ตำนานคนแพ้ผู้ยิ่งใหญ่
ดีเร็ค เรดมอนด์ (Derek Redmond) เป็นคนที่ไม่เคยยอมแพ้อะไรอย่างง่ายดาย เขาคือนักกีฬาที่คนอังกฤษนับถือมากที่สุดคนหนึ่ง ด้วยการเป็นเจ้าของเหรียญทองแชมป์โลกวิ่ง 4x400 ที่โตเกียว ทำให้เขาเป็นที่น่าจับตาในโอลิมปิก 1988 ที่เกาหลีใต้ แต่เขาต้องฝันสลายเมื่อได้รับอาการบาดเจ็บจากการฝึกซ้อม จึงชวดลงแข่งในที่สุด 4 ปีต่อมา เขาได้เข้าร่วม โอลิมปิก 1992 ที่ บาเซโลน่า ในฐานะนักวิ่ง 400 เมตร และคือตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ในรายการนี้
.
.................................................
.
.ทุกอย่างทำท่าว่าจะเป็นไปได้สวย เขาออกสตาร์ทในกลุ่มนำ และกำลังจะเร่งฝีเท้าเข้าเส้นชัย แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ช็อคคนดู เมื่ออยู่ๆเขาก็หยุดวิ่งไปดื้อๆ และเดินกะเผลกๆ จนล้มลงในที่สุด ดีเร็ค มองดูผู้แข่งขันคนอื่นๆวิ่งเข้าเส้นชัยไปทีละคนๆจนครบ
.
แต่เขายังคงลุกขึ้นแล้ววิ่งกึ่งเดินกะเผลกๆต่อไปโดยไม่สนอาการบาดเจ็บ เขามีอาการของ กล้ามเนื้อขาด้านหลัง (Hamstring) ฉีกขาด ในทางการแพทย์หากฝืนวิ่งต่อไปอาจมีอันตราย แต่เขายังไม่หยุด ทุกคนบนอัฒจันทร์เอาใจช่วยเขาให้วิ่งต่อไป เขาปฏิเสธทุกการช่วยเหลือ
.
.................................................
.
.ปรากฏมีชายคนหนึ่งวิ่งฝ่าเจ้าหน้าที่สนามลงไปในลู่วิ่ง เขาคือ จิม ผู้เป็นทั้งพ่อและโค้ชของ ดีเร็ค นั่นเอง พ่อผู้ซึ่งอยากจะหยุดลูกชาย แล้วบอกลูกชายว่า มันไม่มีประโยชน์แล้วลูก มันจบแล้ว แต่เขายืนกรานที่จะวิ่งต่อให้ถึงเส้นชัย เขากอดและซบพ่อ แล้วร้องไห้โฮ เจ็บปวดทั้งกายและจิตใจ แต่เขาบอกพ่อว่า
.
" ผมถูกส่งมาให้เข้าเส้นชัย ไม่ได้ถูกส่งมาให้ล้มลงแบบนี้ "
.
เมื่อได้ยินดังนั้นพ่อจึงบอกลูกชายว่า
.
" งั้นเราจะเข้าเส้นชัยไปด้วยกัน พ่อจะพยุงแกเหมือนตอนแกหัดเดินตอนเด็กๆ แกล้มมากี่ครั้งพ่อยังพยุงได้ อีกทีคงไม่ลำบาก "
.
แล้วพ่อกับลูกก็ประคองกันเดินเข้าสู่เส้นชัยท่ามกลางเสียงโห่ร้องคาราวะยินดีกับทั้งสองคนที่สามารถทำได้สำเร็จ
.
.เมื่อจบโอลิมปิก แพทย์ได้วินิจฉัยว่าเขาจะไม่สามารถเล่นกีฬาระดับทีมชาติที่ต้องใช้ร่างกายหนักๆได้อีก เพราะเขาฝืนมากไป อาการบาดเจ็บมันสะสมมานานมากแล้ว ดีเร็ค เสียใจมากที่เขาจะไม่ได้เล่นกีฬาอีกเลย เขาหมดอาลัยไปหลายเดือนจนชีวิตค่อนข้างย่ำแย่ เขาคิดว่าเขารู้ขีดจำกัดของตนเองดี แต่เมื่อหมอวินิจฉัยมาแบบนี้ เขาเองจึงขัดหมอไม่ได้
.
.................................................
.
เขาดูแย่มาก ไม่เป็นผู้เป็นคน จนคุณพ่อพูดสิ่งหนึ่งให้เขาคิด
.
" เกิดมาเป็นนักกีฬา เมื่อไม่ได้เล่นกีฬามันก็เหมือนตายแล้วนั่นแหละ กีฬาในโลกนี้ไม่ได้มีแค่ในลู่วิ่ง "
.
.เมื่อได้รับแรงใจแรงสนับสนุนจากคุณพ่อ เขาจึงลุกขึ้นมาฟิตซ้อมร่างกาย พร้อมๆกับรักษาขาให้หายดี เส้นทางต่อไปของเขาคือการเล่นบาสเก็ตบอล(หนักกว่าวิ่งอีกนะนี่) เขาฝึกซ้อมจนถึงขนาดได้เข้าร่วมทีม Birmingham Bullets และติดทีมชาติอังกฤษ
.
ไม่นานเกินรอเขาได้ส่งเสื้อบาสเก็ตบอลทีมชาติเบอร์ของเขาพร้อมลายเซ็นต์ไปให้หมอที่เคยวินิจฉัยอาการของเขาว่าจะไม่สามารถเล่นกีฬาในระดับทีมชาติได้อีก
.
เมื่อวางมือจากการเป็นนักกีฬาอาชีพ เขาก็เข้าไปมีบทบาทหลายๆอย่างในวงการกรีฑาอังกฤษ เป็นทั้งผู้ตัดสิน ผู้บรรยาย รวมไปจนถึงการเป็นผู้วิเคราะห์บาสเก็ตบอลใน Eurosport และเขาได้ชื่อว่าเป็นนักสร้างแรงบันดาลใจให้นักกีฬาอังกฤษรุ่นใหม่ๆ ซึ่งเขามักถูกเชิญไปบรรยายเพื่อสร้างความพร้อมในการเก็บตัวของทีมชาติอังกฤษ และยังคงเล่นกีฬาอีกหลากหลายชนิด อาทิ ศิลปะการป้องกันตัว เป็นต้น
.
.................................................
.
.หากมองย้อนกลับไปเมื่อโอลิมปิกที่เกาหลีใต้ ตอนที่เขาบาดเจ็บหนักครั้งแรก ถ้าเขายอมแพ้มันตั้งแต่ครั้งโน้น มันคงไม่มีตำนานมาเล่าสู่นักกีฬารุ่นใหม่ๆฟังอย่างทุกวันนี้ นั่นเพราะเขามีคำว่า ไม่เคยยอมแพ้ อยู่ในตัวและหัวใจอย่างเข้มข้น เขาล่ะ ดีเร็ค เรดมอนด์ หนึ่งในแรงบันดาลใจของคนอังกฤษ
ในคราที่เขาคือดาวรุ่งลมกรด
เขายิ่งใหญ่มากเมื่ออยู่บนเ
วินาทีที่เขาล้มลง