พริกหวาน สรรพคุณและประโยชน์ของพริกหวาน 10 ข้อ !
โพสท์โดย มารคัส
พริกหวาน
พริกหวาน ชื่อสามัญ Bell pepper, Sweet pepper, Pepper, Capsicum[1]
พริกหวาน ชื่อวิทยาศาสตร์ Capsicum annuum L. จัดอยู่ในวงศ์มะเขือ (SOLANACEAE)[1]
พริกหวาน ยังมีชื่อเรียกอื่นว่า พริกยักษ์, พริกระฆัง, พริกตุ้มใหญ่[1]
ลักษณะของพริกหวาน
- ต้นพริกหวาน จัดเป็นพืชข้ามปี แต่นิยมปลูกเป็นพืชฤดูเดียว การเติบโตในระยะแรกจะเจริญเป็นลำต้นเดี่ยว เมื่อติดดอกช่อแรกตรงยอดแล้ว จากนั้นจะแตกกิ่งแขนงในแนวตั้งเป็นสองกิ่ง ทำให้จำนวนกิ่งเพิ่มขึ้น ตลอดฤดูการเจริญเติบโตผลผลิตที่ได้จะขึ้นอยู่กับจำนวนกิ่งและจำนวนผลต่อต้น ในช่วงระแรกที่กิ่งเจริญเป็นกิ่งอ่อน ต่อจากนั้นจะเปลี่ยนเป็นกิ่งแก่ที่มีความแข็งและเปราะหักได้ง่าย โดยมีความสูงของต้นอยู่ประมาณ 0.5-1.5 เมตร มีรากเจริญในแนวดิ่งลึกประมาณ 90-120 เซนติเมตร รากแขนงแผ่กว้างออกด้านข้างประมาณ 90 เซนติเมตร ส่วนรากใหญ่จะอยู่กันอย่างหนาแน่นในระดับความลึกประมาณ 50-60 เซนติเมตร สำหรับการปลูกพริกหวานนั้น จะขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด เจริญเติบโตได้ดินในสภาพอากาศอบอุ่น ความชื้นในอากาศต่ำ อุณหภูมิที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตจะอยู่ที่ประมาณ 20-25 องศาเซลเซียว[1]
- ใบพริกหวาน ใบเป็นใบเดี่ยว ออกสลับกัน ขนาดจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่ปลูก เมื่อใบเจริญ 9-11 ใบ ดอกแรกก็จะเจริญ[1]
- ดอกพริกหวาน ออกเป็นดอกเดี่ยว ดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ประกอบไปด้วยกลีบดอก 5 กลีบ ส่วนใหญ่แล้วดอกพริกหวานจะเป็นสีขาว แต่ก็มีบางสายพันธุ์ที่เป็นสีม่วง ดอกมีเกสรเพศผู้แยกกัน มีจำนวน 5 อัน อับละอองเกสรเป็นสีม่วง ยอดเกสรเพศเมียบางพันธ์จะอยู่สูงกว่าอับละอองเกสร ดอกพริกหวานสามารถเจริญได้ทั้งในสภาพช่วงแสงสั้นและช่วงแสงยาว โดยปกติแล้วดอกจะเจริญหลังย้ายปลูกประมาณ 1-2 ดอก ส่วนการผสมเกสร พริกหวานเป็นพืชที่ผสมตัวเอง แต่ก็มีการผสมข้ามพันธุ์โดยธรรมชาติสูง จึงทำให้มีสายพันธุ์ใหม่ ๆ ออกมาจำนวนมาก[1]
- ผลพริกหวาน ผลมีลักษณะกลมยาว มีขนาดใหญ่ ในผลจะประกอบไปด้วยสารให้ความเผ็ดหรือ Capsaicin ในปริมาณที่ต่ำมาก ส่วนผลนั้นโดยทั่วไปจะเป็นสีเขียว ถ้าปล่อยให้แก่บนต้นจะเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่บางสายพันธุ์ที่ถูกปรับปรุงพันธุ์ขึ้นมาใหม่ อาจจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือ สีส้ม หรือสีม่วงก็ได้ โดยพริกสีเขียวจะประกอบไปด้วยสารคลอโรฟิลล์ พริกสีแดงหรือเหลืองจะเกิดจากเมล็ดสีแคโรทีนอยด์ ส่วนพริกสีม่วงจะเกิดจากเม็ดสีแอนโธไซยานิน และสีน้ำตาลจะเกิดจากการผสมระหว่างคลอโรฟิลล์ ไลโคปีน และเบต้าแคโรทีน ผลจะมีรูปทรงและขนาดแตกต่างกันออกไป บางพันธุ์อาจมีเปลือกหนา แต่บางพันธุ์จะบาง ผลมีขนาดกว้างประมาณ 1-15 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1-30 เซนติเมตร ผลแก่ที่เปลี่ยนเป็นสีแดง เหลือง ส้ม หรือม่วง จะมีปริมาณของวิตามินเอสูงกว่าเดิมถึง 10 เท่า และมีวิตามินซีสูงกว่า 2 เท่า[1]
สรรพคุณของพริกหวาน
- ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย และช่วยทำให้เจริญอาหาร
- สาร Capsaisin จะช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ช่วยกระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำลาย
- เมื่อร่างกายได้รับสาร Capsaisin ร่างกายจะสร้างสาร Endorphins ที่ช่วยในการผ่อนคลายความเครียด
- พริกหวานสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ เพราะทำให้หลอดเลือดอ่อนตัวและช่วยทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดเป็นได้ด้วยดี[2]
- พริกหยวกมีสรรพคุณช่วยแก้อาเจียน ช่วยขับเหงื่อ ขับเสมหะ และช่วยขับลม
- ช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหาร ทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
- ช่วยแก้หิด และกลากเกลื้อน
ระโยชน์ของพริกหวาน
- พริกหวานมีรสชาติหวานและไม่เผ็ด สามารถนำมารับประทานสดในสลัดหรือนำมาผัดกับผักชนิดอื่น ๆ หรือนำมาใช้กับเนื้อสัตว์ ยัดไส้เนื้อหมู ชุบแป้งทอด หรือนำไปอบหรือนึ่งก็ได้ ที่สำคัญทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถรับประทานได้ มีสีสันที่น่ารับประทาน อีกทั้งอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมสูง ซึ่งพริกหวานสีเหลืองจะมีวิตามินมากกว่าพริกหวานสีส้มถึง 4 เท่า[1],[2]
- พริกหวานมีสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการการเกิดโรคมะเร็งได้[2]
- สาร Capsaisin สามารถช่วยยับยั้งอนุมูลอิสระได้ จึงช่วยลดความของการเกิดโรคหลอดเลือด และโรคต้อกระจก[2]
คุณค่าทางโภชนาการของพริกหวานสีเขียว ต่อ 100 กรัม
- พลังงาน 20 กิโลแคลอรี่
- คาร์โบไฮเดรต 4.64 กรัม
- น้ำตาล 2.4 กรัม
- ใยอาหาร 1.8 กรัม
- ไขมัน 0.17 กรัม
- โปรตีน 0.86 กรัม
- วิตามินเอ 18 ไมโครกรัม (2%)
- เบต้าแคโรทีน 208 ไมโครกรัม (2%)
- ลูทีน และ ซีแซนทีน 341 ไมโครกรัม
- วิตามินบี1 0.057 มิลลิกรัม (5%)
- วิตามินบี2 0.028 มิลลิกรัม (2%)
- วิตามินบี3 0.48 มิลลิกรัม (3%)
- วิตามินบี5 0.099 มิลลิกรัม (2%)
- วิตามินบี6 0.224 มิลลิกรัม (17%)
- วิตามินบี9 10 ไมโครกรัม (3%)
- วิตามินซี 80.4 มิลลิกรัม (97%)
- วิตามินอี 0.37 มิลลิกรัม (2%)
- วิตามินเค 7.4 ไมโครกรัม (7%)
- แคลเซียม 10 มิลลิกรัม (1%)
- ธาตุเหล็ก 0.34 มิลลิกรัม (3%)
- แมกนีเซียม 10 มิลลิกรัม (3%)
- แมงกานีส 0.122 มิลลิกรัม (6%)
- ฟอสฟอรัส 20 มิลลิกรัม (3%)
- โพแทสเซียม 175 มิลลิกรัม (4%)
- โซเดียม 3 มิลลิกรัม (0%)
- สังกะสี 0.13 มิลลิกรัม (1%)
- ฟลูออไรด์ 2 ไมโครกรัม
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)
References
- “พริกหวาน /พริกยักษ์”. รศ.นิพนธ์ ไชยมงคล.
- หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย. พิทักษ์พงค์.
ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Marty Smith, James, Rho, Matthew Wenger, Lou Prosperi 3rd., Doug, Zanyasan Tanantpapat, Calvin James)
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (MedThai)
ขอบคุณที่มา: https://medthai.com/พริกหวาน/
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
24 VOTES (4/5 จาก 6 คน)
VOTED: zerotype, willbe, แมวฮั่ว แมวขี้น้อยใจ, challen, ปุ้ม
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำ
วิเคราะห์สถิติหวยปีใหม่ 2 มกราคม: เจาะลึกเลขเด่นรับโชควันศุกร์ 2569
เขมร ยอมมาโต๊ะเจรจาที่จันทบุรี หลังไทยดัดหลัง "ไม่ย้ายประเทศ"
รู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่
"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชน
จรวดจีนฟัดจรวดจีน เปิดคลังอาวุธลับสมรภูมิสระแก้ว เมื่อไทย-เขมรต่างงัดไม้เด็ด "สายเลือดมังกร" มาดวลกัน
กฎหมายใหม่"การส่งข้อความลๅมกอนๅจๅร" อาจติดคุก เริ่มใช้ ต้นปี 69
ทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจาย
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่ง
พลเมืองและอดีตสส.อินเดีย ประณามกองทัพไทย ที่ทำลายรูปปั้นฮินดูในกัมพูชา
10 ประเด็นร้อนฉ่าที่คนไทยให้ความสนใจสูงสุดในปี 2568
เน็ตไทยสวนเจ็บ! วิจารณ์แรงครูสาวเขมร ใช้บทเรียน “นกแร้ง” พาดพิงการเมือง ชี้ครูยังคิดได้ขนาดนี้ อนาคตเด็กจะเหลืออะไรHot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เน็ตไทยสวนเจ็บ! วิจารณ์แรงครูสาวเขมร ใช้บทเรียน “นกแร้ง” พาดพิงการเมือง ชี้ครูยังคิดได้ขนาดนี้ อนาคตเด็กจะเหลืออะไร
เงินเดือนผู้ประกาศข่าว
ปลาย พรายกระซิบ ยัน "ไม่ใช่ผู้วิเศษ" ต้องหาอาชีพอื่นสำรองไว้ด้วย
พชร์ อานนท์ การันตี "หอแต๋วแตก" ภาคล่าสุด เส้นเรื่องแน่น มุกสดใหม่ทันเหตุการณ์กระทู้อื่นๆในบอร์ด
สาระ เกร็ดน่ารู้
อัปเดตวงการ SEO & AI Search ปี 2025: แหล่งอ้างอิงสำหรับ AEO และ GEO ที่คนทำ SEO ต้องรู้จัก
เตือนแล้วนะ! 3 ผลไม้ที่ "เซลล์มะเร็ง" โปรดปราน หมอยังไม่กล้าแตะ แต่หลายคนกินทุกวันโดยไม่รู้ตัว
เปิดตำนานคุณลุงซานต้า: จากนักบุญใจบุญยุคโบราณ สู่ชายชุดแดงพุงพลุ้ยที่โคคา-โคล่าช่วยปั้น! 🎅🦌
อันตรายใกล้ตัว เตือน 3 ประเภท ชามใส่อาหาร ที่หลายบ้านยังใช้ เสี่ยงสารพิษสะสมไม่รู้ตัว







