คุณย่า
เรื่องฉันได้เขียนลงเว็บนี้เปนเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับฉัน
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อเกือบสิ้้นเดือนพฤษภาคนปี59คุณย่าที่เลี้ยงดูฉันกับพี่ชายท่านได้เสียไปทำให้ฉันต้องออกมาอยู่กับแม่สักพัก(แม่ฉันแยกทางกับพ่อตั้งแต่ฉันยังเด็ก) ส่วนพี่ชายคุณย่าท่านเหนท่าไม่ดีเลยส่งไปอยู่ใต้กับญาติก่อนที่ท่านจะเสีย ฉันขอสารภาพนะว่าฉันน่ะไม่ใช่เด็กดี ออกจะมีปัญหาหนักด้วยซ้ำ ปัญหาที่ฉันติดคือการหยิบฉวย นิสัยนี้ฉันติดมันมากจนเกือบโดนไล่ออกจากสถาบันศึกษาแต่ยังดีที่ที่ครูๆของที่นั้นเขายังเมตตาฉันอยู่จึงยังได้เรียนต่อ แต่ฉันก้ทำผิดอยู่ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง วันนั้นเปนวันที่นักเรียนไปเริ่มเรียนกันวันแรกแต่ฉันไม่ได้ไป สาเหตุ ฉันเรียนเกรดตก ติด0และร แต่ก้นะปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่มันอยู่ความคิดฉันเอง ในสถาบันฉันคนที่ติด0และร ยังสามารถไปเรียนได้ตามปกติแต่ต้องแก้คะแนนพวกนั้นให้เสร็จตามที่กำหนด (ซึ่งฉันก้แก้เสร็จหมดตามที่ที่บอร์ดวิชาการกำหนด)(ในช่วงชั้นฉันครูจะให้ใบสำรวจมาเพื่อให้เด็กเลือกว่าจะเรียนต่อที่สถาบันนี้หรือไม่ ซึ่งฉันก้เขียนลงไปว่าเรียน แต่พอวันรายงานตัวความคิดโง่ๆของฉันมันกลับบ่ายเบี่ยงไม่ไปรายงานตัวโดยการแกล้งลืม ทำให้ฉันไม่สามารถเรียนต่อในปีนั้นได้ เวลาที่มีอยู่ส่วนมากฉันใช้ไปกับการไปมาที่โรงพยาบาล เวลานั้นเปนเวลาที่ฉันสามารถอยู่กับย่าได้โดยไม่ต้องแอบโดดเรียนมา ตลอดเวลาที่อยู่กับย่ามาฉันคิดมาตลอดว่าย่าฉันรักพี่ชายฉันมากที่สุดทำให้ฉันแอบน้อยใจย่าอยู่บ่อยครั้งบ่อยครั้งที่ฉันจะเรียกแทนย่าว่าแม่ แม่ที่ฉันโหยหามาตลอด8ปี 8ปีที่ฉันไม่เจอแม่อีกเลย มีเพียงตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ยักษ์เพียงตัวเดียวที่แม่ของฉันทิ้งไว้ให้ จึงไม่แปลกที่ฉันจะรักผู้หญิงสูงวันคนหนึ่งที่เลี้ยงฉันมาเหมือนแม่แท้ๆ ด้วยความนิสัยเสียของฉันนิสัยหยิบฉวยนั้นฉันทำมันจนเกิดเรื่อง ทุกครั้งที่เปนเรื่องฉันจะถูกย่าตีเสมอ และทุกครั้งจะมีการอภัยและให้โอกาสฉันอยู่เสมอ ซึ่งในตอนนั้นฉันไม่เหนคุณค่าของมันเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง ฉันจำแม่นเลย เวลานั้นประมาณเที่ยงกว่าๆ ย่าของฉันท่านคุยอะไรกับญาติฉันไม่รู้(ตอนนั้นเหนท่าทางจะคุยเรื่องผู้ใหญ่กัน ในฐานะที่ฉันโตสุดในที่นั้น(พี่ชายไม่อยู่)ฉันจึงพาน้องๆ ออกไปอยู่ที่ลานหลังบ้าน) หลังจากนั้นสักพักฉันก้เหนย่าท่านมานั่งอยู่คนเดียวที่ห้องครัวหลังบ้าน ฉันนั่งมองท่านเหนท่านกำลังร้องไห้ ใจฉันอยากทำอะไรสักอย่างที่สามารถทำให้ท่านออกมาจากจุดจุดนั้น แต่... ฉันไม่ทำมัน และไม่กล้ามาตลอด ฉันไม่กล้าที่จะแสดงความรักที่ฉันมีต่อย่าออกไปสักครั้ง ฉันนั่งมองท่านอย่างนั้นโดยไม่รู้เลยว่าวันนั้นจะเปนวันสุดท้ายที่ฉันจะเหนย่าทั้งๆที่ยังมีลมหายใจ สักพักเรื่องก้เกิดขึ้นฉันคลาดสายตาจากย่ามาดูหลานสาวที่เปนลูกสาวของญาติผู้พี่ของฉันที่มาฝากดูแล้วเขาไปทำธุระ หลานสาวฉันร้องไห้จากการเล่นตามประสาเด็ก ฉันดูหลานอยู่ดีๆข้างหน้าบ้านก้เกิดเสียงดัง ฉันรีบอุ้มหลานสาวแล้วพาน้องๆไปที่หน้าบ้านทันที สิ่งที่ฉันเหนคือความชลมุน ทุกคนวิ่งวุ่นเตรียมโน่นนี้กันอย่างว่องไว ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วฉันหันไปมองย่าที่มีญาติ(ในตอนแรก)คอยใช้มือที่มีทิชชู่ซับเลือดย่า ส่วนปากก้เร่งคนอื่นๆ ทุกอย่างมันเร็วเกินกว่าที่ทุกคนคิด ญาติพาย่าฉันส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนทิ้งน้องๆไว้กับฉัน หลังจากที่รถออกไป ฉันก้ไปหาผ้ามาเช็ดรอยเลือดที่หยดอยู่ตรงพื้นบ้าน ฉันสงสัยเลยวิ่งไปดูหลังบ้าน ผลก้คือท่านพยายามถอดท่อที่ช่วยหายใจที่คอออก(ป่วยโรคหัวใจ หลอดคอตีบและอีกเยอะแยะ) หลังจากนั้นไม่นานญาติผู้พี่ของฉันก้มารับน้องๆไปดูแลต่อแต่ทิ้งฉันไว้ที่บ้านคนเดียว ทิ้งฉันไว้กับการที่คิดแต่ว่าย่าเปนยังไงอาการดีขึ้นรึยัง จนกระทั่งเย็น มีคนกลับมาจากโรงพยาบาล ฉันถามเรื่องย่าคำตอบคือ หัวใจหยุดแต่ไปครั้งหนึ่งแล้วแต่หมอมาช่วยปั้มหัวใจทันตอนนี้อยู่ช่วงที่ถือว่าโอเคมานิดนึง แต่ถ้าหัวใจเกิดหยุดอีกครั้งทุกคนลงความเหนว่าจะปล่อยท่านไป ฉันเข้าใจว่าทุกคนไม่อยากทรมานท่านซึ่งฉันก้เหนด้วย แต่ใครจะไปนึก...จู่ๆวันนั้นฉันนอนแทบไม่หลับ ประมาณตี4กว่าๆ คนที่กลับมาจากโรงพยาบาลเขาลงมาจากชั้นบน(บ้าน2ชั้น ฉันนอนข้างล่าง)มาเปิดไฟ แล้วเดินมาบอกฉันว่า ทำใจนะ ย่าเสียแล้ว ในตอนนั้นคนหลายคนอาจจะร้องไห้ออกมา แต่ฉันกลับไม่มีน้ำตาสักหยดเดียวในเหตุการ์ณนั้น ไม่ใช่ว่าฉันไม่เสียใจ แต่ ย่าเปนคนสอนฉันเอง ถ้าเรื่องนี้ฉันผ่านไปได้อย่างเข้มแข็ง ฉันก้จะผ่านไปได้ทุกเรื่อง ฉันจึงตั้งใจว่าจะจะเปนคนที่เข้มแข็งเหมือนย่า ในวันเผาศพย่า ญาติคนที่อยู่ในเหตุการ์ณวันนั้น เขาก้เดินมาคุยกับฉันว่า ย่าเสียแล้ว เราทำอะไรเพื่อย่าได้มั้ย ฉันก้ถามกลับว่าทำอะไร เขาบอกฉันว่าย่าอยากให้ฉันใหม่ เริ่มใหม่ทุกอย่าง ย่าไม่อยากให้ฉันเปนคนที่มีนิสัยหยิบฉวย ฉันสัญญากับญาติคนนั้นและกับย่า เรื่องแค่นี้ทำไมฉันจะทำไม่ได้ ฉันจะทำเพราะมันเปนทั้งอนาคตของฉัน และอีกอย่างเรื่องแค่นี้ฉันทำเพื่อย่าได้อยู่แล้ว ต่อมาฉันได้รู้ว่าจริงๆแล้วย่าไม่เคยลำเอียง ท่านแบ่งความรักให้กับลูกๆหลานๆทุกคนอย่างเท่าเทียม เพียงแต่ท่านจะแสดงออกต่างกันไป เ