กอช. เตือนสมาชิก เร่งส่งเงินออมให้ครบตามสิทธิ์ก่อนสิ้นปี 59 มั่นใจรับบำนาญตลอดชีพ แถมลดหย่อนภาษีได้
กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. เตือนสมาชิกส่งเงินสะสมให้ครบ เพื่อรับเงินสมทบเต็มจำนวนตามสิทธิ์ ปี 2559 มั่นใจรอรับบำนาญตลอดชีพเมื่อครบกำหนด พร้อมแจ้งข่าวดี ออมเงินกับ กอช. ยังได้รับการยกเว้นไม่ต้องคำนวณภาษีเงินได้
นายสมพร จิตเป็นธม เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. กล่าวว่า การออมเงินกับ กอช. สมาชิกสามารถสะสมเงินรวมกันตลอดทั้งปีได้ไม่เกิน 13,200 บาท ซึ่ง กอช. ใช้หลักเกณฑ์การนับตามปีปฏิทินคือเริ่มต้นจากวันที่ 1 มกราคม และสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี หากสมาชิกมีการสะสมเงินเข้ามา รัฐจะสมทบเพิ่มให้ในรูปแบบขั้นบันไดตามช่วงอายุ (สมาชิกที่มีช่วงอายุ 15-30 ปี สมทบสูงสุด 600 บาท/ปี, ช่วงอายุ 30-50 ปี สมทบสูงสุด 960 บาท/ปี และสำหรับผู้มีอายุ 50 ปีขึ้นไป สมทบสูงสุด 1,200 บาท/ปี) และเมื่อครบกำหนด ทาง กอช. จะจ่ายเงินคืนแก่สมาชิก ซึ่งแบ่งเป็น 2 กรณี คือ สมาชิกมีเงินสะสมในจำนวนที่มากพอ จะได้รับเป็นเงินบำนาญตลอดชีวิต และกรณีที่สองหากสมาชิกสะสมเงินจำนวนไม่มากพอ จะได้รับเป็นเงินดำรงชีพ คือ กอช. จะจ่ายคืนให้สมาชิกเดือนละ 600 บาท จนกว่าเงินในบัญชีสมาชิกจะหมด อย่างไรก็ดี สำหรับสมาชิกผู้มีสิทธิ์การออมเพียง 10 ปี (สมาชิกผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป) และมีความประสงค์จะได้รับเงินบำนาญตลอดชีวิต ต้องเร่งมือในการออม สะสมเงินให้เต็มสิทธิ์ จำนวน 13,200 บาท/ปี โดยในปีนี้เหลือเวลาอีกเพียงเดือนเศษเท่านั้น และหากสะสมเช่นนี้ประจำทุกปี การันตีได้ว่าสมาชิกจะได้รับเงินบำนาญตลอดชีพอย่างแน่นอน
นายสมพร จิตเป็นธม กล่าวเสริมอีกว่า สำหรับสมาชิกวัยทำงานที่ยังต้องเสียภาษีเงินได้นั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีเงินออมกับ กอช. รัฐบาลจึงกำหนดให้เงินได้เท่าที่สมาชิก กอช. จ่ายเป็นเงินสะสมเข้ากองทุน ตลอดจนเงินสมทบและดอกผลที่ได้รับจาก กอช. ให้ถือเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้อีกด้วย โดยสมาชิกสามารถนำใบแจ้งยอดเงิน (Statement) ที่ได้รับจาก กอช. ใช้เป็นเอกสารหลักฐานในการคำนวณและยื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในส่วนของใบแจ้งยอดนั้น ทาง กอช. จะดำเนินการจัดส่งให้กับสมาชิกทางไปรษณีย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. เป็นกองทุนการออมเพื่อวัยสูงอายุที่ให้สิทธิ์ประชาชนสัญชาติไทยเข้าเป็นสมาชิกระบบบัญชีรายบุคคล โดยกองทุนเป็นนิติบุคคล ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ เพราะปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีระบบการออมเพื่อการชราภาพที่ครอบคลุมภาคแรงงานทุกประเภทได้อย่างทั่วถึง ซึ่งยังมีแรงงานส่วนใหญ่ของประเทศที่ไม่ได้รับความคุ้มครองเพื่อการชราภาพ และแรงงานเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะตกอยู่ในความยากจนในวัยสูงอายุ เพราะไม่มีช่องทางให้เข้าถึงเครื่องมือการออมเงินในขณะที่อยู่ในวัยทำงาน
ดังนั้นรัฐบาลจึงจัดตั้งกองทุนเพื่อเป็นช่องทางการออมขั้นพื้นฐานให้แก่ผู้ที่ยังไม่ได้รับความคุ้มครองให้ได้รับผลประโยชน์ในรูปแบบของบำนาญ อันเป็นการสร้างความเท่าเทียมและเป็นธรรมในการดูแลจากภาครัฐ
กองทุนการออมแห่งชาติ เป็นนโยบายของรัฐบาลเพื่อส่งเสริมให้ผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระหรืออยู่นอกระบบบำเหน็จบำนาญของรัฐ หรือกองทุนเอกชนที่มีนายจ้างจ่ายสมทบแล้วซึ่งคาดว่ามีอยู่กว่า 30 ล้านคน ได้ออมเงินเพื่อใช้ในยามเกษียณโดยรัฐจะช่วยจ่ายสมทบให้ส่วนหนึ่ง และเมื่อผู้ออมมีอายุครบ 60 ปี ก็จะได้รับเงินบำนาญเป็นรายเดือนตลอดชีพ ถือเป็นการสร้างหลักประกันให้กับชีวิตในยามที่ไม่มีรายได้ประจำ และเป็นส่วนหนึ่งของการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
งานนี้ถึงแม้จะไม่ได้ทำอาชีพที่มีกองทุนบำเหน็จบำนาญมารองรับ แต่หลังจากกองทุนนี้จัดตั้งและมีผลบังคับใช้ รับรองว่าหลายคนที่ประกอบอาชีพนอกระบบบำเหน็จบำนาญของรัฐ หรือกองทุนเอกชนที่มีนายจ้างจ่ายสมทบ ก็สามารถดีใจกันได้เลยว่าตนก็มีบำเหน็จบำนาญเช่นข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ