สูตรน้ำปั่น ดื่มบำรุงปอด ป้องกันโรคมะเร็ง
มนุษย์เราทุกคน ในขณะที่มีชีวิตต้องหายใจ และอวัยวะที่เป็นเหมือนเครื่องปั้มลมหายใจให้เราก็คือ ปอด โดยปอดของคนเราทั้งสองข้าง ทำหน้าในการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อเข้าไปใช้ในร่างกาย
ดังนั้นปอดจึงเป็นอีกอวัยวะหนึ่งที่ต้องทำงานตลอดเวลา หากเราไม่บำรุงรักษามันบ้าง มันก็อาจมีวันสึกหรอได้ เรามาบำรุงปอดแบบง่ายๆ ด้วยการปั่น ซึ่งปั่นในที่นี้ คือ น้ำปั่น ซึ่งสามารถทำได้ที่บ้านคุณเอง
น้ำปั่นบำรุงปอด
ส่วนผสม
แครอท 1 ถ้วยตวง
หัวไชเท้า 1/4 ถ้วยตวง
แอปเปิ้ล 1 ถ้วยตวง (สามารถใช้ได้ทุกสีแล้วแต่ความชอบ แต่ถ้าชอบเปรี้ยวแนะนำให้ใช้แอปเปิ้ลเขียว)
น้ำแข็ง 4 ถ้วยตวง
น้ำเชื่อม
เกลือ
วิธีทำ
1.นำแครอทและหัวไชเท้าสับฝอยหรือขูดเป็นเส้นเล็ก ๆ และนำแอปเปิ้ลไปหั่นเต๋า เพื่อง่ายต่อการปั่น
2.นำส่วนผสม แครอท หัวไชเท้า และแอปเปิ้ล ใส่รวมกัน ปั่นให้ละเอียด
3.ใส่น้ำแข็งและปั่นอีกครั้ง
4.เติมน้ำเชื่อมได้ตามที่ชอบ หรือจะไม่ใส่อันนี้แล้วแต่คนชอบ
5.เติมเกลือเล็กน้อย เพื่อตัดรสให้รสชาติกลมกล่อมขึ้น
ทำไมเราถึงเรียกน้ำปั่นแก้วนี้ว่าเป็น น้ำปั่นบำรุงปอด
แครอท
มีประสิทธิภาพช่วยป้องกันโรคมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งปอด เพราะมีสารฟาลคารินอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้ดี ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกายอีกด้วย
หัวไชเท้า
ในหัวไชเท้ามีสารแอนติออกซิเดนซ์ (antioxidants) ที่มีความสำคัญในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง สารในหัวไชเท้า ช่วยล้างพิษในร่างกายเป็นตัวดีท็อกและอุดมไปด้วยวิตามินซี กรดโฟริค (Foric) โฟลิคมีส่วนสำคัญในการสร้างเซลล์ และยังป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ จึงช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง นอกจากนี้หัวไชเท้ายังมีสาร ไอโซธิโอไซยาเนต(Isothiocyanate)ซึ่งสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้
แอปเปิ้ล
ในแอปเปิ้ล ไม่ว่าจะแอปเปิ้ลสีไหน มีสาระสำคัญคือ เบต้าเคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยสูง ซึ่งการทานแอปเปิ้ลจะช่วยฆ่าเชื้อไวรัสในร่างกาย
แอปเปิ้ลมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า "เคอร์ซีทิน"ซึ่งช่วยให้ปอดแข็งแรงและลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งปอดได้ เคล็ดลับการทานแอปเปิ้ลคือ ไม่ควรปอกเปลือก เพราะในเปลือกแอปเปิ้ล มีสาร “เพกทิน” ซึ่งมีส่วนช่วยในเรื่องของการขับถ่าย ทำง่ายได้สุขภาพแบบนี้ วันหยุดนี้อย่าลืมทำน้ำปั่นบำรุงปอดดื่มกันนะคะ
ข้อมูลจาก สสส.
เรียบเรียงโดย ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง
Cr.http://www.siamca.com/knowledge-id463.html