เทศกาลฮาโลวีนที่แตกต่างกัน ใน 10 ประเทศ
โพสท์โดย Faithbook
เทศกาลฮาโลวีนที่แตกต่างกัน ใน 10 ประเทศ
10 Ways Different Countries Celebrate Halloween
ถึงแม้วันฮาโลวีนจะเป็นแค่เพียงวันเดียว แต่ก็ถือเป็นหนึ่งในวันหยุดที่มีการเฉลิมฉลองที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ
คนจะใช้จ่ายเงินไปกับเครื่องแต่งกาย, ลูกอมและของตกแต่งต่างๆในการเตรียมความพร้อมของการจัดงาน
โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือไม่เพียงแต่จะแบ่งปันลูกอมและขนมต่างๆแล้ว ยังต้องการที่จะทำให้คนอื่นๆตกใจ
ความกลัวจึงได้กลายเป็นประเพณีของวันฮาโลวีน การพบเห็นคนที่แต่งตัวเป็นตัวละครสัตว์กระหายเลือดเดินตามท้องถนน
เห็นบ้านผีสิงและเรื่องผีที่น่าขนลุกต่างๆ ถือเป็นเรื่องปกติในวันฮาโลวีน
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่วัฒนธรรมวันฮาโลวีนของอเมริกาจะเข้ามา ยังมีอีกหลายประเทศที่ไม่ได้เห็นว่าวันนี้
เป็นเพียงวันที่จะมาแจกลูกอมกัน แต่ยกให้วันนี้เป็นวันรำลึกถึงบรรพบุรุษผู้จากไปแล้ว และมีพิธีกรรมที่
แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
10. ออสเตรีย (Austria)
ชาวออสเตรียจะตั้งน้ำ ขนมปังและเปิดโคมไฟหรือจุดเทียนบนโต๊ะของพวกเขาก่อนที่จะเข้านอน แทนการให้ลูกอม
เพราะเชื่อกันว่าการทำเช่นนั้นในคืนวันฮาโลวีน เป็นการต้อนรับดวงวิญญาณกลับมายังโลกอีกครั้ง ชาวคาทอลิกออสเตรีย
ใช้เวลานี้เพื่อเฉลิมฉลอง Seleenwoche (สัปดาห์วิญญาณ) ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคมถึง 2 พฤศจิกายน
ในช่วงเวลานี้แต่ละครอบครัวจะตกแต่งหลุมฝังศพของคนที่รักด้วยโคมไฟและพวงมาลา และในวันสุดท้ายของ
สัปดาห์วิญญาณ การสวดมนต์ส่งวิญญาณจะถูกจัดขึ้นเพื่อรำลึกผู้ที่จากไปแล้ว
9. จีน (China)
เทศกาลฮาโลวีนในประเทศจีนเรียกว่า Teng Chieh (เทศกาลโคมไฟจีน) จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในช่วงเวลานี้
ลูกหลานจะนำอาหารและน้ำวางไว้ด้านหน้ารูปถ่ายของบรรพบุรุษ มีการจุดโคมไฟเพื่อเป็นการนำทางให้ดวงวิญญาณ
เดินทางกลับสู่โลก และในวัดจะมีการพับเรือกระดาษซึ่งจะนำไปเผาในช่วงเย็น พิธีกรรมเหล่านี้ ทำเพราะเหตุผล
2 ประการคือ เพื่อรำลึกถึงผู้ที่จากไป และปลดปล่อยวิญญาณผีตายโหงให้ไปสู่สุคติ
8. อังกฤษ (England)
แทนการแกะสลักฟักทอง ชาวอังกฤษใช้บีทรูทมาแกะสลักแทนและเรียกมันว่า “Punkies” เด็กๆจะถือ Punkies
แล้วเดินไปแต่ละบ้านเพื่อไปขอเงิน ในบางพื้นที่เราจะเห็นโคมไฟหัวผักกาดถูกวางไว้หน้าบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้วิญญาณ
ที่ท่องไปในคืนวันฮาโลวีนเข้ามาในบ้าน อีกประเพณีหนึ่งคือการโยนวัตถุต่างๆ เช่น หิน, เกาลัดและผักต่างๆ
ลงไปในกองไฟขนาดใหญ่เพื่อทำให้วิญญาณกลัว นอกจากนี้วัตถุเหล่านั้นยังถูกนำมาใช้เป็นอุปกรณ์สำหรับการ
บอกโชคลาภอีกด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าก้อนกรวดถูกโยนลงในกองไฟและไม่สามารถมองเห็นมันในเช้าวันต่อไป
เชื่อว่าคนที่โยนก้อนกรวดนั้น จะไม่สามารถมีชีวิตรอดในปีถัดไป อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เด็กชาวอังกฤษส่วนใหญ่
ได้นำประเพณี “trick or treat” ของชาวอเมริกันมาใช้มากขึ้นเรื่อยๆ
7. ฝรั่งเศส (France)
ฝรั่งเศสไม่ฉลองวันฮาโลวีนเพื่อรำลึกถึงผู้ที่จากไปอย่างประเทศอื่นๆ ในความเป็นจริงชาวฝรั่งเศสไม่รู้จักวันฮาโลวีนเลยด้วยซ้ำ
พวกเขาได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับวันฮาโลวีนมาจากชาวต่างชาติและสื่ออเมริกันฝรั่งเศสไม่ได้มีการเฉลิมฉลองวันฮาโลวีนเลย
จนกระทั่งกลางทศวรรษที่ 1990 ก็ได้มีการเริ่มต้นการฉลองวันฮาโลวีนครั้งแรก โดยชาวฝรั่งเศสก็จะแต่งตัวในชุดคอสตูมต่างๆ
และเดินไปยังร้านแต่ละร้านแทนที่จะเป็นบ้านคนอย่างชาวอมริกันเพื่อไปขอลูกอม
6. ไอร์แลนด์ (Ireland)
คนส่วนใหญ่ยกให้ไอร์แลนด์เป็นจุดเริ่มต้นของวันฮาโลวีนและเทศกาลวันฮาโลวีนของที่นี่ก็ไม่ได้แตกต่างของชาวอเมริกัน
ชาวไอร์แลนด์เฉลิมฉลองวันฮาโลวีนโดยแต่งชุดคอสตูมและก็ไปตามบ้านเพื่อขอเล่น trick or treat ขอลูกอม เหมือนคนอเมริกัน
และก็มีจัดงานปาร์ตี้กัน ในงานปาร์ตี้จะมีการเล่นเกมส์ต่างๆ เกมส์ที่นิยมได้แก่ “Snap-apple” โดยจะนำเชือกมาผูกกับแอปเปิ้ล
และนำไปแขวนไว้บนต้นไม้หรือขอบประตู แล้วให้ผู้ที่เล่นเกมส์พยายามกัดแอปเปิ้ลนั้น, เกมส์ล่าสมบัติ และเกมส์ไพ่โดยไพ่
จะถูกคว่ำหน้าลง ขนมหรือเงินจะถูกซ่อนอยู่ใต้ไพ่ ผู้เล่นเกมส์เลือกไพ่มาและจะได้ของที่อยู่ใต้ไพ่ไป
5. เม็กซิโก (Mexico)
ในเม็กซิโก วันฮาโลวีนถูกเรียกว่า “El Dia de los Muertos” หรือวันแห่งความตาย เทศกาลจะเริ่มต้นในช่วงเย็นของวันที่ 31 ตุลาคม
และสิ้นสุดในวันที่ 2 พฤศจิกายน กิจกรรมในเทศกาลนี้ได้แก่ การไปที่หลุมฝังศพของคนที่เค้ารัก,ไปปิกนิกและงานเฉลิมฉลองต่างๆ
เชื่อกันว่าวิญญาณผู้ตายจะกลับไปบ้านของตัวเองในคืนวันฮาโลวีน ดังนั้นคนในบ้านจะตกแต่งแท่นบูชาด้วยลูกอม, ดอกไม้, น้ำ,
รูปถ่ายและอาหารที่ผู้ตายชื่นชอบ ในวันที่ 2 พฤศจิกายน ครอบครัวจะไปปิกนิกที่หลุมฝังศพของคนที่พวกเขารักและทำความสะอาด
หลุมฝังศพ
4. ญี่ปุ่น (Japan)
แม้ว่าชาวญี่ปุ่นจะรู้จักวันฮาโลวีน แต่ที่ญี่ปุ่นเค้าไม่ได้เฉลิมฉลองในลักษณะเดียวกับชาวอเมริกัน แต่ชาวญี่ปุ่นจะเฉลิมฉลองเทศกาล
Obon (ที่เรียกกันว่า “Matsuri หรือ” Urabon”) ซึ่งเป็นเทศกาลที่รำลึกถึงวิญญาณของบรรพบุรุษ หอกสีแดงจะถูกแขวนรอบๆ
พื้นที่การเฉลิมฉลองและจะมีการจุดเทียนนำไปไว้ในโคมไฟ จากนั้นปล่อยโคมไฟลอยลงแม่น้ำและทะเล เชื่อกันว่าไฟจะนำวิญญาณ
กลับไปที่บ้านของพวกเขาได้
3. ฟิลิปปินส์ (Philippines)
ในฟิลิปปินส์ วันฮาโลวีนจะหมายถึงการเน้นเรื่องความตาย และแม้ว่าอิทธิพลวันฮาโลวีนของประเทศอเมริกาจะค่อยๆแพร่กระจาย
ในประเทศฟิลิปปินส์ แต่ประเพณี Pangangaluluwa ก็ยังคงถูกเฉลิมฉลอง โดยผู้คนจะไปแต่ละบ้านและร้องเพลงเกี่ยวกับจิตวิญญาณ
ที่ติดอยู่ในนรกและขออาหารหรือเงินแลกกับการที่พวกเขาไปร้องเพลงให้ฟัง
2. สก็อตแลนด์ (Scotland)
การเฉลิมฉลองวันฮาโลวีนเริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในศตวรรษที่ 16 ช่วงแรกที่เฉลิมฉลองจะมีการทำนายอนาคตในวันฮาโลวีน
และในศตวรรษที่ 18 วันฮาโลวีนจะเป็นวันที่คนหนุ่มสาวค้นหาคู่รัก การแต่งกายในวันฮาโลวีนถือเป็นเรื่องที่ทำกันมาตั้งแต่
ช่วงต้นศตวรรษที่ 19 เด็กแต่งตัวคอสตูมไปเคาะประตูแต่ละบ้านเพื่อไปขออาหารหรือเงิน ประเพณีนี้ก็จะคล้ายกับประเพณี
วันฮาโลวีนของอเมริกา
1. สหรัฐอเมริกา (United States of America)
การเฉลิมฉลองวันฮาโลวีนในประเทศอเมริกาถือเป็นที่โด่งดังที่สุดก็ว่าได้ เด็กๆจะแต่งตัวในชุดต่างๆและไปเคาะประตูบ้าน
ในละแวกใกล้เคียงกับบ้านของพวกเขา แต่ละคนจะกลับมาบ้านตัวเองพร้อมกับถุงที่เต็มไปด้วยลูกอม นอกจากนั้นยังมีการ
จัดปาร์ตี้วันฮาโลวีน ซึ่งจะมีเกมส์ต่างๆให้เล่นกัน มีอาหารและเครื่องดื่มมากมาย ฟักทองถูกแกะสลักและจุดไฟข้างใน
เพื่อการตกแต่ง แต่เดิมประเพณี “trick or treat”มาจากความคิดที่ว่าความเมตตาจะต้องถูกแสดงให้บรรพบุรุษที่ตาย
แล้วเห็นเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกสั่งสอนหากไม่มีความเมตตา แต่ตอนนี้มันเหมือนเป็นข้ออ้างอย่างสุภาพในการขอลูกอมซะมากกว่า
หากใครอยากไปสัมผัสบรรยากาศการจัดงานวันฮาโลวีนใน 10 ประเทศนี้ ก็รีบจองตั๋ว จองโรงแรมกันนะ
จะได้ไม่พลาดไปร่วมงานเทศกาลนี้กัน
credit : therichest.com
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
4 VOTES (4/5 จาก 1 คน)
VOTED: เผลอหัวใจ
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ซิฟิลิส โรค อันตรายจากการ oral $ex ทำรักด้วยปาก และ สามารถส่งต่อให้แก่ทารกในครรภ์มารดา20 แคปชั่นกวางเรนเดียร์ ฮาๆ น่ารักๆ แคปชั่นกวางน้อย กวางเหลียวหลัง อ่อยๆหวิดช็อก! เจ้าของบ้านพบเงาดำปริศนา..แต่พอเดินมาดูใกล้ๆ ถึงกับฮากร๊ากทันที!!ลองมาเช็กกันดูว่าคุณมีอาการ ภาวะสมองล้า หรือไม่ ?จินโทนิก จากยารักษาโรคภัยในอดีต สู่ยารักษาโรคใจ ค็อกเทลฮิตติดอันดับโลกวิธีดูแลสุขภาพ “หัวใจ” ให้แข็งแรง ห่างไกลโรค“ภณ ณวัสน์” อวดวงแขนเนียนสะดุ้งใจ แฟนๆ แห่สมัครเป็นหมอนข้างHot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
กำเนิดสิ่งมีชีวิตมาจากไหน? ความลับของชีวิตที่ยังคงท้าทายวิทยาศาสตร์ไทยปาร์ค เบอร์ลิน ตำนานความอร่อยแดนยุโรป ชาวเยอรมันบอก…ที่นี่เหมือนอยู่ไทยเป๊ะเปิดรายชื่อผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต เหยื่อลุงเมาแล้วขับสธ.ยัน “ควบคุมได้” หลังไทยพบผู้ติดเชื้ออหิวาต์ 4 ราย – แนะวิธีป้องกันเลี่ยงโรค🦠🦠ชาวกัมพูชายกครอบครัวมาขอทานในไทย ลั่นยอมโดนจับส่งกลับบ้าน เดี๋ยวมาใหม่ได้ 😂