ข่าวไม่จริงที่ว่าอสังหาฯ หดตัว 3 ปีซ้อน
อย่าได้ตระหนกกับข่าวคลาดเคลื่อน! อสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ไม่ได้หดตัว 3 ปีซ้อน เพียงแต่ในปี 2559 ล่าสุดเพิ่มขึ้นแค่ 2.4% เท่านั้น
ตามที่มีข่าว "อสังหาฯ หดตัว 3 ปีซ้อน 'ค้างสต็อก' 4 หมื่นยูนิต" ใน นสพ.กรุงเทพธุรกิจ หน้า 1 ฉบับวันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ นั้นไม่เป็นความจริง ดร.โสภณ ในฐานะผู้ทำศูนย์ข้อมูลฯ ที่ใหญ่สุดในประเทศไทยยืนยืนพร้อมนำเสนอข้อมูลที่เป็นจริงเพื่อประโยชน์ของผู้เกี่ยวข้องทั้งนักพัฒนาที่ดิน สถาบันการเงิน ส่วนราชการที่กำกับนโยบาย นักลงทุนและประชาชนทั่วไป
ความจริงก็คือ โครงการเปิดใหม่ในปี 2559 นั้นเพิ่มขึ้นกว่าปี 2558 เล็กน้อย แม้จะเรียกได้ว่าไม่ได้เพิ่มขึ้นก็ตาม เพราะเพิ่มขึ้นเพียง 2.4% ทั้งนี้ข้อมูลรายเดือนจากการสำรวจโครงการใหม่อาจน้อยกว่านี้ เพราะในแต่ละไตรมาส ศูนย์ข้อมูลฯ ได้ไปสำรวจแบบ "ปูพรม" จึงพบโครงการที่ตกหล่นบ้าง และสุดท้ายจึงได้จำนวนโครงการเปิดใหม่ 459 หน่วย จากปี 2538 ที่มี 431 หน่วย จำนวนหน่วยขายเพิ่มขึ้น 2.4% จากที่เกิดขึ้น 107,990 หน่วยในปี 2558 เพิ่มเป็น 110,557 หน่วย (http://bit.ly/2kheydT) อย่างไรก็ตาม ดร.โสภณ ก็เคยคาดการณ์ว่าปี 2559 ตัวเลขเปิดใหม่อาจต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย (http://bit.ly/2iFB4yy) แต่เมื่อรวบรวมโครงการที่ตกหล่นจากการ "ปูพรม" สำรวจอย่างละเอียด กลับพบว่าเปิดตัวเพิ่มขึ้น
หากพิจารณาจากมูลค่าการพัฒนาจะพบว่ามูลค่าลดลงถึง 12.2% คือลดลงจาก 435,056 ล้านบาทในปี 2558 เหลือเพียง 382,110 ล้านบาทเท่านั้น การลดลงของมูลค่านี้เป็นเพราะในปี 2558 มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาแพงเป็นจำนวนมากเป็นพิเศษ แต่ในปี 2559 สินค้าราคาแพงกลับเกิดขึ้นน้อยลง ทำให้มูลค่าลดต่ำลง จะเห็นได้ว่าราคาเฉลี่ยของที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ในปี 2559 คือ 3.456 ล้านบาทต่อหน่วย ในขณะที่เป็นราคาสูงถึง 4.029 ล้านบาทในปี 2558 ราคาบ้านในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลยังถูกกว่าในกรุงฮานอยที่ขายสูงถึงเฉลี่ยหน่วยละสูงถึง 5.648 ล้านบาท
ยิ่งกว่านั้น ดร.โสภณ พรโชคชัย ยังเปิดเผยข้อมูลผลการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลโดยสำรวจโครงการต่างๆ 1,837 แห่งพบว่ายังมี ที่อยู่อาศัยซึ่งรวมทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ อาคารพาณิชย์ และห้องชุดที่ยังไม่มีผู้ซื้อและยังอยู่ในมือของผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินจำนวน 184,329 หน่วย ปรากฏว่ามีจำนวน 43,014 หน่วย ที่จะแล้วเสร็จในปี 2561 ยิ่งกว่านั้นยังมีอีก 30,968 หน่วยที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2560 อีกราว 2 ปีข้างหน้าขึ้นไป ทั้งสองกลุ่มนี้รวมกันประมาณ 40% ของหน่วยขายที่รอผู้ซื้ออยู่ทั้งหมด หากเกิดวิกฤติ (แต่ยังไม่เกิดในวันนี้) ก็อาจทำให้จำนวนหน่วยขายที่ยังแทบไม่ได้สร้างเหล่านี้ลบหายออกไปจากตลาด
ข้อนี้ชี้ให้เห็นว่าการที่ไม่มีข้อมูลภาคสนามที่ครบถ้วน อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ แม้เศรษฐกิจของชาติไทยจะชะลอตัวลง แต่รัฐบาลก็พยายามจะ "ปั้ม" ให้ดีขึ้น ซึ่งสาธารณชนก็ยังไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะดำเนินการสำเร็จหรือไม่ แต่อย่างน้อยการ "ปั้ม" อย่างนี้ ก็ทำให้เกิดผลของการเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ มากขึ้น แต่ที่น่าใจก็คือหน่วยขายเปิดใหม่โดยบริษัทมหาชนและบริษัทในเครือสูงถึง 84% เหลืออีกเพียง 14% เป็นของบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น (http://bit.ly/2kIyV7j)
ต้องมีข้อมูลที่ดี จึงจะมีวิสัยทัศน์ที่ถูกต้อง
ที่มา: http://area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1809.htm
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
ซาอุฯ สั่ง "มันอัดเม็ดไทย" เพิ่ม 30,000 ตัน! เกษตรกรเฮลั่น
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoia
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
ซาอุฯ สั่ง "มันอัดเม็ดไทย" เพิ่ม 30,000 ตัน! เกษตรกรเฮลั่น
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoia
เฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับของจีน ทดสอบบินและยิงกระสุนจริงครั้งแรกแล้ว
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ


