18 อันดับห้องชุดที่ขายดีที่สุด ตั้งอยู่ที่ไหนบ้าง
ในภาวะการขายที่ค่อนข้าง "อืด" ก็ยังมีห้องชุดที่ขายดีมากอยู่จำนวนหน่วย ห้องชุดเหล่านี้เป็นสินค้าที่น่าจะดีสำหรับการลงทุน
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เปิดเผยว่าจากผลการสำรวจโครงการประมาณ 1,900 แห่ง พบว่า สินค้าห้องชุดที่ขายดีที่สุด มีดังนี้:
อันดับ ทำเล ระดับราคา เหลือ % ขายได้/เดือน ระยะเวลาจะหมด (เดือน)
1 F2 รัชโยธิน 3.001-5.000 328 46% 0.37
2 N4 บางบัวทอง 3.001-5.000 0 33% 0
3 I1 พหลโยธินช่วงต้น 10.001-20.000 310 30% 1.6
4 F2 รัชโยธิน 5.001-10.000 134 28% 1.66
5 I2 ปทุมวัน 2.001-3.000 0 26% 0
6 F6 เทพลีลา มหาดไทย 3.001-5.000 422 26% 2.43
7 H6 ปากน้ำ 3.001-5.000 604 23% 3.36
8 H1 บางนา-ตราด กม.1-10 1.001-2.000 307 23% 0.37
9 F1 วิภาวดี-รัชดา 2.001-3.000 437 19% 2.45
10 F6 เทพลีลา มหาดไทย 2.001-3.000 462 18% 3.02
11 I1 พหลโยธินช่วงต้น 5.001-10.000 1145 18% 2.58
12 F2 รัชโยธิน 2.001-3.000 165 16% 0.74
13 I2 ปทุมวัน 5.001-10.000 831 15% 1.34
14 F2 รัชโยธิน 1.001-2.000 493 15% 1.42
15 D3 บางบัว 2.001-3.000 46 15% 2.26
16 I2 ปทุมวัน 3.001-5.000 22 14% 0.29
17 D2 สะพานใหม่ 3.001-5.000 168 14% 4.44
18 I3 สุขุมวิท พระรามที่ 4 10.001-20.000 691 13% 2.72
อันดับที่ 1 ทำเล F2 รัชโยธิน ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 4.041 ล้านบาท มีอยู่ 1911 หน่วย ขายได้แล้ว 1583 หน่วย เหลืออยู่ 328 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 7,723 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 46% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 0.37 เดือน สินค้านี้แม้มีอุปทานมาก แต่ก็ขายได้ดีมาก
อันดับที่ 2 ทำเล N4 บางบัวทอง ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 3.582 ล้านบาท มีอยู่ 154 หน่วย ขายได้แล้ว 154 หน่วย เหลืออยู่ 0 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 552 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 33% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 0 เดือน ทั้งนี้เป็นหน่วยขายที่มีจำนวนน้อย แต่ในพื้นที่นี้ สินค้าส่วนใหญ่ขายช้า
อันดับที่ 3 ทำเล I1 พหลโยธินช่วงต้น ระดับราคา 10.001-20.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 12.310 ล้านบาท มีอยู่ 655 หน่วย ขายได้แล้ว 345 หน่วย เหลืออยู่ 310 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 8,063 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 30% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 1.60 เดือน กรณีนี้จะสามารถขายได้หมดในเวลาอันสั้นมาก
อันดับที่ 4 ทำเล F2 รัชโยธิน ระดับราคา 5.001-10.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 6.373 ล้านบาท มีอยู่ 291 หน่วย ขายได้แล้ว 157 หน่วย เหลืออยู่ 134 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 1,855 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 28% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 1.66 เดือน กรณีนี้จะสามารถขายได้หมดในเวลาอันสั้นมาก
อันดับที่ 5 ทำเล I2 ปทุมวัน ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 2.598 ล้านบาท มีอยู่ 104 หน่วย ขายได้แล้ว 104 หน่วย เหลืออยู่ 0 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 270 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 26% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 0 เดือน ขณะนี้ไม่มีสินค้าเหลือขายแล้ว
อันดับที่ 6 ทำเล F6 เทพลีลา มหาดไทย ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 3.521 ล้านบาท มีอยู่ 668 หน่วย ขายได้แล้ว 246 หน่วย เหลืออยู่ 422 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 2,352 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 26% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 2.43 เดือน
อันดับที่ 7 ทำเล H6 ปากน้ำ ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 4.240 ล้านบาท มีอยู่ 784 หน่วย ขายได้แล้ว 180 หน่วย เหลืออยู่ 604 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 3,324 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 23% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 3.36 เดือน
อันดับที่ 8 ทำเล H1 บางนา-ตราด กม.1-10 ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 1.673 ล้านบาท มีอยู่ 3695 หน่วย ขายได้แล้ว 3388 หน่วย เหลืออยู่ 307 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 6,181 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 23% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 0.37 เดือน สินค้านี้แม้มีอุปทานมาก แต่ก็ขายได้ดีมาก
อันดับที่ 9 ทำเล F1 วิภาวดี-รัชดา ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 2.628 ล้านบาท มีอยู่ 923 หน่วย ขายได้แล้ว 486 หน่วย เหลืออยู่ 437 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 2,426 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 19% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 2.45 เดือน
อันดับที่ 10 ทำเล F6 เทพลีลา มหาดไทย ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 2.440 ล้านบาท มีอยู่ 835 หน่วย ขายได้แล้ว 373 หน่วย เหลืออยู่ 462 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 2,037 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 18% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 3.02 เดือน
อันดับที่ 11 ทำเล I1 พหลโยธินช่วงต้น ระดับราคา 5.001-10.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 6.289 ล้านบาท มีอยู่ 2455 หน่วย ขายได้แล้ว 1310 หน่วย เหลืออยู่ 1145 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 15,438 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 18% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 2.58 เดือน สินค้านี้แม้มีอุปทานมาก แต่ก็ขายได้ดีมาก
อันดับที่ 12 ทำเล F2 รัชโยธิน ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 2.518 ล้านบาท มีอยู่ 1389 หน่วย ขายได้แล้ว 1224 หน่วย เหลืออยู่ 165 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 3,497 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 16% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 0.74 เดือน สินค้านี้แม้มีอุปทานมาก แต่ก็ขายได้ดีมาก
อันดับที่ 13 ทำเล I2 ปทุมวัน ระดับราคา 5.001-10.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 7.395 ล้านบาท มีอยู่ 4099 หน่วย ขายได้แล้ว 3268 หน่วย เหลืออยู่ 831 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 30,314 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 15% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 1.34 เดือน สินค้านี้แม้มีอุปทานมาก แต่ก็ขายได้ดีมาก
อันดับที่ 14 ทำเล F2 รัชโยธิน ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 1.799 ล้านบาท มีอยู่ 2301 หน่วย ขายได้แล้ว 1808 หน่วย เหลืออยู่ 493 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 4,140 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 15% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 1.42 เดือน สินค้านี้แม้มีอุปทานมาก แต่ก็ขายได้ดีมาก
อันดับที่ 15 ทำเล D3 บางบัว ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 2.471 ล้านบาท มีอยู่ 138 หน่วย ขายได้แล้ว 92 หน่วย เหลืออยู่ 46 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 341 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 15% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 2.26 เดือน
อันดับที่ 16 ทำเล I2 ปทุมวัน ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 3.930 ล้านบาท มีอยู่ 543 หน่วย ขายได้แล้ว 521 หน่วย เหลืออยู่ 22 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 2,134 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 14% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 0.29 เดือน ในกรณีนี้เหลือสินค้าอยู่น้อยมาก
อันดับที่ 17 ทำเล D2 สะพานใหม่ ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 3.832 ล้านบาท มีอยู่ 274 หน่วย ขายได้แล้ว 106 หน่วย เหลืออยู่ 168 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 1,050 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 14% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 4.44 เดือน
อันดับที่ 18 ทำเล I3 สุขุมวิท พระรามที่ 4 ระดับราคา 10.001-20.000 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 14.962 ล้านบาท มีอยู่ 1907 หน่วย ขายได้แล้ว 1216 หน่วย เหลืออยู่ 691 หน่วย รวมมูลค่าการพัฒนาเป็นเงิน 28,533 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 13% คาดว่าจะขายหน่วยที่เหลือหมดในเวลา 2.72 เดือน สินค้านี้แม้มีอุปทานมาก แต่ก็ขายได้ดีมาก
หากจะพัฒนาสินค้าประเภทนี้ น่าจะมีโอกาสที่ดี แต่ควรศึกษาสถานการณ์ให้ดี และศึกษาต่อเนื่องเพื่อให้ไม่พลาดในการลงทุนทั้งพัฒนา ทั้งซื้อ ทั้งการอำนวยสินเชื่อ