วาทะกรรม.."การเหมารวม" มีตำนาน
การเหมารวม[1] หรือ สามัญทัศน์ (อังกฤษ: Stereotype) คือ คตินิยมหรือทัศนคติของสังคมทั่วไปที่มีต่อกลุ่มคนอื่น ชาติอื่น หรือลักษณะของบุคคลบางประเภทจนกลายเป็นมาตรฐาน มีพื้นฐานมาจากการสรุปเอาจากข้อสมมุติพื้นฐานที่มีแนวโน้มที่เป็นอัตวิสัย
การเหมารวมเกิดขึ้นจากความคิดที่คุ้นเคยทางมโนธรรม เช่น จากพฤติกรรมบางอย่าง หรือลักษณะพิเศษอันแตกต่างจากผู้อื่นที่ปรากฏและเป็นที่สังเกตอยู่ชั่วระยะเวลาอันยาวพอประมาณ การที่แนวคิดทางวัฒนธรรม (Meme) จะกลายมาเป็นสิ่งที่ยอมรับกันโดยสังคมโดยทั่วไปได้ สามัญทัศน์ไม่อาจจะเป็นแนวคิดที่ผิดไปทั้งหมด และจะต้องมีองค์ประกอบที่สังคมยอมรับ (Social recognition) การเหมารวมมิได้ใช้แต่เฉพาะกลุ่มคนแต่อาจจะใช้ในสถานะการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอจนสามารถทำนายผลที่จะออกมาได้
การเหมารวมอาจจะเป็นได้ทั้ง “ดี” และ “ไม่ดี” แต่แนวคิดทางของการเหมารวมส่วนใหญ่แล้วยากที่จะเสนอภาพพจน์ทางบวกของกลุ่มชน
รูปลักษณ์ของโฮเมอร์ ซิมป์สันแสดงถึงการมองชายวัยกลางคนผิวขาวจากอเมริกากลางแบบเหมารวม
เช่น
ในสหรัฐอเมริกาความแตกต่างของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ โดยเฉพาะชนกลุ่มน้อยที่ต่างชาติพันธุ์มีรากฐานมาตั้งแต่เมื่อเริ่มการก่อตั้งเป็นอาณานิคมแล้ว เริ่มตั้งแต่เมื่อนักอาณานิคมเริ่มมีการติดต่อเป็นครั้งแรกกับชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกา การเหมารวม “คนป่าเถื่อน” (the savage) ก็เริ่มขึ้น ในสมัยแรกชาวยุโรปก็ยกย่องว่าเป็น “อนารยชนที่มีอารยธรรม” (noble savages) เพราะความสามารถในการดำรงชีวิตอยู่ในสภาวะที่ยากลำบากตามสายตาของชาวยุโรปได้ แต่ต่อมาเมื่อการตั้งถิ่นฐานขยายตัวออกไปทางตะวันตกมากขึ้น ชนพื้นเมืองก็กลายมาเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัว ภาพพจน์จึงกลายเป็นภาพพจน์ทางลบ สื่อมีเดียก็สร้างภาพพจน์ของชนพื้นเมืองว่าเป็นผู้ป่าเถื่อน ไร้วัฒนธรรม และโหดร้าย และมักจะบุกเข้ามาโจมตีผู้ตั้งถิ่นฐานผิวขาว, คาวบอย และรถม้า และกู่โหยหวนโดยเอามือป้องปาก เวลาสนทนาก็จะพูดด้วยเสียงห้าวต่ำและใช้คำเช่น “How” หรือ “Ugh”
ในการ์ตูน หรือ ภาพยนตร์การ์ตูนชนพื้นเมืองอเมริกันมักจะวาดเป็นสีแดงจัด และจะเรียกกันโดยทั่วไปในตะวันตกว่า “อินเดียน” ตัวอย่างของการเหมารวมของชนพื้นเมืองอเมริกันพบได้ในมีเดียต่างๆ ของตะวันตกมาจนถึงต้นคริสต์ทศวรรษ 1960 การเหมารวมอื่นก็เป็นผู้สูบกล้อง ผู้ที่ทาสีเป็นลวดลายบนใบหน้า ผู้ที่เต้นรำรอบเสาโทเท็มที่มักจะมีเชลยมัดอยู่กับเสา, ผู้ส่งสัญญาณที่ทำด้วยควัน, ผู้ดำรงชีวิตอยู่ในกระโจม, ผู้สวมเครื่องประดับศีรษะที่เป็นขนนก และ ผุ้จะถลกหนังหัวศัตรูเป็นต้น
หลังจากการขยายอาณานิคมดำเนินต่อไปในสหรัฐอเมริกาชนพื้นเมืองอเมริกันก็ถูกแบ่งเป็นกลุ่มย่อยลงไปอีกเช่น “คริสเตียน” หรือ “ฮีเธน” (ผู้นับถือศาสนาคริสต์), “ผู้มีอารยธรรม” และ “คนป่าเถื่อน” แนวคิดเหล่านี้ใช้เวลาเพียงราวสิบปีก็กลายเป็นหลักความคิดของชาวอเมริกันอย่างแน่นหนา การเหมารวมชนพื้นเมืองอเมริกันจึงมีรากฐานมาจากความคิดที่เริ่มขึ้นโดยนักล่าอาณานิคมที่สร้างภาพพจน์ไว้ในทางลบเช่นเป็นผู้ป่าเถื่อนและดุร้าย
ไทย-ลาว
ไทย-จีน
คนผิวขาวหลายคนมีทัศนคติว่าชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกาปราศจากการควบคุมตนเองและไม่สามารถรักษาความรับผิดชอบได้ มัลคอล์ม ดี. โฮล์มส์ และ จูดิธ เอ. อันเทลล์ตั้งทฤษฎีว่าทัศนคติต่อชนพื้นเมืองเช่นนั้นเป็นรากฐานของปรัชญาที่ใช้กันในปัจจุบันในการหาเหตุผลสนับสนุนความแตกต่างระหว่างชาวอเมริกันผิวขาวและชนพื้นเมือง
ในปัจจุบันการเหมารวมของคริสต์ศตวรรษที่ 19 ต่อชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกายังคงเป็นทัศนคติที่ถืออยู่ในกลุ่มคนเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อไม่นานมานี้รัฐบาลสหรัฐออกกฎหมายใหม่เพื่อเป็นการชดเชยสิ่งที่สูญเสียไปของชนพื้นเมืองอเมริกันโดยการอนุญาตให้มีการสร้างคาซิโนและการหารายได้จากคาซิโนที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายสหรัฐ สามัญทัศน์ใหม่จึงเป็นผู้เป็นเจ้าของหรือญาติของผู้เป็นเจ้าของคาซิโน
การแสดงภาพพจน์ของชนพื้นเมืองสมัยใหม่จึงแทบจะไม่ปรากฏในวัฒนธรรมสมัยนิยมนอกไปจากเป็นตัวละครในภาพยนตร์เรื่อง “บ้าก็บ้าวะ” ที่เป็นสามัญทัศน์ของผู้รักอิสระ หรือ ภาพยนตร์เรื่อง “Dances with Wolves” ที่เป็นสามัญทัศน์ของผู้มีวัฒนธรรม, รักสงบ และผู้อยู่ร่วมกับธรรมชาติ