสื่อสารรูปแบบต่างๆและใช้อิทธิพลความเป็นสื่อสาธารณะทั้งหลายของตนและพวกของตนไปในทางมิชอบ ด้วยการ ยุยง ปลุกปั่น บิดเบือน ตัดแต่ง ข้อมูลข่าวสารต่างๆ เพื่อให้ประชาชนในสังคมเกิดความเข้าใจผิด สับสน โกลาหล คลาดเคลื่อน จนสังคมเกิดความแตกแยก เพื่อผลประโยชน์บางประการ)
เมื่อ อปราปรเวทนียกรรม[อปรปริยายเวทนียกรรม/อปราปริยเวทนียกรรม](การกระทำที่ให้ผลในชาติภพต่อๆไป)ของเจตนาต่างๆ(ในครั้งเป็นมนุษย์)ได้ประมวลแล้ว จึงนำให้ปฏิสนธิในนรกตามเจตนาที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้หมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ในอัตภาพนั้น ด้วยวิบากแห่งกรรม และเมื่อวิบากแห่งเจตนาดวงนั้นสิ้นสุดแล้ว จึงปฏิสนธิในโลกของเปรต(เปรตวิสัย)ด้วยวิบากที่เหลือแห่งกรรม(เศษกรรมที่เหลือ) เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยการกระทำ หรือ กรรมนิมิตให้เป็นอารมณ์ เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยอารมณ์
ในกรณีของนักส่อเสียดนี้ ในเวลาเคลื่อนออกจากนรก ได้มีนิมิตคือ ความสำเร็จจากการ ยุยงโดยประการต่างๆให้เหล่าประชาชนที่ถูกยุยงแล้วแตกแยกกัน(เพียงอย่างเดียว) ดังนั้น เมื่อจะแสดงผลจากการกระทำที่เคยปกปิดไว้ให้ปรากฏแก่วิญญูชนทั้งหลาย จึงจุติเป็น สูจกเปรต
 
๑๐. กุมภัณฑเปรต(อัณฑภารี[เปรต])
ลักษณะทางกายภาพ
ร่างกายเป็นองคาพยพเช่นเดียวกับมนุษย์ แต่มีอัณฑะโตเท่าหม้อ เที่ยวลอยไปในท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง(เวหาส) เปรตนี้แม้เมื่อเดินไปย่อมยกอัณฑะเหล่านั้นขึ้นพาดบ่าเดินไป แม้เมื่อนั่งก็ย่อมนั่งบนอัณฑะเหล่านั้น ฝูงนกแร้ง นกกา และนกเหยี่ยว(ฝูงนกอันเกิดแต่กรรม) พากันโฉบอยู่ขวักไขว่ จิกสับโดยแรง จิกทึ้ง ยื้อแย่งร่างเปรตนั้นสะบัดไปมา ทำให้เปรตนั้นร้องครวญคราง
พฤติกรรมโดยเจตนาเมื่อครั้งเป็นมนุษย์
มีอาชีพเป็นผู้พิพากษาอยู่ในพระนครราชคฤห์ มีพฤติกรรมโกงกินประชาชน นิยมรับสินบนในที่ลับคือที่ปกปิด ทำโทษให้ปรากฏในการวินิจฉัยคดีโกง ทำผู้เป็นเจ้าของให้ไม่ได้เป็นเจ้าของ และเลี้ยงชีพด้วยวิธีนี้อยู่หลายปี(นัยว่ายึดอาชีพนี้มาตลอดชีวิต)
เมื่อ อปราปรเวทนียกรรม[อปรปริยายเวทนียกรรม/อปราปริยเวทนียกรรม](การกระทำที่ให้ผลในชาติภพต่อๆไป)ของเจตนาต่างๆ(ในครั้งเป็นมนุษย์)ได้ประมวลแล้ว จึงนำให้ปฏิสนธิในนรกตามเจตนาที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้หมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ในอัตภาพนั้น ด้วยวิบากแห่งกรรม และเมื่อวิบากแห่งเจตนาดวงนั้นสิ้นสุดแล้ว จึงปฏิสนธิในโลกของเปรต(เปรตวิสัย)ด้วยวิบากที่เหลือแห่งกรรม(เศษกรรมที่เหลือ) เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยการกระทำ หรือ กรรมนิมิตให้เป็นอารมณ์ เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยอารมณ์
ในกรณีของผู้พิพากษานี้ ในเวลาเคลื่อนออกจากนรก ได้มีนิมิตคือ การรับสินบนในที่ลับเพื่อบิดเบือนผลการตัดสินคดี(เพียงอย่างเดียว) ดังนั้น เมื่อจะแสดงผลจากการกระทำที่เคยปกปิดไว้ให้ปรากฏแก่วิญญูชนทั้งหลาย อวัยวะเพศลับของเปรตนี้จึงเกิดในที่เปิดเผย เพราะเมื่อตัดสินลงโทษ(ครั้งยังเป็นผู้พิพากษา) เขาได้ข่มเหงผู้อื่น ฉะนั้น อวัยวะเพศลับของเขาจึงเกิดเป็นสิ่งข่มเหงทรมานตน เพราะเหตุที่อัณฑะ คือ อวัยวะที่ดำรงอยู่ในตำแหน่งที่ควรจะเรียบร้อย แต่กลับไม่เรียบร้อย ฉะนั้น เขาจึงต้องนั่งอย่างไม่เรียบร้อยบนอวัยวะเพศลับของตน จึงจุติเป็น กุมภัณฑเปรต
 
๑๑. คูถนิมุคคเปรต(คูถกูปนิมุคคเปรต)
ลักษณะทางกายภาพ
ร่างกายเป็นองคาพยพเช่นเดียวกับมนุษย์ แต่มีร่างกายจมอยู่ในหลุมคูถจนท่วมศีรษะ
พฤติกรรมโดยเจตนาเมื่อครั้งเป็นมนุษย์
เป็นชู้กับภรรยาของชายอื่นอยู่ในพระนครราชคฤห์ เที่ยวลักลอบแตะต้อง“ผัสสะ(ตา หู จมูก ลิ้น และกาย )”ของหญิงมีสามี ซึ่งคนอื่นรักษาคุ้มครอง มีจิตยินดีด้วยสุขแต่กาม และกระทำตนเช่นนี้อยู่หลายปี(นัยว่ายึดปฏิบัติเช่นนี้มาตลอดชีวิต[ซึ่งก็อาจจะไม่ได้แก่ตาย ถ้าถูกจับได้ก่อน])
เมื่อ อปราปรเวทนียกรรม[อปรปริยายเวทนียกรรม/อปราปริยเวทนียกรรม](การกระทำที่ให้ผลในชาติภพต่อๆไป)ของเจตนาต่างๆ(ในครั้งเป็นมนุษย์)ได้ประมวลแล้ว จึงนำให้ปฏิสนธิในนรกตามเจตนาที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้หมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ในอัตภาพนั้น ด้วยวิบากแห่งกรรม และเมื่อวิบากแห่งเจตนาดวงนั้นสิ้นสุดแล้ว จึงปฏิสนธิในโลกของเปรต(เปรตวิสัย)ด้วยวิบากที่เหลือแห่งกรรม(เศษกรรมที่เหลือ) เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยการกระทำ หรือ กรรมนิมิตให้เป็นอารมณ์ เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยอารมณ์
ในกรณีของนักเล่นชู้นี้ ในเวลาเคลื่อนออกจากนรก ได้มีนิมิตคือ จิตอันยินดีด้วยสุขแต่กามอันเทียบได้กับอุจจาระ(เพียงอย่างเดียว) ดังนั้น เมื่อจะแสดงผลจากการกระทำที่เคยปกปิดไว้ให้ปรากฏแก่วิญญูชนทั้งหลาย จึงจุติเป็น คูถนิมุคคเปรต
 
๑๒. คูถขาทิเปรต(คูถขาทกเปรต)
ลักษณะทางกายภาพ
ร่างกายเป็นองคาพยพเช่นเดียวกับมนุษย์ แต่มีร่างกายจมอยู่ในหลุมคูถจนท่วมศีรษะ ใช้มือทั้งสองกอบคูถกิน
พฤติกรรมโดยเจตนาเมื่อครั้งเป็นมนุษย์
ดำรงชีพเป็นพราหมณ์อยู่ในพระนครราชคฤห์ครั้งศาสนาพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า พราหมณ์นั้นมีอุปนิสัยชั่วช้า ได้ดูหมิ่นเหล่าสมณะด้วยการนิมนต์พระภิกษุสงฆ์มารับภัตตาหาร แล้วเทคูถลงในรางจนเต็ม สั่งคนให้ไปบอกภัตตกาล แล้วได้กล่าวแก่เหล่าพระภิกษุสงฆ์ว่า ขอท่านผู้เจริญทั้งหลาย จงฉันอาหารจากสถานที่นี้และนำไปให้พอแก่ความต้องการของพวกท่าน
เมื่อ อปราปรเวทนียกรรม[อปรปริยายเวทนียกรรม/อปราปริยเวทนียกรรม](การกระทำที่ให้ผลในชาติภพต่อๆไป)ของเจตนาต่างๆ(ในครั้งเป็นมนุษย์)ได้ประมวลแล้ว จึงนำให้ปฏิสนธิในนรกตามเจตนาที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้หมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ในอัตภาพนั้น ด้วยวิบากแห่งกรรม และเมื่อวิบากแห่งเจตนาดวงนั้นสิ้นสุดแล้ว จึงปฏิสนธิในโลกของเปรต(เปรตวิสัย)ด้วยวิบากที่เหลือแห่งกรรม(เศษกรรมที่เหลือ) เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยการกระทำ หรือ กรรมนิมิตให้เป็นอารมณ์ เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยอารมณ์
ในกรณีของพราหมณ์ชั่วนี้ ในเวลาเคลื่อนออกจากนรก ด้วยเศษแห่งวิบากกรรมจากการถวายอุจจาระเป็นภัตตาหารซึ่งยังเหลืออยู่ จึงจุติเป็น คูถนิมุคคเปรต
 
๑๓. นิจฉวิตถีเปรต(นิจฉวิตกิเปรต)
ลักษณะทางกายภาพ
ร่างกายเป็นองคาพยพเช่นเดียวกับหญิงมนุษย์ แต่ไม่มีผิวหนัง เที่ยวลอยไปในท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง(เวหาส) ฝูงนกแร้ง นกกา และนกเหยี่ยว(ฝูงนกอันเกิดแต่กรรม) พากันโฉบอยู่ขวักไขว่ จิกสับโดยแรง จิกทึ้ง ยื้อแย่งร่างหญิงเปรตนั้นสะบัดไปมา ทำให้หญิงเปรตนั้นร้องครวญคราง
พฤติกรรมโดยเจตนาเมื่อครั้งเป็นมนุษย์
เป็นหญิงประพฤตินอกใจสามีอยู่ในพระนครราชคฤห์ หญิงนั้นขโมย“ผัสสะ(ตา หู จมูก ลิ้น และกาย)”ของนางอันเป็นของควรแก่สามี แล้วนำไปให้ผู้อื่นอันเป็นชู้ กระทำให้เกิด“ความยินดีผัสสะ(คือความยินดีใน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส)”ร่วมกับผู้เป็นชู้กับนาง
เมื่อ อปราปรเวทนียกรรม[อปรปริยายเวทนียกรรม/อปราปริยเวทนียกรรม](การกระทำที่ให้ผลในชาติภพต่อๆไป)ของเจตนาต่างๆ(ในครั้งเป็นมนุษย์)ได้ประมวลแล้ว จึงนำให้ปฏิสนธิในนรกตามเจตนาที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้หมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ในอัตภาพนั้น ด้วยวิบากแห่งกรรม และเมื่อวิบากแห่งเจตนาดวงนั้นสิ้นสุดแล้ว จึงปฏิสนธิในโลกของเปรต(เปรตวิสัย)ด้วยวิบากที่เหลือแห่งกรรม(เศษกรรมที่เหลือ) เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยการกระทำ หรือ กรรมนิมิตให้เป็นอารมณ์ เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยอารมณ์
ในกรณีของหญิงผู้นอกใจนี้ ในเวลาเคลื่อนออกจากนรก ด้วยเศษแห่งวิบากกรรมจากการขโมยผัสสะของตนไปให้ผู้ไม่ใช่สามีซึ่งยังเหลืออยู่ จึงจุติเป็น นิจฉวิตถีเปรต
 
๑๔. มังคุลิตถีเปรต(ทุคคันธเปรต)
ลักษณะทางกายภาพ
ร่างกายเป็นองคาพยพเช่นเดียวกับหญิงมนุษย์ แต่มีรูปร่างน่าเกลียด และมีกลิ่นเหม็น เที่ยวลอยไปในท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง(เวหาส) ฝูงนกแร้ง นกกา และนกเหยี่ยว(ฝูงนกอันเกิดแต่กรรม) พากันโฉบอยู่ขวักไขว่ จิกสับโดยแรง จิกทึ้ง ยื้อแย่งร่างหญิงเปรตนั้นสะบัดไปมา ทำให้หญิงเปรตนั้นร้องครวญคราง
พฤติกรรมโดยเจตนาเมื่อครั้งเป็นมนุษย์
ดำรงชีพเป็นแม่มดอยู่ในพระนครราชคฤห์ กระทำกรรมต่างๆของหญิงผู้เป็นทาสียักษ์(ในอดีต เทวดา เรียกว่า ยักษ์ เพราะเป็นผู้ควรบูชาของพวกมนุษย์และของเทวดาบางพวก ดังนั้น แม่มดนางนี้จึงเรียกได้ว่า เป็นทาสีรับใช้บูชาเทวดา) เที่ยวประกาศว่า เมื่อคนนี้ๆ ทำพลีกรรมอย่างนี้ พวกท่านทั้งหลายจักเจริญอย่างนี้ ดังนี้ แล้วลวงถือเอาของหอมและดอกไม้เป็นต้นของมหาชน(สร้างความศรัทธาเพื่อหลอกลวงและยักยอกทรัพย์ของประชาชน) ทำให้มหาชนมีความเห็นชั่วเห็นผิด
เมื่อ อปราปรเวทนียกรรม[อปรปริยายเวทนียกรรม/อปราปริยเวทนียกรรม](การกระทำที่ให้ผลในชาติภพต่อๆไป)ของเจตนาต่างๆ(ในครั้งเป็นมนุษย์)ได้ประมวลแล้ว จึงนำให้ปฏิสนธิในนรกตามเจตนาที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้หมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ในอัตภาพนั้น ด้วยวิบากแห่งกรรม และเมื่อวิบากแห่งเจตนาดวงนั้นสิ้นสุดแล้ว จึงปฏิสนธิในโลกของเปรต(เปรตวิสัย)ด้วยวิบากที่เหลือแห่งกรรม(เศษกรรมที่เหลือ) เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยการกระทำ หรือ กรรมนิมิตให้เป็นอารมณ์ เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยอารมณ์
ในกรณีของหญิงแม่มดนี้ ในเวลาเคลื่อนออกจากนรก ด้วยเศษแห่งวิบากกรรมจากการสร้างความความศรัทธาเพื่อเจตนาในการยักยอกทรัพย์สินต่างๆของมหาชน อันมีของหอมและดอกไม้ต่างๆ เป็นอาทิ ซึ่งยังเหลืออยู่ จึงจุติเป็น มังคุลิตถีเปรต
 
๑๕. โอกิลินีเปรต(โอคิลินีเปรต)
ลักษณะทางกายภาพ
ร่างกายเป็นองคาพยพเช่นเดียวกับหญิงมนุษย์ นอนดิ้นรนกระสับกระส่ายหมกไหม้อยู่บนเชิงตะกอนเต็มไปด้วยถ่านเพลิง ร่างกายถูกไฟร้อนแผดเผานางมีน้ำเหลืองไหล มีร่างกายเปรอะเปื้อนด้วยหยาดน้ำเหลืองไหลออกจากร่างกายของนาง และมีร่างกายเต็มไปด้วยถ่านเพลิง รอบกายนางเกลื่อนกล่นไปด้วยถ่านเพลิง คือ ด้านล่างของนางมีถ่านเพลิงมีสีเหมือนดอกทางกวาว ที่ด้านข้างข้างทั้งสองก็เช่นกัน ด้านบนของนางมีถ่านเพลิงตกลงมาจากอากาศ ทำให้หญิงเปรตนั้นร้องครวญคราง
พฤติกรรมโดยเจตนาเมื่อครั้งเป็นมนุษย์
เป็นอัครมเหสีของพระเจ้ากาลิงคะ นางเป็นคนขี้หึง ครั้งนั้น หญิงฟ้อนคนหนึ่งของพระราชาตั้งเตาถ่านเพลิงไว้ใกล้ๆ เมื่อเกิดความร้อนจึงเช็ดน้ำจากตัวและเอาฝ่ามือเช็ดเหงื่อ แม้กระนั้นพระราชาก็ยังทรงสนทนาและทรงแสดงอาการยินดีกับเธอ อัครมเหสีทรงอดทนอาการเช่นนั้นไม่ได้ ถูกความหึงหวงครอบงำ เมื่อพระราชาเสด็จหลีกไปไม่นาน พระนางถือเตาถ่านเพลิงนั้นเทถ่านเพลิงคลอกลงบนหญิงฟ้อนนั้น
เมื่อ อปราปรเวทนียกรรม[อปรปริยายเวทนียกรรม/อปราปริยเวทนียกรรม](การกระทำที่ให้ผลในชาติภพต่อๆไป)ของเจตนาต่างๆ(ในครั้งเป็นมนุษย์)ได้ประมวลแล้ว จึงนำให้ปฏิสนธิในนรกตามเจตนาที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้หมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ในอัตภาพนั้น ด้วยวิบากแห่งกรรม และเมื่อวิบากแห่งเจตนาดวงนั้นสิ้นสุดแล้ว จึงปฏิสนธิในโลกของเปรต(เปรตวิสัย)ด้วยวิบากที่เหลือแห่งกรรม(เศษกรรมที่เหลือ) เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยการกระทำ หรือ กรรมนิมิตให้เป็นอารมณ์ เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยอารมณ์
ในกรณีของอัครมเหสีนี้ ในเวลาเคลื่อนออกจากนรก ด้วยเศษแห่งวิบากกรรมจากการเทถ่านเพลิงลงบนหญิงฟ้อนนั้นซึ่งยังเหลืออยู่ จึงจุติเป็น โอกิลินีเปรต
 
๑๖. อสีสกพันธเปรต(อลิสเปรต)
ลักษณะทางกายภาพ
ร่างกายเป็นองคาพยพเช่นเดียวกับมนุษย์ แต่มีศีรษะอันขาดแล้ว ตาและปากของเปรตนั้นอยู่ที่อก เที่ยวลอยไปในท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง(เวหาส) ฝูงนกแร้ง นกกา และนกเหยี่ยว(ฝูงนกอันเกิดแต่กรรม) พากันโฉบอยู่ขวักไขว่ จิกสับโดยแรง จิกทึ้ง ยื้อแย่งร่างหญิงเปรตนั้นสะบัดไปมา ทำให้เปรตนั้นร้องครวญคราง
พฤติกรรมโดยเจตนาเมื่อครั้งเป็นมนุษย์
มีอาชีพเพชฌฆาตผู้ฆ่าโจร ชื่อ ทามริกะ(บ้างว่าชื่อ หาริกะ/หาริก)อยู่ในพระนครราชคฤห์ ด้วยวิธีการตัดศีรษะพวกโจรเป็นเวลานานตามคำสั่งพระราชาอยู่หลายปี(นัยว่ายึดอาชีพนี้มาตลอดชีวิต)
(ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีการรับสินบนเพื่อนให้ประหารผิดตัว ประหารผู้ถูกยัดข้อหา ฯลฯ เป็นกรรมประกอบร่วมด้วยรึไม่)
เมื่อ อปราปรเวทนียกรรม[อปรปริยายเวทนียกรรม/อปราปริยเวทนียกรรม](การกระทำที่ให้ผลในชาติภพต่อๆไป)ของเจตนาต่างๆ(ในครั้งเป็นมนุษย์)ได้ประมวลแล้ว จึงนำให้ปฏิสนธิในนรกตามเจตนาที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้หมกไหม้อยู่ในนรกหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ในอัตภาพนั้น ด้วยวิบากแห่งกรรม และเมื่อวิบากแห่งเจตนาดวงนั้นสิ้นสุดแล้ว จึงปฏิสนธิในโลกของเปรต(เปรตวิสัย)ด้วยวิบากที่เหลือแห่งกรรม(เศษกรรมที่เหลือ) เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยการกระทำ หรือ กรรมนิมิตให้เป็นอารมณ์ เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยอารมณ์
ในกรณีของเพชฌฆาตนี้ ในเวลาเคลื่อนออกจากนรก ไม่พบการอธิบายถึงที่มาของเศษแห่งวิบากกรรม แต่พอจะอนุมานได้ว่า ในเวลาเคลื่อนออกจากนรก ได้มีนิมิตคือ ศพของโจรทั้งหลายที่ไร้ศีรษะแล้ว(เพียงอย่างเดียว) ดังนั้น เมื่อจะแสดงผลจากการกระทำที่เคยปกปิดไว้ให้ปรากฏแก่วิญญูชนทั้งหลาย จึงจุติเป็น อสีสกพันธเปรต
 
๑๗. ภิกษุเปรต(ภิกขุเปรต)
๑๘. ภิกษุณีเปรต(ภิกขุณีเปรต)
๑๙. สิกขมานาเปรต(สิกขมานเปรต)
๒๐. สามเณรเปรต
๒๑. สามเณรีเปรต
ลักษณะทางกายภาพ
เปรตทั้ง ๕ จำพวกนี้ มีลักษณะคล้ายกัน คือ
ลักษณะเป็น ภิกษุ ภิกษุณี สิกขมานา สามเณร สามเณรี ตามลำดับ เปรตทั้ง ๕ จำพวกมี สังฆาฏิ บาตร ประคตเอว เที่ยวลอยไปในท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง(เวหาส) มีร่างกายถูกไฟติดลุกโชน ทำให้เปรตเหล่านั้นร้องครวญคราง
 
พฤติกรรมโดยเจตนาเมื่อครั้งเป็นมนุษย์
ดำรงตนเป็น ภิกษุ ภิกษุณี สิกขมานา สามเณร สามเณรี ตามลำดับ มีสันดานอันลามก บริโภคปัจจัย ๔ ที่ชาวโลกถวายด้วยศรัทธา เป็นผู้ไม่สำรวมทางกายทวารและวจีทวาร ทำลายอาชีวะเสีย เที่ยวปล่อยจิตใจให้สนุกสนาน อยู่หลายปี(นัยว่ายึดอาชีพนี้มาตลอดชีวิต)
เมื่อ อปราปรเวทนียกรรม[อปรปริยายเวทนียกรรม/อปราปริยเวทนียกรรม](การกระทำที่ให้ผลในชาติภพต่อๆไป)ของเจตนาต่างๆ(ในครั้งเป็นมนุษย์)ได้ประมวลแล้ว จึงนำให้ปฏิสนธิในนรกตามเจตนาที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้หมกไหม้อยู่ในนรกตลอดพุทธันดรหนึ่ง ในอัตภาพนั้น ด้วยวิบากแห่งกรรม และเมื่อวิบากแห่งเจตนาดวงนั้นสิ้นสุดแล้ว จึงปฏิสนธิในโลกของเปรต(เปรตวิสัย)ด้วยวิบากที่เหลือแห่งกรรม(เศษกรรมที่เหลือ) เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยการกระทำ หรือ กรรมนิมิตให้เป็นอารมณ์ เรียกว่า ส่วนเสมอด้วยอารมณ์
ในกรณีของภิกษุ ภิกษุ ภิกษุณี สิกขมานา สามเณร สามเณรี เหล่านี้ ในเวลาเคลื่อนออกจากนรกด้วยเศษแห่งวิบากกรรมจากการกระทำตนเป็นโมฆะ(โมฆะบุรุษ)ซึ่งยังเหลืออยู่ จึงจุติเป็น ภิกษุเปรต ภิกษุณีเปรต สิกขมานาเปรต สามเณรเปรต สามเณรีเปรต ตามลำดับ
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
16 VOTES (4/5 จาก 4 คน)
VOTED: cutiebarbie, Tabebuia, ฮั่วชวี่ปิ้ง
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เลขเด็ดคุณไก่ วุฒินันท์ สอนศรี งวด 16 เมษายน 2567AI หลุดบอกเลข งวด 16 เมษายน 2567ลาบูบู้กับดราม่าขึ้นราคาโคตรแพงสุสานลับใต้ดิน ทำไมไม่มีใครกล้าเปิด "สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้"เปิดเมนูแสนอร่อยของ "กัมพูชา" แต่ยอดแย่ที่สุดในโลกรีวิว AQUAMAN AND THE LOST KINGDOM อควาแมน กับอาณาจักรสาบสูญทหาร ลาพักร้อนช่วงสงกรานต์ กลับบ้านมาหาแม่ ถูกคนร้ายบุกรัวกระสุนเสียชีวิตหน้าบ้าน
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ทำไมเวลาซื้อผ้าอนามัย ต้องห่อใส่หนังสือพิมพ์ ?เขมรว่าไง! โดรนที่ใช้แสดงในงานปีใหม่เขมร ก็คือผลงานคนไทย!ทหาร ลาพักร้อนช่วงสงกรานต์ กลับบ้านมาหาแม่ ถูกคนร้ายบุกรัวกระสุนเสียชีวิตหน้าบ้าน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิทานพื้นบ้าน-วรรณคดี
รูปแบบจำลอง งาช้างฉัททันต์พระเจ้าอุเทนถูกจับกินนร ๓ เผ่าพันธุ์จากพระไตรปิฎกรัศมีรอบศีรษะนาค
ตั้งกระทู้ใหม่